นักกีฬากับสุดยอดสัญญาที่ทำให้เป็นเศรษฐีพันล้าน

แพทริค มาโฮมส์ ควอเตอร์แบ็กของ แคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ เพิ่งสร้างประวัติศาสตร์ หลังตัดสินใจต่อสัญญากับต้นสังกัดเป็นระยะเวลา 10 ปี มูลค่ารวมสูงสุด 503 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นสัญญาก้อนใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์กีฬาอาชีพ

ทุกวันนี้ นักกีฬาชื่อดังสามารถทำเงินเป็นกอบเป็นกำจากต้นสังกัด นี่ยังไม่รวมถึงสัญญามูลค่ามหาศาลจากผู้สนับสนุน ซึ่งการต่อสัญญาของมาโฮมส์ทำให้เขาแซงหน้านักกีฬาคนอื่น ๆ แบบไม่เห็นฝุ่น  

แต่นักกีฬาคนใดบ้างที่ได้รับสัญญาก้อนโตเช่นเดียวกับจอมทัพแชมป์ซูเปอร์โบว์ลฤดูกาล 2019 ไปติดตามได้จาก 10 อันดับสัญญามูลค่ามหาศาลที่สุดของวงการกีฬา

10.มิเกล กาเบรร่า (เบสบอล)

สังกัด : ดีทรอยต์ ไทเกอร์ส

มูลค่าสัญญา : 248 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (7,725 ล้านบาท)

ไทเกอร์สได้กาเบรร่าไปร่วมทีมจากการเทรดกับ ไมอามี มาร์ลินส์ ในปี 2007 ซึ่งเจ้าตัวทำผลงานคว้าแชมป์ตีลูก 3 สมัย, เอ็มวีพี 2 สมัย และได้ทริปเปิ้ล คราวน์ อีก 2 สมัย ส่งผลให้ได้รางวัลตอบแทนเป็นสัญญา 8 ปี มูลค่า 248 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2014

กาเบรร่าประกาศอย่างชัดเจนในตอนเซ็นสัญญาว่า เขาต้องการลงเล่นให้กับไทเกอร์จนถึงวันที่ต้องรีไทร์ ซึ่งจนถึงตอนนี้ในวัย 37 เจ้าตัวยังทำตามคำพูดของตัวเอง พร้อมกับสัญญาที่เหลืออยู่ 3 ปี

9.โนแลน อาเรนาโด้ (เบสบอล)

สังกัด : โคโลราโด้ ร็อกกี้ส์

มูลค่าสัญญา : 260 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (8,104 ล้านบาท)

อาเรนาโด้ เซ็นสัญญา 8 ปี กับ ร็อกกี้ส์ ในปี 2019 ซึ่งทำให้มีรายได้ 32.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี เป็นสัญญามูลค่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์ของแฟรนไชส์ ทำลายสถิติ 157 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ของ ทรอย ทูโลวิตสกี้ ในปี 2010  

ร็อกกี้ส์ ดราฟต์ อาเรนาโด้ ไปร่วมทีมในปี 2009 และได้ลงเล่นเมเจอร์ลีกในปี 2013 ก่อนทำผลงานติดทีมออลสตาร์ 5 สมัย แชมป์โฮมรันของเนชั่นแนล ลีก 3 สมัย รวมทั้งคว้ารางวัลถุงมือทองคำ 7 สมัย ส่งผลให้ได้รับการต่อสัญญามูลค่ามหาศาล  

8.แมนนี่ มาชาโด้ (เบสบอล)

สังกัด : ซาน ดีเอโก้ พาเดรส

มูลค่าสัญญา : 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (9,345 ล้านบาท)

มาชาโด้ กลายเป็นฟรีเอเยนต์หลังหมดสัญญากับ แอลเอ ด็อดเจอร์ส และเซ็นสัญญาระยะเวลา 10 ปีมูลค่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กับ พาเดรส ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2019 ซึ่งเป็นสัญญาฟรีเอเยนต์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ อเมริกัน เกมส์ ก่อนที่จะถูกทำลายหลัง ไบรซ์ ฮาร์เปอร์ เซ็นสัญญา 13 ปี 330 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กับ ฟิลาเดลเฟีย ฟิลลี่ส์ ใน 2 สัปดาห์ต่อมา

ความจริงแล้ว ชิคาโก้ ไวท์ ซ็อกซ์ คืออีกหนึ่งทีมที่สนใจคว้าตัวมาชาโด้ แต่ไม่สามารถสู้ราคาที่ พาเดรส เสนอไปได้ทำให้ต้องถอนตัว ซึ่งมาชาโด้ตอบแทนความเชื่อมั่นของต้นสังกัดได้อย่างยอดเยี่ยม หลังหวดไป 32 โฮมรัน และเป็นผู้นำของลีกด้วยการทำดับเบิ้ลเพลย์ (ทำให้ผู้เล่นทีมรุกเอาท์ 2 คนติด) ได้ถึง 24 ครั้ง

7.เกอร์ริต โคล (เบสบอล)

สังกัด : นิวยอร์ก แยงกี้ส์

มูลค่าสัญญา : 324 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (10,098 ล้านบาท)

แยงกี้ส์ ตัดสินใจยื่นสัญญาระยะเวลา 9 ปี มูลค่า 36 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี เพื่อคว้าตัว โคล จากตลาดฟรีเอเยนต์ไปร่วมทีมในเดือนธันวาคมปี 2019 หลังหมดสัญญากับ ฮุสตัน แอสโตรส์ ที่เจ้าตัวเกือบพาทีมคว้าแชมป์เวิลด์ซีรี่ส์สมัยที่ 2 ของแฟรนไชส์

ในขณะนั้น นี่คือสัญญามูลค่ามากที่สุดเป็นอันดับ 4 ในเอ็มแอลบี ซึ่งทำให้ โคล กลายเป็นพิทเชอร์ที่ได้ค่าจ้างสูงสุดในประวัติศาสตร์ ทำลายสถิติเดิมของ สตีเฟ่น สตราส์บวร์ก นอกจากนั้น ค่าเหนื่อย 36 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี ยังทำให้เจ้าตัวเป็นนักเบสบอลที่ได้ค่าจ้างต่อปีสูงที่สุดในประวัติศาสตร์เอ็มแอลบี แซงหน้า ไมค์ เทราต์ ที่ได้เฉลี่ย 35.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปีอีกด้วย

ขณะเดียวกัน ในสัญญายังยินยอมให้โคล เลือกเป็นฟรีเอเยนต์ได้หลังจากผ่านไป 5 ปี อย่างไรก็ตาม แยงกี้ส์ ยังมีตัวเลือกเพื่อป้องกันไม่ให้โคลทำเช่นนั้น ด้วยการเพิ่มสัญญาอีก 1 ปี มูลค่า 36 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะทำให้สัญญาทั้งหมดรวมเป็นระยะเวลา 10 ปี มูลค่า 360 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

6.จานคาร์โล สแตนตัน (เบสบอล)

สังกัด : ไมอามี่ มาร์ลินส์

มูลค่าสัญญา : 325 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (10,130 ล้านบาท)

ในปี 2014 สแตนตัน สร้างประวัติศาสตร์หลังเซ็นสัญญาระยะเวลา 13 ปีกับมาร์ลินส์ ที่จะทำให้เขาได้รับค่าเหนื่อยฤดูกาลละ 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนั้นยังมีออปชั่นยกเลิกสัญญาได้หลังจากผ่านไป 6 ปีอีกด้วย  โดยหลังเซ็นสัญญา สแตนตันตอบแทนด้วยการทำผลงานระดับติดทีมออลสตาร์ 2 สมัย และคว้ารางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าของ เนชั่นแนล ลีก ในปี 2017 ก่อนจะถูกเทรดไป นิวยอร์ก แยงกี้ส์ ในฤดูกาลถัดมา

5.ไบรซ์ ฮาร์เปอร์ (เบสบอล)

สังกัด : ฟิลาเดลเฟีย ฟิลลี่ส์

มูลค่าสัญญา : 330 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (10,291 ล้านบาท)

ฮาร์เปอร์เจ้าของรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมของ เนชั่นแนล ลีก เมื่อปี 2015 เซ็นสัญญา 13 ปีกับ ฟิลลี่ส์ ในช่วงต้นเดือนมีนาคมปี 2019 ซึ่งทำให้เขาได้ค่าเหนื่อยตกปีละ 25.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พร้อมกับยกระดับให้เจ้าตัวก้าวขึ้นไปเป็นผู้เล่นชั้นนำในเมเจอร์ลีก โดยตอนที่เซ็นสัญญานั้น นี่คือสัญญาก้อนโตที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการเบสบอล ก่อนที่จะถูก ไมค์ เทราต์ ทำลายในไม่กี่สัปดาห์ถัดมา

ขณะเดียวกัน จากการที่ไม่มีออปชั่นยกเลิกสัญญา รวมทั้งมีเงื่อนไขห้ามเทรดตัว ส่งผลให้ฮาร์เปอร์มีโอกาสได้เงินโบนัสอีก 10.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตลอดระยะเวลา 13 ปี  

4.เนย์มาร์ (ฟุตบอล)

สังกัด : ปารีส แซงต์-แชร์กแมง

มูลค่าสัญญา : 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (10,913 ล้านบาท)

ด้วยความที่ เปแอสเช แชมป์ ลีก เอิง ฝรั่งเศส มีเจ้าของเป็น กาตาร์ สปอร์ตส์ อินเวสต์เมนต์ ทำให้ไม่มีปัญหาในการจ่ายเงินเกือบ 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นค่าฉีกสัญญาคว้าตัวเนย์มาร์จาก บาร์เซโลน่า ไปร่วมทีม ซึ่งทำให้ดาวเตะทีมชาติบราซิลเป็นเจ้าของสถิติค่าตัวแพงที่สุดในโลก  

ขณะเดียวกัน ฟอร์บส์ สื่อการเงินชื่อดังรายงานว่า สัญญา 5 ปีที่เจ้าตัวเซ็นกับเปแอสเชในปี 2017 นั้น มีมูลค่าถึง 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้กลายเป็นนักกีฬาที่มีรายได้มากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก จากการทำเงินเฉลี่ย 95.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี หลังรวมรายได้จากสปอนเซอร์

3.ซาอูล กาเนโล่ อัลวาเรซ (มวยสากล)

มูลค่าสัญญา : 365 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (11,399 ล้านบาท)

กาเนโล่แชมป์โลก 4 รุ่นชาวเม็กซิกัน เซ็นสัญญาขึ้นชก 11 ไฟต์กับ ดะโซน ผู้ให้บริการสตรีมมิ่งคอนเทนต์กีฬาชื่อดังในปี 2018 โดยมีมูลค่า 365 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้เจ้าตัวครองสถิติสัญญามูลค่าสูงสุด ก่อนจะถูก ไมค์ เทราต์ ทำลายในปีถัดมา

ดะโซนหวังใช้ชื่อเสียงของกาเนโล่ดึงดูดแฟน ๆ ทั้งในสหรัฐฯ และเม็กซิโก มาสมัครสมาชิกเพื่อใช้บริการซึ่งเปิดตัวในปีเดียวกัน และยังเป็นการก้าวขึ้นมาครองวงการมวยโลกแทนที่เอชบีโอซึ่งตัดสินใจเลิกถ่ายทอดสดมวยในเดือนกันยายน 2018 หลังจากที่ทำมา 45 ปี

2.ไมค์ เทราต์ (เบสบอล)

สังกัด : ลอส แองเจลิส แองเจิ้ลส์

มูลค่าสัญญา : 426 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (13,307 ล้านบาท)

ด้วยดีกรีออลสตาร์ 8 สมัย, ผู้เล่นทรงคุณค่า(MVP) 3 สมัย และเป็นเจ้าของรางวัล Silver Slugger ที่มอบให้กับผู้เล่นเกมบุกที่ดีที่สุดของแต่ละตำแหน่ง 7 สมัย ทำให้เทราต์ได้รับรางวัลตอบแทนเป็นสัญญามูลค่าสูงถึง 426 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในระยะเวลายาว 12 ปี ซึ่งจะทำให้เขาได้หวดไม้ในเมเจอร์ลีกไปจนถึงอายุเกือบ 40 ปีเลยทีเดียว

จากตัวเลขดังกล่าวทำให้เทราต์ครองตำแหน่งนักกีฬาที่ได้สัญญามูลค่าสูงที่สุดในโลก ก่อนที่จะโดนมาโฮมส์ทำลาย แต่ก็ไม่มีอะไรให้น่าเสียใจ เพราะด้วยสัญญาที่เจ้าตัวเซ็นกับแองเจิ้ลส์ เมื่อเดือนมีนาคมปี 2019 ก็เพียงพอจะทำให้เขาได้รับทรัพย์เบาะ ๆ ปีละ 35.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากก่อนหน้านี้ได้อยู่ที่ 16  ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี

1.แพทริค มาโฮมส์ (อเมริกันฟุตบอล)

สังกัด : แคนซัส ซิตี้ ชีฟส์

มูลค่าสัญญา : 503 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (15,718 ล้านบาท)

ควอเตอร์แบ็กวัย 24 ปี เพิ่งพาชีฟส์คว้าแชมป์ซูเปอร์โบว์ลครั้งแรกในรอบ 50 ปีของแฟรนไชส์ได้สำเร็จ ในฤดูกาล 2019 ทำให้ได้รับการต่อสัญญาเพิ่มอีก 10 ปี จากของเดิมที่เหลืออยู่ถึงปี 2021 ซึ่งมูลค่าเบื้องต้นของสัญญาครั้งประวัติศาสตร์นี้อยู่ที่ 450 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีโอกาสเพิ่มขึ้นไปตามเงื่อนไขได้สูงสุดถึง 503 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเฉลี่ยแล้วประมาณ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปีเลยทีเดียว

นอกจากนั้น ส่วนหนึ่งของสัญญามีเงินการันตีอาการบาดเจ็บถึง 140 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รวมทั้งเงื่อนไขห้ามเทรดตัวอีกด้วย ซึ่งสาเหตุที่ชีฟส์ยอมทุ่มทุนสร้างขนาดนี้ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ หากพิจารณาจากการที่มาโฮมส์ใช้เวลาเพียง 2 ปี ก็คว้ารางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP)ของลีกได้สำเร็จ ก่อนจะคว้าแชมป์ซูเปอร์โบว์ลในปีต่อมา  

แถมท้าย

อ่านมาถึงตรงนี้ อาจสงสัยว่าทำไมนักกีฬาเบสบอลถึงติดโผมาถึง 7 ราย แล้วกีฬาอื่น ๆ ที่มีรายได้มหาศาลทำไมไม่ติดมาบ้าง ความจริงแล้วถ้าคิดแค่ค่าจ้างต่อปี มีนักกีฬาประเภทอื่น ๆ หลายคนที่มีตัวเลขสูงกว่านักเบสบอล โดยเฉพาะในเอ็นบีเอ อย่างเช่น เจมส์ ฮาร์เด้น การ์ดของ ฮุสตัน ร็อกเก็ตส์ ที่เซ็นสัญญา 6 ปี มูลค่า 228 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งคิดเป็น 38 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี มากกว่า ไมค์ เทราต์ ที่อยู่ในอันดับ 2

ส่วนนักฟุตบอลชื่อดังอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด่ (รายได้ 105 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี) และ ลิโอเนล เมสซี่ (รายได้ 104 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี) ที่มีรายงานว่าได้รับค่าจ้างสูงที่สุด แต่ไม่คิดอยู่ในโผ เนื่องจากไม่มีการเปิดเผยมูลค่าของสัญญาอย่างเป็นทางการ

ขณะที่ ฟอร์มูล่า วัน ซึ่งทุกคนรู้ดีว่า ลูอิส แฮมิลตัน แชมป์โลก 6 สมัยของเมอร์เซเดส คือนักแข่งที่ได้ค่าเหนื่อยสูงสุด มากกว่า 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี แต่อยู่ในข่ายเดียวกับ โรนัลโด้ และเมสซี่ คือไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของสัญญาฉบับเต็มออกมาอย่างเป็นทางการ

สำหรับสาเหตุที่นักเบสบอลได้สัญญาก้อนโตกว่ากีฬาชนิดอื่น ๆ โดยเฉพาะในอเมริกัน เกมส์ ด้วยกันนั้น เป็นเพราะพวกเขาไม่มีการกำหนดเพดานค่าเหนื่อย หรือมูลค่าสูงสุดของสัญญา ขณะเดียวกัน จากการมีเกมให้เล่นถึง 162 แมตช์ต่อฤดูกาล ทำให้สามารถนำไปต่อยอดสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ อีกทั้งด้วยการเป็นกีฬาที่เก็บสถิติด้านประสิทธิภาพของผู้เล่นอย่างละเอียด และความสามารถส่วนบุคคลสำคัญกว่ากีฬาชนิดอื่น ทำให้เบสบอลมั่นใจในการลงทุนกับผู้เล่นมากกว่านั่นเอง