26 สิงหาคม 2563
บทสรุปของยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกปีนี้ถือว่าลงเอยด้วยการเป็นแชมป์สมัยที่ 6 ของ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค ที่ทำสถิติชนะ 11 เกมรวด แต่ ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ที่แท้จริง เป็นเรื่องไหนไม่ได้นอกจากเรื่องของรูปแบบการแข่งขันที่เล่นกันแบบ KNOCKOUT นัดเดียวรู้เรื่อง ตั้งแต่รอบก่อนรองชนะเลิศยาวจนถึงนัดชิงล้วนแต่ใช้ระบบนี้
การเล่นแบบนัดเดียวถือว่าสร้างความแปลกใหม่ให้กับแฟนบอลต้องลุ้นกันทุกแมตช์ นอกจากนั้นยังส่งผลให้มีสกอร์ที่ออกมาเหนือความคาดหมายอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น โอลิมปิก ลียง ที่พลิกชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-1 ในรอบก่อนรองชนะเลิศ หรือ การที่ บาเยิร์น มิวนิค ถล่ม บาร์เซโลน่า 8-2 จนโลกยังช็อกถึงวันนี้ ซึ่งทั้ง 2 คู่ล้วนทำให้การแข่งขันปีนี้ได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ
เลยเกิดคำถามขึ้นมาว่า “การแข่งแบบนัดเดียวจะถูกนำมาใช้ใหม่ในอนาคตหรือไม่?”
วันนี้เราลองมาเปิดใจดูกันดีกว่า ระหว่างรูปแบบการเล่นแบบเดิมที่มีระบบเหย้า-เยือน กับ แบบ KNOCKOUT นัดเดียวจบของปีนี้ แต่ละแบบมีข้อดีและข้อเสียอย่างไรกันบ้างครับ ….
ข้อดีของระบบใหม่
1. มีโอกาสที่จะมีผลพลิกล็อคมากว่า บอลนัดเดียวอะไรก็เกิดขึ้นได้
การที่เล่นบอลนัดเดียวเป็นการเพิ่มโอกาสของการที่จะมีทีมม้ามืดทะลุเข้าไปสู่รอบลึก ๆ แทนที่ของทีมตัวเต็งได้
ข้อนี้เห็นได้ชัดจากการที่ปีนี้ทีมอย่าง แอร์เบ ไลป์ซิก กับ ลียง สามารถทะลุเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศได้
การทีทีมที่เป็นม้ามืดหลุดเข้าไปรอบลึกๆ ถือว่าเพิ่มความน่าสนใจให้กับการแข่งขัน เห็นได้ชัดจากปีก่อนๆ ว่าแต่ละปีจะมีทีมม้ามืดที่ทำผลงานได้ดีเกินคาด 1-2 สโมสร แต่ปีนี้มีถึง 3 ทีม อย่างเช่น อตาลันต้า ที่เกือบพลิกชนะตัวเต็งอย่าง เปแอสเช รวมถึงสองทีม แอร์เบ ไลป์ซิก กับ ลียง ที่ได้กล่าวไปข้างบนว่าผ่านไปเล่นถึงรอบรองชนะเลิศเลย ด้วยการทำผลงานที่ยอดเยี่ยมกว่าทีมที่คนมองว่าจะเป็นรองทีมที่เหนือกว่าก็ตาม
นอกจากนี้ การทีทีมเล็กที่ทำผลงานดียังเป็นแรงผลักดันให้ทีมอื่นๆ อยากพัฒนาฟอร์มการเล่นอีกด้วย ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วส่งผลดีต่อคุณภาพของการเล่นใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
2. ไม่ต้องเสียเวลากับการไปเหย้า-เยือน
การเล่นแบบ KNOCKOUT ก็ถือว่าตัดปัญหาเรื่องของการจัดตารางเหย้า-เยือนได้ เพราะไม่ต้องเสียเวลาเว้นระยะให้แต่ละทีมต้องเดินทางไปมา จะส่งผลดีต่อ ยูฟ่า ตอนจัดตารางการแข่งขัน
บอลนัดเดียวรู้ผลเป็นวิธีแก้ปัญหาการได้เปรียบ/เสียเปรียบของการได้เล่นในบ้านก่อนหรือหลัง ถ้าเล่นสนามกลางไปเลย ไม่มีใครจะยกเรื่องนี้มาเป็นข้อแก้ตัวได้
นอกจากนี้ยังเป็นผลดีต่อนักเตะอีกด้วย เพราะว่าจะมีเกมการแข่งขันที่น้อยลงจากเดิม
เห็นได้ชัดว่าทีมที่เล่นในบ้านทีหลังมักจะได้เปรียบทางจิตวิทยา และ เป็นเหตุที่ทีมสามารถกลับมาแซงชนะได้
ข้อเสียของระบบใหม่
1. หมดอรรถรสของบอลเหย้า-เยือน
ต้องยอมรับว่าหนึ่งในสิ่งที่ทำให้การแข่งขันรายการยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกมีความพิเศษไม่เหมือนรายการอื่น คือการที่มีแมตช์เหย้า-เยือนให้แฟน ๆ ได้ลุ้นการคัมแบ็กที่จะถูกจดจำไปตลอดกาล
ไม่ว่าจะเป็นการแพ้ 0-3 ในการออกไปเยือนเกมแรกของ ลิเวอร์พูล และสามารถกลับมาคว่ำ บาร์เซโลน่าในบ้านได้ 4-0 หรือ ปีก่อนหน้านั้นที่ ยูเวนตุส กลับมาแซงชนะ แอตเลติโก้ มาดริด ด้วยสกอร์รวม 3-2 หลังแพ้ก่อน 0-2 ในนัดแรก
การตัดให้เหลือการแข่งขันเกมเดียวจะทำให้สิ่งเหล่านี้ไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว
2. ต้องหาสนามกลางที่แฟร์สำหรับทั้งสองทีม
การจะตัดระบบเหย้า-เยือนออกไปก็จะทำให้เกิดความขัดแย้งในเรื่องของการเลือกสนามกลางที่แฟร์ต่อทั้งสองทีม มีหลายองค์ประกอบที่ต้องนำมาคิด เช่นเมืองที่จะใช้เตะจะมีระยะห่างจากแต่ละทีมเท่าไหร่? ความคุ้นชินกับสนาม ทีมไหนจะได้เปรียบมากกว่ากัน? แล้ว เรื่องของสนามซ้อมกับที่เก็บตัวล่ะ? ถือว่า การจะการแข่งขันนัดหนึ่ง ต้องมีหลายสิ่งที่ต้องคิดก่อนจะลงมือทำได้
3. แฟนบอลเข้าได้น้อย
นอกจากการที่บอลนัดเดียวจะต้องเล่นสนามกลางแล้ว อีกปัญหาที่จะเกิดขึ้นคือเรื่องของจำนวนแฟนบอลที่จะเข้ามาดูในสนามได้ แต่ละทีมจะได้ส่วนแบ่งเท่ากันมั้ย? ใครจะได้ส่วนแบ่งจากการขายตั๋ว? มีอีกหลายคำถามที่จะเกิดขึ้น
แฟน ๆ จะต้องเดินทางตามทีมรักของตัวเองยังไม่พอ ก็ต้องลุ้นว่าจะมีตั๋วเข้าชมเกมหรือไม่อีกด้วย
เรื่องเงิน
ถ้าว่ากันที่เรื่องเงินรางวัล การเล่นแบบเหย้า-เยือน และ แบบ KNOCKOUT ไม่ได้มีความแตกต่างออกจากกันมากเท่าไหร่ ทั้งคู่ยังใช้วิธีรับเงินจากยูฟ่าตามรอบที่ทีมสามารถทะลุเข้าไปเล่นได้
ยิ่งทีมเข้ารอบลึก ทีมก็จะได้เงินรางวัลเยอะขึ้น
รอบแบ่งกลุ่ม - 15.25 ล้านปอนด์
รอบ 16 ทีมสุดท้าย - 9.5 ล้านปอนด์
รอบ 8 - 10.5 ล้านปอนด์
รอบรองชนะเลิศ - 12 ล้านปอนด์
รอบชิงชนะเลิศ - 15 ล้านปอนด์
ทีมแชมป์ - 19 ล้านปอนด์
---
ชนะได้นัดละ - 2.7 ล้านปอนด์
เสมอได้นัดละ - 900,000 ปอนด์
----
เรื่องของเงินจากการถ่ายทอดสดแต่ละทีมจะได้อยู่ที่ประมาณทีมละ 9 ล้านปอนด์
ประธานยูฟ่า ALEKSANDER CEFERIN ออกมายอมรับว่ารูปแบบการเล่นใหม่นั้นส่งผลดีและเป็นที่เห็นชอบของหลาย ๆ คน เขาได้กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศว่า “การแข่งขันปีนี้มีความน่าสนใจมากว่าในปีก่อน ๆ ที่ให้เล่นแบบเหย้า-เยือน”
แฟน ๆ ก็ต้องลุ้นละกันครับ ว่าสรุปแล้วเราจะได้เห็นการเล่นแบบเหย้า-เยือนในฤดูกาลหน้า หรือว่าจะใช้ระบบ KNOCKOUT นัดเดียวเหมือนปีนี้
TAG ที่เกี่ยวข้อง