stadium

มนุษย์ 9 วิ. กับศึกชิงบัลลังก์ต่อจาก ยูเซน โบลต์

19 สิงหาคม 2563

ในวงการกรีฑา หากวิ่งได้ในระดับ 9 วินาที คุณอาจจะมีเหรียญโอลิมปิกมาคล้องคอได้ ซึ่งในปัจจุบันก็นับว่าไม่ใช่เรื่องแปลกเหมือนสมัยก่อนอีกแล้ว แต่อยู่ที่ว่าคุณจะสามารถวิ่งในระดับนี้ได้ในการแข่งขันที่มีความสำคัญหรือมีภาวะกดดันที่สูงปรี๊ดได้หรือไม่

 

หลังจากเจ้าของแชมป์โอลิมปิก 3 สมัยซ้อนอย่าง ยูเซน โบลต์ โบกมือลาวงการไปแล้ว ทำให้โอลิมปิกหนนี้เปลี่ยนหน้าอย่างแน่นอน วันนี้เราพาท่านผู้อ่านไปพบกับ 6 ลมกรดที่มีโอกาสก้าวขึ้นเป็น “มนุษย์ที่เร็วที่สุด” ในโตเกียว 2020+1

 

 

1.อังเดร เดอ กราสส์

ลมกรดแคนาเดี้ยน วัย 25 ปี เจ้าของเหรียญทองแดง 100 เมตร จากโอลิมปิกหนก่อน ต่อเนื่องมาจนถึงรายการชิงแชมป์โลกที่โดฮาเมื่อปีที่แล้ว แม้ว่าจะเป็นม้านอกสายตา แต่ เดอ กราสส์ ที่มักจะทำผลงานได้ดีในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ก็มีโอกาสสอดแทรกขึ้นมาสร้างเซอร์ไพรส์มีลุ้นเหรียญรางวัลติดไม้ติดมืออยู่เช่นเดียวกัน โดยสถิติที่ดีที่สุดของเจ้าตัวอยู่ที่ 9.90 จากการแข่งขันชิงแชมป์โลกเมื่อปีที่ผ่านมา

 

 

2.โนอาห์ ไลส์

แม้ว่าระยะที่เจ้าตัวทำได้ดีที่สุดจะเป็น 200 เมตร ที่เพิ่งจะคว้าแชมป์โลกไปเมื่อปีก่อน แต่ในระยะ 100 เมตร ก็เป็นอีกประเภทหนึ่งที่ดาวรุ่งชาวอเมริกัน วัย 22 ปี มีพัฒนาการที่ดีขึ้นอยู่เรื่อยๆเช่นเดียวกัน จากผลงานคว้าแชมป์ 2 สนามที่เซี่ยงไฮ้ และ ซูริค ในไดมอนด์ ลีก เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเจ้าตัวทำสถิติดีที่สุดของตัวเองไว้ที่ 9.86 วินาที ในการแข่งขันที่เซี่ยงไฮ้อีกด้วย

 

 

3.อคานี่ ซิมบิเน่

ลมกรดแอฟริกาใต้วัย 26 ปี แจ้งเกิดเต็มตัวจากการแข่งขันกีฬาเครือจักรภพ (Commonwealth Games) 2018 ที่โกลด์ โคสต์ ประเทศออสเตรเลีย หลังคว้าเหรียญทองวิ่ง 100 เมตรมาครองได้สำเร็จ แม้ว่าผลงานในโอลิมปิกครั้งที่ผ่านมา (อันดับ 5) รวมทั้งชิงแชมป์โลกอาจจะทำได้ไม่ดีนัก (อันดับ 4) แต่จากผลงานแชมป์ไดมอนด์ลีก ที่ลอนดอนเมื่อปีก่อน และเจ้าของสถิติประเทศด้วยผลงาน 9.89 วินาที ก็นับว่าเป็นอีก 1 ลมกรดที่มองข้ามไม่ได้เช่นเดียวกัน 

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจของกรีฑา

 

4.โยฮัน เบลค 

หากไม่นับสถิติโลก 9.58 วินาที และ สถิติ 9.63 วินาทีในโอลิมปิกของ ยูเซน โบลท์ ก็ไม่มีใครวิ่งได้เร็วกว่า เบลค ซึ่งเคยทำได้ถึง 9.69 วินาที (เท่ากับ ไทสัน เกย์ ของสหรัฐอเมริกา) จากการแข่งขันไดมอนด์ ลีก ที่โลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อปี 2012 ซึ่งในตอนนั้น เบลค อายุแค่ 23 จนหลายคนมองว่าเขามีโอกาสที่จะก้าวขึ้นมาแทนโบลท์ ในอนาคตอย่างแน่นอน 

 

แต่หลังจากคว้าเหรียญเงินที่ลอนดอน เบลคเจอกับปัญหาอาการบาดเจ็บอยู่นานนับปีจนทำให้เขาทำได้แค่อันดับ 4 ที่ริโอ พลาดเหรียญไปอย่างน่าเสียดาย  และในโอลิมปิกหนนี้เชื่อว่า ลมกรดจาเมกาในวัยก้าวเข้าเลข 3 ก็หวังที่จะคว้าเหรียญทองซึ่งอาจจะเป็นโอลิมปิกหนสุดท้ายของเขาแล้วก็เป็นได้ 

 

 

5.จัสติน แกตลิน 

นี่คือหนึ่งเดียวที่เคยคว้าเหรียญทองจากรายการนี้มาแล้วที่เอเธนส์ 2004 ซึ่งเขาต้องเจอกับมรสุมชีวิตจากที่ถูกตรวจพบการใช้สารกระตุ้น จนถูกแบนถึง 8 ปี (ก่อนจะลดโทษเหลือ 4 ปีในภายหลัง) แต่สุดท้ายเจ้าตัวกลับมาสู้ต่อจนกลับมาคว้าเหรียญเงินโอลิมปิกที่ริโอ ก่อนที่จะมาล้างตาเอาชนะ ยูเซน โบลท์ ในการแข่งขันชิงแชมป์โลกที่ลอนดอน เมื่อปี 2017 ล่าสุดพกดีกรีรองแชมป์โลก รวมถึงแชมป์ไดมอนด์ลีก 2 สนามที่โลซานน์ และ โมนาโก ซึ่งหากเขาคว้าเหรียญใดเหรียญหนึ่งได้ในโอลิมปิกที่โตเกียวหนนี้ แกตลินจะกลายเป็นลมกรดอายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์ที่คว้าเหรียญรางวัลโอลิมปิก ซึ่งเจ้าต้วประกาศแล้วว่าจะเลิกวิ่งหลังจบโอลิมปิกที่โตเกียว 

 

สถิติที่ดีที่สุดของเขาอยู่ที่ 9.74 วินาที และเป็นลมกรดหมายเลข 2 ของโลก ในวัย 38 ปี ซึ่งไม่ง่ายเลยที่ยังสามารถยืนระยะอยู่ในทำเนียบสปรินเตอร์ของโลกได้ในอายุที่มากขนาดนี้ นับว่านี่คือสุดยอดนักวิ่งที่ดีที่สุดคนหนึ่งเท่าที่โลกเคยมีมาเลยก็ว่าได้

 

 

6.คริสเตียน โคลแมน

โคลแมน ได้รับการจับตามองนับตั้งแต่คว้าเหรียญเงินในการแข่งขันชิงแชมป์โลกที่ลอนดอน 2017 จนก้าวขึ้นมาคว้าแชมป์โลกที่โดฮา ในหนล่าสุด พร้อมทำสถิติที่ดีที่สุดของซีซั่น 2019 และของตัวเองที่ 9.76 วินาที นอกจากนี้เขายังเป็นเจ้าของสถิติโลกในระยะ 60 เมตร (ทำได้ 6.34 วินาที ในการแข่งขัน USA Track & Field Indoor Championships 2018) อีกด้วย

 

ปัจจุบันโคลแมนคือลมกรดหมายเลข 1 ของโลก ซึ่งนั่นทำให้เขากลายเป็นความหวังสูงสุดของอเมริกันที่จะทวงแชมป์โอลิมปิกคืนนับตั้งแต่ จัสติน แกตลิน รุ่นพี่ของเขาทำได้เมื่อ 16 ปีก่อน และเป็นเต็ง 1 ที่จะคว้าเหรียญทองในโอลิมปิกหนนี้

 

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด เจ้าตัวมีโอกาสพลาดไปแข่งที่กรุงโตเกียวในปีหน้า หลังโดน สหพันธ์กรีฑานานาชาติ ลงโทษแบน 2 ปี จากกรณีไม่เข้ารับการตรวจสารกระตุ้นถึง 3 ครั้งในปีที่ผ่านมา ซึ่งคงต้องติดตามกันต่อไปว่าจะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลกีฬาโลกได้สำเร็จหรือไม่

 

นี่คือ 6 สปรินเตอร์ที่มีลุ้นคว้าเหรียญโอลิมปิกที่โตเกียว 2020 ซึ่งจะเป็นอีก 1 ไฮไลท์ของการแข่งขันครั้งนี้ สุดท้ายแล้วใครจะเป็นมนุษย์ที่เร็วที่สุดในยุคนี้ หากไม่มีอะไรผิดพลาด กลางปี 2021 เราคงได้รู้กัน


stadium

author

Kapeebara

StadiumTH Content Creator

La Vie en Rose