stadium

Swimming Upstream : ถอดบทเรียนจากหนังชีวิต แอนโทนี่ ฟิงเกลตัน

3 สิงหาคม 2563

นักว่ายน้ำส่วนใหญ่ว่ายน้ำเพื่อความฝันที่ยิ่งใหญ่ อย่างโอลิมปิก แต่สำหรับ โทนี่ หรือ แอนโทนี่ ฟิงเกลตัน กลับปฏิเสธโอลิมปิก เพียงเพราะแค่ต้องการหลุดพ้นจากครอบครัวที่ทำร้ายเขา เรื่องราวชีวิตจริงที่ยิ่งกว่าหนังของ นักว่ายน้ำทีมชาติ ออสเตรเลีย ที่เรื่องราวการแหวกว่ายสายน้ำของเขาเป็นมากกว่าแค่การเล่นกีฬาธรรมดา สระว่ายน้ำกลายเป็นสถานที่หลบภัย, การว่ายน้ำก็เพื่อแลกความรัก และพิสูจน์ตัวเองจากพ่อ, มิตรภาพกับน้องชายคนสนิทที่ขาดสะบั้นเพราะการว่ายน้ำ และท้ายที่สุดการปฏิเสธมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่างโอลิมปิก

 

ครอบครัวชั้นแรงงาน ที่ทุกปัญหาพร้อมจะเกิด

โทนี่ เป็นลูกคนที่ 2 จากทั้งหมด 5 คน ในครอบครัวชนชั้นแรงงานของ เมืองบริสเบน ประเทศออสเตรเลีย บ้านฟิงเกลตัน มีครบสูตรเลยของบ้านที่จะมีปัญหา รายได้ก็น้อย ลูกก็เยอะ พ่อไม่มีเวลา แถมติดเหล้า พี่รังแกน้อง เมื่อมีครบสูตรบ้านนี้ก็มีปัญหาจริง ๆ โดยเฉพาะโทนี่ ที่ตกเป็นเป้าหมายหลักในการกลั่นแกล้งของฮาโรด์ จูเนียร์ พี่ชายคนโตที่พยายามข่มแหงน้องชายคนรองอย่างโทนี่ เพื่อทำตัวเป็นพี่ใหญ่ยามอยู่กันลำพัง หรือแม้กระทั่งต่อหน้าพ่อก็ตาม ซึ่งโทนี่ไม่มีทางเลือกมากนักในการหลบหนีการกลั่นแกล้งในครอบครัว และในที่สุดเจ้าตัวก็เลือกสระว่ายน้ำแถวบ้านเป็นสถานที่หลบภัย 

 

สระว่ายน้ำ: สนามกีฬา คือที่หลบภัย และอาจเป็นสถานที่ค้นพบพรสวรรค์

"ในวันที่คุณแย่สุด ๆ วันนั้นมันอาจเป็นจุดเปลี่ยนไปสู่สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต" จากที่จะมาหาที่หลบการกลั่นแกล้งจากพี่ชายตัวแสบอย่างฮาโรด์ จูเนียร์ กลายเป็นว่า โทนี่ กลับค้นพบพรสวรรค์สุดพิเศษไปโดยไม่รู้ตัว และสระว่ายน้ำนี่แหละ ที่ฮาโรด์ หมดสิทธิ์แตะต้องโทนี่ ไม่ว่าฮาโรด์จะแข็งแกร่งแค่ไหนบนบก แต่กับในน้ำเป็นละเรื่อง ฮาโรด์เหมือนเสือตกท้องร่อง ไม่มีวันที่จะไล่จับ ปลาดุกนาอย่างโทนี่ได้เลย และสระว่ายน้ำยังพาโทนี่ ไปเจอสิ่งพิเศษอีกมากมาย ทั้งเรื่องความสนิทกับจอห์นน้องชายทีมี่มากขึ้น รวมถึงอนาคตของเขาที่ไปได้ไกลเหลือเกิน และพรสวรรค์ด้านการว่ายน้ำนี่แหละที่ทำให้พ่อ หันมาให้ความสนใจเขาเป็นครั้งแรก 

 

เมื่อคุณดีพอ คุณจะกลายเป็นคนสำคัญ

ฮาโรด์ จูเนียร์ เป็นลูกชายคนโปรดของพ่อมาตลอดขนาดชื่อยังเหมือนพ่อเลย จนบ่ายวันหนึ่งที่สระว่ายน้ำทุกสิ่งก็เปลี่ยนไป ฮาโรด์พยายามหาเรื่องแกล้งโทนี่เหมือนเคย แต่คราวนี้เป็นในน้ำ ซึ่งเป็นที่ที่ฮาโรด์ไม่มีวันไล่โทนี่ทัน และทุกสิ่งที่เกิดขึ้นก็ไม่รอดพ้นสายตาคุณพ่ออย่างฮาโรด์ เมื่อตัวเขารู้ว่าโทนี่ว่ายน้ำเร็ว เขาจึงเริ่มสนใจในตัวโทนี่เป็นครั้งแรก ซึ่งโทนี่ก็รีบบอกพ่อทันทีว่าจอห์นเองก็ว่ายเร็วเช่นกัน เมื่อพ่อฮาโรด์ จับทั้งคู่ทดสอบว่ายน้ำดูก็พบว่าทั้ง 2 เก่งจริง ๆ โดยจอห์น เก่งท่าฟรีสไตล์ และโทนี่เก่งท่ากรรเชียง ส่วนฮาโรด์ จูเนียร์ พี่ชายคนโตจากที่เป็นเบอร์ 1 ของพ่อมาตลอด ตอนนี้ก็ตกกระป๋องไปเป็นที่เรียบร้อย ไม่อยู่ในสายตาอีกต่อไป ซึ่งตอนหลังฮาโรด์ จูเนียร์ และคุณพ่อก็ทะเลาะกันจนเกือบฆ่ากันตาย 

 

การเปรียบเทียบ ดาบ 2 คมที่ต้องระวัง 

หลังจากเห็นพรสวรรค์อันเปี่ยมล้นของลูกทั้ง 2 ฮาโรด์ ไม่รอช้าจับลูกชายฝึกซ้อมทันที ซึ่งตอนแรกมันเหมือนจะดีกับการที่เด็ก 2 คน เป็นคู่ฝึกซ้อมกันในกีฬาที่น่าเบื่ออย่างว่ายน้ำ แต่สุดท้ายฮาโรด์ ก็ทำพลาดอย่างมหันต์ ซึ่งมันทำลายทั้งพรสวรรค์ของจอห์น ทำร้ายจิตใจของโทนี่ และที่ร้ายที่สุดคือ มันทำลายมิตรภาพของพี่น้องที่รักกันมาก 2 คน 

 

พลาดที่ 1 ปักใจเชื่อ "เก่งเล็กไม่จำเป็นต้องเก่งใหญ่" เรื่องของโทนี่ กับจอห์น เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยมากในทุก ๆ กีฬาในโลก แต่ตัวฮาโรด์ก็พลาดเองที่ปักใจคิดว่า จอห์น ต้องเป็นนักว่ายน้ำที่สุดยอด ซึ่งตอนเด็ก ๆ เจ้าหนูจอห์น ก็ว่ายได้เก่งจริง ๆ เก่งสุด ๆ แข่งระดับรัฐทีไรก็ได้ที่หนึ่งทุกที ซึ่งตัว โทนี่ก็เก่งแต่อาจจะไม่ได้เก่งมากโดดเด่นเหมือนจอห์น แต่ตัวฮาโรด์นั้นเชื่อไปแล้วว่าจอห์น จะต้องเก่งมาก ๆ แน่ ๆ เวลาเชียร์ก็จะเชียร์ออกนอกหน้า แม้กระทั่งการเอารูปหรือเอาถ้วยที่ 1 ของจอห์นไปตั้งไว้กลางบ้าน ซึ่งโทนี่เองก็ไม่ได้อิจฉาอะไรน้อง เพราะคู่นี้รักกันมาก อาจมีรู้สึกบ้างนิดหน่อยก็ตอนที่โตแล้ว 

 

พลาดที่ 2 อันนี้มหันต์มาก จอห์น เริ่มมีปัญหาแพ้ในท่าฟรีสไตล์บ่อย ๆ คราวนี้ฮาโรด์ ก็ดันแก้ปัญหาได้ห่วยสุด ๆ ด้วยการจับจอห์นไปแข่งกับโทนี่ซะเลยในท่ากรรเชียง เพราะตอนซ้อมแอบเห็นว่าจอห์นสู้โทนี่ได้ในท่ากรรเชียง ซึ่งทั้งหมดทำโดยที่ไม่บอกโทนี่ก่อนด้วย ซึ่งโทนี่มารู้ตัวอีกทีวันแข่งแล้ว ก็ถึงกับช็อคไปเลย ทำให้จนถึงทุกวันนี้คู่พี่น้อง โทนี่ กับจอห์นก็ยังตึง ๆ ใส่กันอยู่เลย ผลจากการพลาดครั้งที่ 2 มันมาจากการฝังใจกับจอห์น ที่ฮาโรด์คิดว่าจอห์น จะต้องชนะตลอดถึงขนาดยอมเปลี่ยนให้เปลี่ยนท่ามาแย่งเหรียญทองจากลูกชายอีกคนของตัวเองอย่างโทนี่ ซึ่งท้ายที่สุดจอห์น ก็ไปไม่ถึงฝั่งฝันจริง ๆ เลิกว่ายน้ำไปแบบช้ำ ๆ 

 

พรแสวงที่มากพอจะเอาชนะพรสวรรค์ได้เสมอ

เรื่องของ โทนี่ และจอห์น ฟิงเกลตัน ยืนยันความจริงข้อนี้ได้ดี ถ้าจอห์นเป็นตัวแทนของเด็กที่มีพรสวรรค์ล้นเหลือ แต่ขาดระเบียบวินัย ส่วนโทนี่คือตัวแทนของเด็กที่มีพรสวรรค์ประมาณหนึ่งแต่เปี่ยมไปด้วยพรแสวง และระเบียบวินัย จอห์นดูดีมีอนาคต กว่าโทนี่เยอะมากในช่วงแรก ๆ ของการเริ่มว่ายน้ำ แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป เมล็ดพันธุ์แห่งความพยายามที่โทนี่ได้เพาะพันธุ์เอาไว้ ถูกรดน้ำใส่ปุ๋ยด้วยพรแสวง และระเบียบวินัยที่มากพอ วันหนึ่งเมื่อเมล็ดพันธุ์ มันเติบโตแข็งแรงมากพอ เจ้าของความพยายามเท่านั้นที่จะได้ลิ้มรสความสำเร็จ เหมือนเช่น โทนี่ ฟิงเกลตัน ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตมากกว่าทั้งใน และนอกสระว่ายน้ำ แต่มันจะดีกว่านี้แน่ถ้าคุณเป็นคนที่มีพรสวรรค์ และมีพรแสวงด้วย

 

ไม่มีประโยชน์ในการพิสูจน์ตัวเองกับคนที่ไม่เห็นค่าของเรา

ไม่ต้องไปพิสูจน์อะไรกับคนที่ไม่เห็นค่าของเรา แม้ว่าคนคนนั้นจะเป็นพ่อเราก็ตามที หลังจากจอห์น ฟอร์มหลุดออกทะเลไปไกล ตัวฮาโรด์ ก็เหมือนฟ้าถล่มถึงกับเตลิดเสียผู้เสียคนไปเลย โดยที่ลืมไปเลยว่ายังมีโทนี่ อีกคน ซึ่งช่วงเวลานั้นโทนี่แยกออกมาซ้อมเองหลังจากแพ้จอห์นในท่ากรรเชียงวันนั้น และตัวโทนี่ก็พัฒนาตัวเองจนดีวันดีคืน เป็นถึงระดับแชมป์ประเทศ จนได้ถ้วยกลับบ้านหวังจะไปให้พ่อได้ภูมิใจ แต่ตัวฮาโรด์เองก็ไม่ได้เห็นค่าความพยายามของโทนี่ แต่อย่างใด เพราะสำหรับตัวเขา เขาได้พ่ายแพ้หมดรูปไปตั้งแต่วันที่ลูกชายตัวความหวังอย่างจอห์นเลิกว่ายน้ำไปแล้ว เพราะฉะนั้นชัยชนะของลูกชายที่เขาไม่ได้ตั้งความหวังไว้อย่างโทนี่จึงไร้ความหมาย ถึงในอนาคตโทนี่จะคว้าเหรียญทองโอลิมปิก ฮาโรด์ก็คงไม่คิดจะแยแส ลูกชายคนนี้อยู่ดี

 

ทางเลือกที่สวนกระแส แต่อาจเหมาะกับเรา

หลังจากจบศึกคอมมอนเวลธ์เกมส์ปี 1962 โทนี่ที่คว้าเหรียญเงินท่ากรรเชียงระยะ 220 หลา ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนทีมชาติออสเตรเลียไปแข่งโอลิมปิกเกมส์ปี 1964 แต่ตัวเขาเลือกบอกปัดโอกาสนี้ เพื่อรับทุนในการเข้าเรียนที่ มหาวิทยาลัย ฮาวาร์ด แทน เพราะสำหรับเขาโอลิมปิกไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว แต่การได้ไปจากครอบครัวที่ทำร้ายจิตใจเขาเป็นทางเลือกที่เขาต้องการที่สุดในเวลานั้น แถมยังเป็นการเลือกที่มีอนาคตกว่าการเข้าแข่งขันโอลิมปิก มันอาจเป็นทางเลือกที่สวนกระแส ที่ปฏิเสธโอลิมปิก แต่การเลือกทุนฮาวาร์ดก็เป็นการการันตีอนาคตที่มั่นคงสำหรับเขาได้ดี ตัวเลือกของโทนี่คงคล้ายนักว่ายน้ำไทยส่วนใหญ่ที่เลือกเรียนมหาวิทยาลัยดี ๆ เอาไว้ก่อน ไม่ว่าจะเรียนยากแค่ไหน หรืออาจต้องทิ้งการว่ายน้ำไปบ้าง แต่อย่างน้อยมันก็เป็นการการันตีอนาคตได้พอสมควร ดีกว่าเลือกว่ายน้ำอย่างเดียวแล้วไม่รู้อนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร "แล้วพวกคุณล่ะ จะเลือกโอลิมปิก หรือทุนมหาวิทยาลัย" เชื่อว่ายุคสมัยนี้ถ้ามีผู้ใหญ่เข้าใจนักกีฬาคงไม่ต้องเลือกแล้ว ส่วนถ้าใครอยู่ในบ้านแบบโทนี่ คงต้องบอกว่าโชคร้ายจริง ๆ

 


stadium

author

ฉลามหนุ่มไทยแลนด์

StadiumTH Content Creator