อ่านเกมตัน เชง โฮ: เหตุไฉนเสือเหลืองถึงกลายเป็นเสือโหยในวันนี้

อ่านเกมตัน เชง โฮ: เหตุไฉนเสือเหลืองถึงกลายเป็นเสือโหยในวันนี้

#คุยเฟื่องเรื่องบอลไทย

เร็วๆมานี้เองสื่อท้องถิ่นของมาเลย์และอินโดฯต่างเล่นข่าวถึงท่าทีและอากัปกิริยาของนายใหญ่ทีมชาติมาเลเซียอย่างตัน เชง โฮ ที่ออกอาการผิดหวังอย่างรุนแรงเมื่อแผนงานการเตรียมทีมของเขาในการลุ้นตั๋วเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้ายในเวิร์ลคัพมีอันต้องสะดุดเพราะพิษโควิด-19

ไม่ได้แข่งในเดือนมีนาคมตามตารางเก่า(และดูเหมือนว่าจะลากยาวไปถึงปลายปีเลยด้วยซ้ำ), อดอุ่นแข้งกับทีมดังมากมายในอาหรับ แถมลีกในประเทศเองก็ยังต้องถูกเลื่อนออกไปพร้อมๆกับความไม่ชัดเจนในตารางเก็บตัวทีมชาติ นั่นแหละจึงทำให้นายใหญ่ทีมเสือเหลืองออกอาการ “เนื้อเต้น” ออกมาอย่างเห็นได้ชัด

ผมอ่านใจตัน เชง โฮว่าทำไมเขาถึงอยากพาลูกทีมลงเตะคัดบอลโลกจัง ท่ามกลางสถานการ์ณที่โลกกำลังปั่นป่วนจากภัยสงครามโควิด-19 อยู่ขณะนี้ ถ้าไม่เลื่อนมาเลย์จะได้ประโยชน์อะไรล่ะ? และทำไมนายใหญ่เสือเหลืองถึงออกอาการ “กระสัน” มากขนาดนี้?

วิเคราะห์เหตุผลเชิงสนับสนุนออกมาได้อยู่เหมือนกันราว 2-3 ข้อ บางทีตัน เชง โฮ ก็อาจกำลังคิดอยู่ว่าหากคัดบอลโลกไม่ถูกพิษโควิด-19 เล่นงาน มาเลย์อาจได้เปรียบ และจะกลายเป็นภัยคุกคามการเข้ารอบต่อไปของทุกทีมในสายอย่างไม่ต้องสงสัย

เหตุผลข้อแรก คือ หากไม่นับเวียดนามที่มีปาร์ค ฮัง ซอ เป็นแม่ทัพมาอย่างยาวนาน มาเลเซียเองก็เป็นทีมที่ดูลงตัวกว่าทีมอื่นในกลุ่มจีด้วยกัน นั่นเพราะทีมที่เหลือทั้งยูเออี, อินโดฯ หรือแม้แต่ไทยเองต่างพึ่งเปลี่ยนกุนซือมาใหม่ แถมในสองรายแรกยังมีชั่วโมงบินกับทีมน้อยมาก (ทั้งอิวาน โยวาโนวิชและชิน แท ยอง ทั้งสองคนพึ่งจะออกสตาร์ท)

การเป็นกุนซือใหม่แกะกล่องของยูเออี คู่ต่อสู้รายต่อไปที่มาเลย์จะได้เจอ หากมองแบบเข้าข้างมาเลย์นี่อาจเป็นโอกาสที่จะบุกไปสร้างความเซอร์ไพร์สถึงดูไบ เพราะหากเทียบชั่วโมงบินระหว่างตัน เชง โฮ ที่อยู่กับทีมมาตั้งแต่ยู19 ไต่เต้าขึ้นมาเรื่อยๆจนได้ตำแหน่งคุมทีมชุดใหญ่กับนายใหม่ของยูเออีอย่างอิวาน โยวาโนวิช ดูยังไงตัน เชง โฮก็มีภาษีดีกว่าในด้านข้อมูลนักเตะ, ระบบทีมและความสัมพันธ์ภายในทีม พูดง่ายๆนายใหญ่ทีมเสือเหลืองในตอนนี้รู้จักทีมตัวเองดีกว่านายใหม่ยูเออี ชนิดไม่เห็นไฟท้าย

“ตีเหล็กต้องตีตอนร้อน และการศึกต้องฉวยโอกาสที่ทหารกำลังได้ใจ” นั่นคือเหตุผลในข้อที่สอง เพราะ 6 แต้มแบบเต็มไม้เต็มมือล่าสุดจากการชนะไทยและอินโดฯพาทีมรั้งรองจ่าฝูงด้วยการมี 9 คะแนนจาก 5 นัด ว่ากันทั้งภาคทฤษฎีและปฎิบัติมาเลย์เองก็กำลังอยู่ในเส้นทางของการลุ้นเข้ารอบต่อไปอย่างเต็มตัว

ชัยชนะในสองเกมล่าสุดทำให้บรรยากาศภายในทีมมีแต่ความสุข, ความหวัง และปลุกพลังให้ฮึกเหิมแบบขีดสุด แถมยังช่วยเรียกโมเมนตั้มของทีมให้กลับมาได้เป็นอย่างดีหลังจากพ่ายยูเออีและเวียดนาม เห็นได้ชัดจากบทสัมภาษณ์ที่ผ่านๆมาของบรรดาตัวเก่งภายในทีมที่ต่างพูดในทำนองเดียวกันว่าค่อนข้างมั่นใจกับโอกาสในการเข้ารอบต่อไป และยอมรับว่ารู้สึกเสียดายที่โปรแกรมคัดบอลโลกต้องถูกเลื่อนจากพิษโควิด-19  

ข้อสุดท้าย นักเตะส่วนใหญ่ในทีมเสือเหลืองกำลังอยู่ในฟอร์มที่ทั้งสดและพีคที่สุดโดยเฉพาะบรรดาตัวโอนและพวกเลือดผสม

เบรนดัน กัน กองกลางลูกครึ่งมาเลย์-ออสซี่ คนที่ยิงตีเสมอในเกมที่เจอไทย, โมฮามาดู ซูมาเรห์ กองหน้าผิวสีตัวโอนจากแกมเบีย คนที่ยิงดับไทย และลาเวียร์ คอร์บิน-ออง แบ็คซ้ายหัวฟูลูกครึ่งบาร์เบโดส-มาเลย์ แบ็คตัวจี๊ด ทั้งสามรายที่ว่ากำลังอยู่ในฟอร์มที่โดดเด่นและน่าจับตาที่สุด

ต้องยอมรับว่าแนวความคิดในการใช้มาเลย์ชุดเลือดผสมที่ตัน เชง โฮนำมาใช้ในยุคนี้ทำให้ทีมเสือเหลืองแข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และนั่นก็ทำให้เขายิ่งมั่นใจในแนวทางที่ว่าและนำมาซึ่งการโอนเพิ่มอีกสามตัวอย่างลิริดอน คราสนิกี(จากโคโซโว), กิลเญเม่ เด เพาลา(จากบราซิล) และลี ทัค(จากอังกฤษ) ซึ่งทั้งสามรายต่างมีประสบการ์ณเคยผ่านสโมสรดังๆในยุโรปและอเมริกาใต้มาอย่างโชกโชน (ลิริดอนกับสลาเวีย ปรากและมลาด้า โบเลสลาฟ, กิลเญเม่กับกอริติบ้าและวิตอเรีย เซตุบัล ในขณะที่ลี ทัค อดีตเด็กฝึกฮาลิแฟ็กซ์ ทาว์นจากอังกฤษ และยังเป็นเด็กเก่าทีมสวาทแคท, นครปฐม ยูไนเต็ด,  เอ็มโอเอฟ ศุลกากร ยูไนเต็ด และแอร์ฟอร์ซ ยูไนเต็ด)

เสือเหลืองในสภาวะ “กระสัน” แมตช์แข่งขันเป็นที่สุดในเวลานี้ก็ไม่ต่างจาก “เสือโหย” ที่กำลังหิวกระหายรอวันเขมือบเหยื่อแบบตั้งตารอนับเดือนนับวัน เราคงต้องมาดูกันว่าพิษโควิด-19 ที่ทำให้เสือเหลืองต้องอดใจรอต่อไปอีกซักพักนั้นจะทำให้ความหิวและโหยนี้ถดถอยลงไปบ้างมั้ย? ปลายปีนี้ได้รู้กัน..