stadium

เจลีกยังไม่ได้ วีลีกก่อนดีมั้ย?

12 มีนาคม 2563

#คุยเฟื่องเรื่องบอลไทย เจลีกยังไม่ได้ วีลีกก่อนดีมั้ย?

 

เมื่อสัปดาห์ก่อนมีข่าวจากสื่อทางฝั่งเวียดนามว่ามี 2 สโมสรใหญ่ในลีกสูงสุดของเขากำลังเตรียมล็อคเป้าทาบทามนักเตะไทยให้ไปค้าแข้งที่นั่น โดยยินดีประเคนค่าเหนื่อยสูงถึง 7 หลัก พูดง่ายๆ “อ่านแล้วมีสะดุ้ง” อยู่เหมือนกัน

 

เพราะยิ่งติดตามข่าวไปเรื่อยๆ แล้วเห็นสเป็กที่ทางนั้นต้องการที่ว่าต้องเป็นนักเตะทีมชาติชุดใหญ่ในตอนนี้เท่านั้น, ต้องเป็นบิ๊กเนมที่ปลุกกระแสได้(ไม่ใช่อดีตทีมชาติหรือติดทีมชาติจริงแต่ส่วนใหญ่อยู่เฝ้าม้านั่ง), ต้องเป็นตัวจริงสม่ำเสมอในต้นสังกัดสโมสรไทย และต้องมีความสนใจและความกล้าพอที่จะออกมาค้าแข้งนอกประเทศ ฟังๆไปมันก็พอจะเดากันได้ว่าเขากำลังจะล็อคเป้าใคร? แล้วมีใครบ้างที่เข้าข่าย?

 

ผมคิดว่าการที่พวกเขาเล็งแข้งไทยหลังห่างหายจากการเรียกใช้บริการไปนานกว่า 20 ปีนั้นอาจมีสาเหตุหลักๆอยู่ด้วยกัน 2-3 ข้อ

 

ข้อแรก นักเตะไทยเป็นที่ยอมรับในสายตาคนเวียดนาม เพราะจากผลงานทั้งในส่วนทีมชาติและในระดับสโมสรที่ถึงแม้ทีมชาติไทยในตอนนี้จะไม่ได้มีอันดับฟีฟ่าอยู่เหนือทีมชาติเวียดนามก็จริงแต่ก็ถือว่าเราเป็นคู่แข่งที่เวียดนามต้องปวดหัวทุกครั้งเมื่อเจอกัน และกับผลงานของสโมสรไทยในเวทีชิงแชมป์สโมสรทวีป(หรือเอซีแอล)ที่เราได้เล่นถ้วยใหญ่แถมต่อกรยอดทีมจากทั้งจากจีน, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ หรือแม้แต่ออสเตรเลียได้ ว่าตามตรงเกรดบอลของนักเตะไทยก็ยังดูดีมีภาษีและสามารถ “ใส่สูทผูกไทด์” เดินเข้าวีลีกได้สบายๆ

 

ข้อสอง เขาต้องการปลุกกระแสบอลลีกให้กลับมาครองความยิ่งใหญ่อีกครั้ง เพราะต้องยอมรับตามตรงว่าในเวลานี้วีลีกเองยังมีกระแสความตื่นตัวของแฟนบอลที่นั่นอยู่ค่อนข้างน้อย ยอดผู้ชมมีให้เห็นเป็นกอบเป็นกำแค่เฉพาะในเกมใหญ่ แถมด้านพัฒนาการก็ยังตามหลังไทยลีกอยู่ด้วยเหมือนกัน เห็นได้จากระบบอะเคเดมี่และการวางโครงสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆของสโมสรที่นั่นซึ่งจะมีเพียงแค่สโมสรใหญ่ๆไม่กี่สโมสรเท่านั้นที่มีความพร้อมในส่วนนี้ (บางทีการมาของนักเตะไทยอาจมีเรื่องขององค์ความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆที่จะสามารถถ่ายทอดให้บุคคลากรของที่นั่นได้)

 

ข้อสุดท้าย 2 สโมสรที่มีข่าวสนใจนักเตะไทยต่างเป็นสโมสรที่มีศักยภาพ แถมยังมีทีมงานฝ่ายบริหารเป็นคนไทยเสียด้วยต่างหาก และถ้าจะว่ากันด้วยเรื่องของ “คอนเนคชั่นและสตุ้งสตางค์” พวกเขาก็มีพร้อม (เผลอๆดีไม่ดีอาจไม่ได้มีนักเตะไทยแค่คนสองคนเท่านั้นแต่อาจมาเป็นแพ็คเกจแบบ “ซื้อเหมาเอาหมด” เลยเสียด้วยซะอย่างงั้น)

 

จะว่าไปถ้ามองในมุมของนักเตะไทยดูบ้าง ในเมื่อเวทีเจลีกยังติดสถานะ “รอ” แต่วีลีกขึ้นตัวเขียวเข้มว่า “เรดี้” แถมลีกหลังยังพร้อมการันตีตำแหน่งตัวจริงและประเคนค่าเหนื่อยสูงกว่าที่ไทยและญี่ปุ่นเสียด้วยซ้ำ มันก็ “น่าคิด” อยู่เหมือนกัน

 

ผมเชื่อว่าร้อยทั้งร้อยของนักเตะอาชีพส่วนใหญ่ก็วางเป้าหมายการค้าแข้งไว้หลักๆไม่กี่ข้อ และเรื่องของความมั่นคงในการค้าแข้งอาชีพกับเรตที่ตัวเองจะได้รับก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายนั้น เพราะอาชีพนี้มันมีเวลากอบโกยเงินที่สั้น แถมยังมีความเสี่ยงมากมายบนเส้นทางสายนี้(เสี่ยงที่จะเจ็บจนต้องเลิกก่อนวัยอันควร หรือเสี่ยงที่จะมีดาวดวงใหม่ขึ้นมาแซงหน้า)

 

มองในมุมด้านการพัฒนาเพลงแข้ง วีลีกอาจดูอ่อนกว่าไทยลีกอยู่บ้างและแน่นอนว่าย่อมสู้เจลีกไม่ได้ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าการพัฒนาตัวเองในเส้นทางนักเตะอาชีพนั้นมันจะไม่เกิดขึ้นเลย

 

ผมเชื่อว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนักหรอกสำหรับใครซักคนในการตัดสินใจออกจาก “คอมฟอร์ทโซน” เพื่อเผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ (โค้ชใหม่, เพื่อนร่วมทีมใหม่, ระบบทีมใหม่, สิ่งแวดล้อมใหม่ และการต้องใช้ชีวิตในสถานที่ที่ไม่ใช่บ้านเกิด) ดังนั้นหากจะพูดว่าถ้าจะมีนักเตะไทยไปค้าแข้งยังวีลีกจริง เขาคนนั้นคงจะหวังแต่เรื่องเงินเท่านั้น มันก็อาจไม่ถูกซะทีเดียว

 

“มันไม่สำคัญหรอกว่าคุณจะเล่นในลีกไหน ผมรักทุกที่ที่ผมไปและผมก็เหมือนนักฟุตบอลทั่วไปที่ต้องการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ทุกที่มีงานที่ท้าทายรออยู่ มีหลายอย่างที่คุณต้องเรียนรู้และก็ยังมีเรื่องราวใหม่ๆอีกมากมายที่รอให้คุณได้ไปขีดเขียนเสมอ” คำกล่าวของอันเดรส อิเนียสต้า อดีตนักเตะบาร์เซโลน่าและทีมชาติสเปนชุดแชมป์โลกที่แอฟริกาใต้ที่กล่าวไว้ในครั้งที่เจ้าตัวย้ายมาเล่นที่โกเบ

 

ภายใต้สภาวะที่มันเป็นอยู่อย่างนี้กับวลีที่ว่า “เมื่อเจลีกยังต้องรอ ขอวีลีกก่อนดีกว่ามั้ย?” ท่านผู้อ่านล่ะ..ว่าไง?


stadium

author

“akinson149” พงศ์รัตน์ วินัยวัฒนวงศ์

Moderator เพจ thailandsusu (Section: บทความ-แปลข่าวบอลไทย) และคอลัมนิสต์ฟุตบอลไทย

La Vie en Rose