stadium

5 นัดชิงฯ สุดช็อกใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

22 สิงหาคม 2563

ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก คือการแข่งขันฟุตบอลระดับสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุโรป โดยเป็นการนำเอาแชมป์ลีกและรองแชมป์ลีกของแต่ละประเทศมาลงแข่งขัน ดังนั้นเกมแต่ละนัดจึงเต็มไปด้วยคุณภาพ โดยเฉพาะในรอบชิงชนะเลิศ

 

และนับตั้งแต่ที่เปลี่ยนชื่อจาก ยูโรเปี้ยน คัพ มาเป็น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ตั้งแต่ปี 1992 เป็นต้นมา มีเกมรอบชิงชนะเลิศหลายนัดที่ผลออกมาพลิกล็อกช็อกโลก และนี่คือ 5 นัดชิงฯ สุดช็อกใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

 

 

1994 : เอซี มิลาน 4-0 บาร์เซโลน่า

ก่อนแข่ง เอซี มิลาน เป็นรองสุดกู่ เพราะนอกจากเรื่องฟอร์มการเล่นแล้ว พวกเขายังขาดนักเตะสำคัญถึง 7 รายทั้ง มาร์โก แวน บาสเท่น ตำนานกองหน้าฮอลแลนด์ที่เจ็บยาว เช่นเดียวกับ จานลุยจิ เลนตินี่ ปีกเจ้าของค่าตัวสถิติโลกในขณะนั้น ขณะที่แนวรับขาด ฟรังโก้ บาเรซี่ สวีปเปอร์กัปตันทีม และอเลสซานโดร คอสตาคูร์ต้า กองหลังตัวหลัก ที่ติดโทษแบนทั้งคู่ นอกจากนั้นด้วยกฎของยูฟ่าที่ให้ส่งชื่อผู้เล่นต่างชาติได้เพียง 3 คนทำให้ ฟาบิโอ คาเปลโล่ ต้องตัดสินใจไม่ใช้งาน ฟลอริน ราดูซิโอลู, ฌอง-ปิแอร์ ปาแปง และ ไบรอัน เลาดรูีป ส่วน บาร์เซโลน่า ที่มี โยฮัน ครัฟฟ์ คุมทีม เลือกไม่ใช้งาน ไมเคิล เลาดรู๊ป แต่ยังมี โรมาริโอ, ฮริสโต้ สตอยช์คอฟ และซิกิ เบกิริสไตน์ เป็นตัวชูโรง

 

อย่างไรก็ตาม คาเปลโล่ ซุกไพ่เด็ดที่ช็อกคนทั้งโลกด้วยการเปิดเกมบุกแลกกับบาร์ซ่าแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ซึ่งเล่นเอาทีมดังจากสเปนตั้งตัวไม่ติด ก่อนที่ปิศาจแดงดำจะขึ้นนำ 2-0 ในครึ่งแรกจาก ดานิเอเล่ มาสซาโร่ ทั้ง 2 ประตู และมาได้ในครึ่งหลังเพิ่มอีก 2 ลูกจาก เดยัน ซาวิเซวิช และ มาร์เซล เดอไซญี่ ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์สมัยที่ 5 ได้อย่างสมบูรณ์แบบ และไม่มีทีมใดที่สามารถเอาชนะคู่แข่งในรอบชิงฯ ได้ถึง 4 ประตูนับตั้งแต่นั้น

 

 

1999 : แมนฯ ยูไนเต็ด 2-1 บาเยิร์น

แมนฯ ยูฯ เป็นรองตั้งแต่ยังไม่แข่งเนื่องจากหมดสิทธิ์ใช้งาน พอล สโคลส์ และ รอย คีน 2 กองกลางคนสำคัญ และยังตกเป็นฝ่ายไล่ตามตั้งแต่ผ่านพ้น 6 นาทีแรกจากฟรีคิกของ มาริโอ บาสเลอร์ ก่อนที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะส่ง เท็ดดี้ เชอริงแฮม และ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ลงสนามในช่วงกลางและปลายครึ่งหลังเพื่อทำประตูตีเสมอ ซึ่งเกือบจะโดนประตูย้ำชัยแทนหลังจากลูกจักรยานอากาศของ คาร์สเท่น ยังเคอร์ ไปชนคาน

 

จากนั้นในช่วงทดเวลาที่ใคร ๆ ต่างคิดว่ามันจบแล้ว เชอริงแฮมกลับปลุกผีขึ้นมาจากหลุมหลังทำประตูตีเสมอในนาทีที่ 91 และ 2 นาทีถัดมา จากลูกเตะมุมที่ เดวิด เบ็คแฮม เปิดไปทางเสาแรก เชอริงแฮมขึ้นโหม่งเช็ดต่อไปที่หน้าประตูให้โซลชาแหย่เท้าจิ้มเข้าไปเป็นประตูชัยให้ปิศาจแดงทำทริปเปิ้ลแชมป์ได้สำเร็จ

 

 

2005: เอซี มิลาน 3-3 ลิเวอร์พูล (ลิเวอร์พูลชนะจุดโทษ 3-2)

ปาฏิหาริย์แห่งอิสตันบุลเกิดขึ้นหลังจากที่ลิเวอร์พูลต้องเป็นฝ่ายตามหลังถึง 0-3 ในครึ่งแรกจากประตูของ เปาโล มัลดินี่ และเอร์นาน เครสโป ที่ทำ 2 ประตู หลายคนต่างคิดว่าแชมป์จะเป็นของ เอซี มิลาน อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร

 

ภายใน 15 นาทีของครึ่งหลัง แนวรับของมิลานก็เหมือนทำนบแตก สตีเว่น เจอร์ราร์ด, วลาดิเมียร์ ซมิเซอร์ และ ชาบี อลอนโซ่ ทำคนละประตูตามตีเสมอจนเหมือนเกมครึ่งแรกเป็นเพียงแค่ความฝันของพลพรรครอสโซเนรี่ และที่ยิ่งชอกช้ำไปกว่านั้นคือต้องไปตัดสินหาผู้ชนะกันด้วยการดวลจุดโทษ ก่อนที่ แซร์จินโญ่ จะยิงข้ามคาน และ เจอร์ซี่ย์ ดูเค็ค จะเซฟลูกยิงของ อันเดรีย ปีร์โล่ กับ อังเดร เชฟเชนโก้ ได้สำเร็จ ส่งผลให้ ลิเวอร์พูล พลิกกลับมาคว้าแชมป์อย่างเหลือเชื่อ

 

 

2012: บาเยิร์น 1-1 เชลซี (เชลซีชนะจุดโทษ 4-3 )

ด้วยการที่รอบชิงฯ มีขึ้นที่ อัลลิอันซ์ อารีน่า สนามเหย้าของบาเยิร์น ทำให้หลายง่ายคาดว่าทีมเสือใต้น่าจะคว้าแชมป์สมัยที่ 5 ได้สำเร็จ โดยเฉพาะหลังจากที่ โธมัส มุลเลอร์ โหม่งให้ทีมขึ้นนำในนาทีที่ 83 แต่ในขณะที่บาเยิร์นเตรียมจะเฉลิมฉลอง ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา กลับตีเสมอได้สำเร็จในนาทีที่ 88

 

จากนั้นสปอตไลต์ก็ไปจับจ้องที่ ปีเตอร์ เช็ก จากการโชว์ฟอร์มเซฟพัลวัน ทั้งในช่วงต่อเวลาพิเศษที่เซฟจุดโทษของ อาร์เยน ร็อบเบน และในช่วงการดวลจุดโทษที่ปฏิเสธลูกยิงของ อิวิก้า โอลิช และบาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ก่อนที่ ดร็อกบา จะมายิงเป็นคนสุดท้ายให้ เชลซี คว้าแชมป์รายการนี้เป็นครั้งแรกได้สำเร็จ

 

 

2014: เรอัล มาดริด 4-1 แอต.มาดริด (ต่อเวลาพิเศษ)

แอต.มาดริด เคยเข้ารอบชิงฯ รายการนี้มาแล้ว 1 ครั้ง เมื่อปี 1974 สมัยยังใช้ชื่อ ยูโรเปี้ยน คัพ และเกือบจะคว้าแชมป์ได้สำเร็จแต่ถูกตีเสมอในนาทีสุดท้ายของการต่อเวลาพิเศษ ก่อนจะไปแพ้ยับเยินในนัดรีเพลย์ 40 ปีต่อมาพวกเขาเจอกับชะตากรรมเดียวกัน เมื่อ ดิเอโก้ โกดิน โหม่งให้ทีมขึ้นนำตั้งแต่นาทีที่ 36 จนถึงนาทีที่ 90 แต่แล้ว เซร์คิโอ รามอส ก็มาทำประตูตีเสมอได้อย่างเหลือเชื่อในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ

 

หลังจากนั้นในช่วงต่อเวลาพิเศษ นักเตะทีมตราหมีก็เหมือนขวัญกระเจิงจนโดน แกเร็ธ เบล, มาร์เซโล่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้(จุดโทษ) ดาหน้ายิงถล่มเอาชนะไป 4-1 คว้าแชมป์สมัยที่ 10 ได้อย่างยิ่งใหญ่


stadium

author

ไทเกอร์ วืด

StadiumTH Content Creator

La Vie en Rose