stadium

พักเบรคไทยลีกที่อาจส่ง บุรีรัมย์ - เชียงรายฯ คืนฟอร์มเก่ง

23 มีนาคม 2563

#แบกเป้ดูบอลไทย

"พักเบรคไทยลีก" ที่อาจส่ง "บุรีรัมย์ - เชียงรายฯ" คืนฟอร์มเก่ง ??

 

หากก่อนเปิดฉากเริ่มฤดูกาล 2020 แล้วมีใครพูดว่าสองยักษ์ใหญ่ในวงการลูกหนังบ้านเราอย่าง สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด และบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะออกสตาร์ท 4 เกมแรกด้วยการรั้งอันดับกลางตาราง เห็นทีคงไม่มีใครเชื่อเป็นแน่

 

เพราะทุกคนต่างรู้กันอยู่ว่า ทั้งสองคือทีมแชมป์ และรองแชมป์เก่าของศึกไทยลีก 2019 พวกเขามีขุมกำลังนักเตะไทยที่ดี แถมอายุยังน้อย ขณะที่ตัวต่างชาตินั้นก็ไม่ได้เป็นสองรองใคร โดยเฉพาะฝั่ง “ปราสาทสายฟ้า” ที่เสริมทัพแบบจัดเต็มไล่มาตั้งแต่ เบร์นาร์โด้ กูเอสต้า (เมลการ์), ริคาร์โด้ บูเอโน่ (เซนโทร สปอร์ติโว อลากัวโน) และจอง แจ ยอง (โปฮัง สตีลเลอร์)

 

แต่ฟุตบอลนั้นหาได้ตัดสินกันที่ชื่อชั้นหน้ากระดาษ หรือรูปภาพ เพราะผลงานที่ออกมากลับกลายเป็นว่า ทั้งสองทีมสามารถคว้าชัยชนะได้เพียงแค่เกมเดียว และเก็บได้เพียง 5 (สิงห์ เชียงรายฯ) - 4 (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) คะแนนเท่านั้น

 

เมื่อเหลือบไปมองทีมบนหัวตารางอย่าง ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด และราชบุรี มิตรผล เอฟซี จะเห็นได้ชัดเลยว่า ช่องว่างระหว่างพวกเขานั้นค่อยๆ ขยับห่างขึ้นเรื่อยๆ หลังทั้งสองทีมกวาดชัย 4 นัดรวด เก็บ 12 คะแนนไปกอดได้อย่างอุ่นใจ

 

คำถามคือ การออกสตาร์ทแบบนี้จะส่งกระทบต่อการไล่ล่าความสำเร็จของ แชมป์เก่า และรองแชมป์เก่ามากน้อยแค่ไหน ?

 

กระทั่งการแพร่ระบาดของไวรัส “โควิด-19” ที่ส่งกระทบครั้งใหญ่ต่อวงการลูกหนังไทย จนทำให้สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย และบริษัท ไทยลีก จำกัด ต้องตัดสินใจประการเลื่อนการแข่งขันฟุตบอลในทุกระดับออกไป โดยให้เริ่มกลับมาฟาดแข้งใหม่ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน

 

การพักเบรคในครั้งนี้ ถือเป็นช่วงเวลาวัดใจของทุกๆ สโมสรในบ้านเราว่าจะมีการบริหารจัดการได้ดีแค่ไหน โดยเฉพาะการรักษาความฟิตของนักเตะให้มีความพร้อมมากที่สุดก่อนที่จะกลับมาแข่งขันกันอีกครั้ง

 

เพราะช่วงเวลาราวๆ เดือนครึ่งที่หยุดไป แน่นอน ทั้งสองทีมคงต้องกลับมาทบทวนกันใหม่ว่า อะไรคือจุดที่ทีมต้องปรับปรุง โดยเฉพาะเกมรับที่พวกเขาเสียประตูเกือบทุกนัด ซึ่งนั่นไม่ใช่คุณสมบัติที่ดีหากพวกเขาต้องการโทรฟี่แชมป์

 

หากมองในแง่ดี แน่นอน สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด กำลังจะได้จอมทัพที่เปรียบเสมือนหัวใจของทีมอย่าง เอกนิษฐ์ ปัญญา กลับคืนสู่ทีมอีกครั้ง หลังบาดเจ็บหนักจากเกมทีมชาติ ซึ่งแน่นอนว่าเกมรุกของพวกเขาจะกลับมาจัดจ้านกว่าที่เป็นอยู่ ส่วนเกมรับเชื่อว่า ทากิ มาซามิ คงมองเห็นถึงปัญหา และต้องเร่งปรับจูนให้ทีมกลับมาเป็น “กว่างโซ้งมหาภัย” ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของเกมรับเป็นแน่

 

ส่วน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หาก โบซิดาร์ บันโดวิช สามารถเรียก “สมาธิ” ในการเล่นโดยเฉพาะช่วงท้ายเกมของนักเตะกลับมาได้ เชื่อว่า “ปราสาทสายฟ้า” ก็พร้อมจะกลับมาติดเครื่องแบบยาวๆ อีกครั้ง เพราะทุกคนต่างรู้กันดีว่า พวกเขามีขุมกำลังที่ยอดเยี่ยมเป็นทุนอยู่แล้ว

 

#โปรแกรมในเดือนเมษายน

สิงห์ เชียงรายฯ อาจจะเจองานที่ไม่หนักอย่างที่คิดในเดือนนี้ หลังจะได้ลงเล่นในบ้านพบ พีที ประจวบ เอฟซี ที่ยังควานหาฟอร์มเก่งไม่เจอ แต่ทว่าการบุกไปเล่นนอกบ้านสองเกมติด (เยือน นครราชสีมา มาซด้า เอฟซี และระยอง เอฟซี) จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่ายอดทีมจากแดนล้านนาทีมนี้ยังคู่ควรกับเส้นทางป้องกันแชมป์อยู่หรือไม่

 

แน่นอนว่าหากพวกเขาสามารถกวาด 9 คะแนนเต็มได้ในเดือนนี้... สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ทีมนี้ก็พร้อมจะประกาศศักดา และกลับมาผงาดอยู่บนหัวตารางอย่างสง่าผ่าเผยอีกครั้ง

 

ส่วน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะได้ลงเล่นในบ้าน (เดือนเมษายน) สองจากสามแมตช์ ซึ่งไฮไลท์สำคัญคงหนีไม่พ้นการบุกไปเยือน บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่ยังไม่แพ้ใคร และเสียประตูไปเพียงหนึ่งลูกเท่านั้น ฉะนั้นนี่จึงเป็น “บิ๊กแมตช์” ต้อนรับการคัมแบ็กของศึกโตโยต้า ไทยลีก 2020 อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

แต่ในเมื่อ บุรีรัมย์ ต้องการกลับคืนสู่หัวตารางให้เร็วที่สุด พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องลงเล่นด้วยความกระหายที่มากกว่าคำว่า “เกินร้อย” เพราะ บีจีพียู เองก็ไม่ต้องการเสียพื้นที่ตรงนี้ไปเช่นกัน เชื่อว่าความเด็ดขาดในพื้นที่สุดท้าย จะเป็นกุนแจสำคัญที่ชี้ว่า ใครกันที่คู่ควรกับสามคะแนนอันล้ำค่าในเกมนี้ เพราะนี่คือการตัดแต้มกันโดยตรงของทีมในกลุ่มลุ้นแชมป์ ก่อนที่พวกเขาจะกลับไปบู๊กับ ระยอง เอฟซี และสุพรรณบุรี เอฟซี ที่กูรูลูกหนังหลายคนต่างมองตรงกันว่า หาก บุรีรัมย์ เล่นได้ตามมาตรฐานของตัวเอง โอกาสที่พวกเขาจะเก็บแต้มได้ไม่ต่ำกว่า 7 คะแนนในเดือนเมษายนก็มีโอกาสเป็นไปได้สูง

 

และเมื่อเข้าสู่เดือนพฤษภาคม ทั้งสองทีมก็จะได้พิสูจน์กันไปเลยว่า ใครคือทีมที่ “พร้อมกว่ากัน” กับแมตช์เดย์วันที่ 3 พฤษภาคม ที่ สิงห์ สเตเดี้ยม ซึ่งเราหวังว่า เมื่อถึงเวลานั้น สถานการณ์ไวรัส “โควิด-19” จะดีขึ้นมากพอที่จะทำให้เราได้ชมเกมฟุตบอลคุณภาพท่ามกลางแฟนบอลเรือนหมื่นอีกครั้ง

 

ขอให้ทุกคนปลอดภัย ล้างมือบ่อยๆ ใส่หน้ากาก และดูแลตัวเองด้วยนะครับ ผมเป็นกำลังใจให้ทุกคนเสมอครับ...


stadium

author

เก้น นิติพงษ์ ยวนตระกูล

ผู้จัดการสื่อสารการตลาด & มีเดีย หนุ่มไฟแรง : ผู้บรรยายฟุตบอล - ฟุตซอล ที่คลั่งไคล้มนต์เสน่ห์ลูกหนัง

โฆษณา