23 พฤษภาคม 2563
หลังจากมีการแบ่งสาย วอลเลย์บอลหญิง "โอลิมปิกเกมส์ 2020" ออกมาเป็นที่เรียบร้อย และก็ได้เห็นหน้าค่าตาของทั้ง 12 ทีม ซึ่งผ่านเข้าสู่ รอบสุดท้าย ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น กันไปแล้ว ซึ่งนับเป็นอีก 1 ครั้งที่น่าเสียดายของ "ตบสาวไทย" ที่ทำได้เพียงแค่ "เกือบ" เท่านั้น ทั้งที่มีโอกาสเป็น "เจ้าภาพ" ในรอบคัดเลือก(โคราช)
ตัดกลับมาที่เรื่องของ 12 ทีมสุดท้าย ประเภทหญิง 1 ทีมที่ถือว่าค่อนข้างน่าสนใจมากคือ ตุรกี เพราะพวกเธอยกระดับการเล่นขึ้นมาได้อย่างยอดเยี่ยมในช่วงระยะเวลา 3-4 ปี นับตั้งแต่ โจวานนี่ กุยเด็ตติ "โค้ชอัจฉริยะ" ก้าวเข้ามาคุมทีมเมื่อปี 2016 หลังจากที่เจ้าตัวเพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจในการแข่งขัน โอลิมปิกฯ รอบสุดท้าย ที่ประเทศบราซิล
"ทัพลูกยางสาวตุรกี" ถือว่าเป็นทีมกีฬาที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดทีมหนึ่งของประเทศ แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แฟนลูกยางชาวไทยส่วนใหญ่ มักเรียกพวกเธอว่า "สาวเติร์ก" หรือ "ทีมไก่งวง" แต่ความจริงแล้วพวกเธอมีฉายาว่า "Sultans of the Net" หรือแปลเป็นไทยได้ประมาณว่า "ประมุขแห่งตาข่าย"
ทีมชาติตุรกี กลายเป็นทีมที่คุ้นเคยของ แฟนลูกยางบ้านเรา เพราะว่ามีโอกาสเดินทางมาแข่งขัน "เนชั่นส์ ลีก" ที่เมืองไทยหลายครั้ง รวมทั้งในช่วงแรกที่ กุยเด็ตติ เข้ามารับงานคุมทีม "สาวเติร์ก" เคยมาแพ้ "ตบสาวไทย" ขาดลอย 3 เซตรวด ในกาแเข่งขัน "เวิลด์กรังด์ปรีซ์ 2017" ที่สนาม อินดอร์ สเตเดี้ยม หัวหมาก แต่ถัดจากนั้นอีกเพียง 1 ปี "ตบสาวตุรกี" ที่ผู้เล่นส่วนใหญ่ยังคงเป็นชุดเดิม สามารถคว้า อันดับ 2 "เนชั่นส์ลีก 2018" มาครองได้สำเร็จ(รายการเดิมแต่เปลี่ยนชื่อ)
ความจริงแล้ว "ลีกอาชีพ" ในประเทศตุรกี จัดว่ามีชื่อเสียงอยู่ในระดับแนวหน้าโลก โดยเฉพาะประเภททีมหญิง ซึ่งปัจจุบัน "สตาร์ดังจากทั่วโลก" โลดแล่นอยู่ที่นั่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ทิยาน่า บอสโกวิช(เซอร์เบีย), คิม ยอน คยอง(เกาหลีใต้), กาบี้ กิมาเรซ(บราซิล), นาตาเลีย เปเรร่า(บราซิล), เคลซีย์ โรบินสัน(สหรัฐฯ) หรือย้อนไปในอดีต นุศรา ต้อมคำ เซตเตอร์สาวขวัญใจชาวไทย และ จู ถิง ยอดดาวตบสาวจีน ก็เคยไปเล่นที่นั่นมาแล้วเช่นกัน
การมี "ลีกอาชีพ" ที่แข็งแกร่ง คือส่วนสำคัญช่วยให้ "ตบสาวตุรกี" พัฒนาศักยภาพขึ้นมาแบบก้าวกระโดด การเติบโตขึ้นมาของ "นักกีฬาอายุน้อย" ที่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมได้พร้อมๆกัน ไม่ว่าจะเป็น ชานซู ออสเบย์, คูบร้า อัคมาน, เซห์ร่า กูเนซ, ฮันเด้ บาลาดิน และ เอ็บร่า คาราคูร์ต ซึ่งทั้ง 5 คนที่กล่าวมา มีอายุสูงสุดอยู่ที่ 25 ปี และอายุน้อยสุดอยู่ที่ 20 ปีเท่านั้น
การที่ทีมๆหนึ่งมี "นักกีฬาอายุน้อย" ก้าวขึ้นมาให้เลือกใช้พร้อมๆกันหลายคน ส่งผลให้ปัญหาเรื่องการเปลี่ยนถ่ายจากรุ่นสู่รุ่นไม่มีผลกระทบมากนัก แน่นอนช่วงแรกๆอาจจะเห็นภาพที่ชัดเจนของความแตกต่างที่เกิดขึ้น แต่มันใช้เวลาเพียงไม่นานทุกอย่างก็กลับมาดีขึ้นอีกครั้ง ยิ่งได้รับการดูแลจาก กุยเด็ตติ ที่ค่อนข้างคุ้นเคยกับ "ผู้เล่นอายุน้อย" หลายๆคนอยู่แล้ว(คุมทีม วากิฟแบงค์ฯ ในลีกตุรกี) ยิ่งทำให้ "ตบสาวตุรกี" แข็งแกร่งขึ้นในเวลาที่รวดเร็ว
อีกส่วนหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือความยอดเยี่ยมของ โค้ชชื่อดังชาวอิตาเลียน ที่สามารถหวังผลสำเร็จได้หากกล้าทุ่มเงินจ้างเจ้าตัวไปคุมทัพ โดยที่ผ่านมาประสบความสำเร็จกับทั้ง เยอรมัน และ เนเธอร์แลนด์ ซึ่งผลงานสุดท้ายของ กุยเด็ตติ ก่อนจะเข้ามาคุมทัพ ตุรกี คือการพา เนเธอร์แลนด์ จบเป็น อันดับ 4 ในการแข่งขัน "โอลิมปิกฯ" 2016
จุดเด่นของ ตุรกี คือมีสไตล์การเล่นที่แตกต่างจาก "ทีมยุโรป" ทั่วๆไป พวกเธออาจไม่ได้มีความสูงเท่ากับ รัสเซีย แต่ว่าพวกเธอคล่องตัวและมีความเร็วกว่า พวกเธออาจไม่ได้มีเกมรุกที่จัดจ้านและดุดันแบบ อิตาลี หรือ เซอร์เบีย แต่ว่าพวกเธอมีระบบการเล่นที่ค่อนข้างลงตัวและแท็คติคยอดเยี่ยม แน่นอนเมื่อเอาข้อดีข้อเสียของ ตุรกี มาบวกลบกัน พวกเธอสามารถสู้ได้กับทุกทีมในเวทียุโรป
ตุรกี อาจไม่ใช่ทีมที่เป็น "ตัวเต็ง" ในการแข่งขัน "โตเกียวเกมส์" เพราะว่าเมื่อเทียบกับ "บิ๊กเนม" อย่างเช่น จีน, สหรัฐฯ, บราซิล หรือแม้แต่ เซอร์เบีย พวกเธอก็ยังดูเป็นรองอยู่เล็กน้อย ความน่าสนใจของ ตุรกี ไม่ใช่ศักยภาพหรือความสามารถเฉพาะตัวของผู้เล่น แต่เป็นการวางแผนอย่างรัดกุมของ กุยเด็ตติ ก็ขึ้นอยู่ที่ว่าในวันที่ลงสนาม "ตบสาวตุรกี" จะทำได้ตามแผนที่วางไว้หรือไม่เท่านั้น
ปัญหาที่ยังแก้ไม่ตกในหลายๆครั้งคือ "ประสบการณ์" ด้วยความที่มีผู้เล่นอายุน้อยหลายคน บางช่วงบางตอนก็มีสะดุดและหลุดให้เห็น แน่นอนเมื่อมันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นในเกมสำคัญ "ตบสาวตุรกี" ก็อาจจะผิดหวังและไปไม่ถึงฝั่งฝันได้ ตรงจุดนี้ กุยเด็ตติ ไม่ได้นิ่งนอนใจ และพยายามดึง "ตัวเก๋า" เข้ามาประคองทีมในทุกๆรายการ รายล่าสุดคือ แนซ ไอเดเมียร์ "เซตเตอร์สาวหน้าสวย" ที่ห่างหายจากวงการไป 2 ปี(คลอดลูก) กลับมาติดธงช่วยทีมอีกครั้ง
ตุรกี พร้อมจะชนกับทุกทีมใน "โตเกียวเกมส์" และพร้อมจะล้มทุกทีมด้วยเช่นกัน ถึงจะยืนยันคำเดิมว่าพวกเธอไม่ใช่ "ตัวเต็ง" แต่พวกเธอคือทีมที่จะประมาทไม่ได้เด็ดขาด รวมทั้งยังเชื่อว่า "สาวเติร์ก" มีโอกาสหลุดไปถึง รอบก่อนรองชนะเลิศ หรือว่า "8 ทีมสุดท้าย" ได้อย่างแน่นอน ซึ่งจะกลายเป็นสถิติที่ดีที่สุดของพวกเธอ ในการแข่งขันโอลิมปิกฯ รอบสุดท้าย
TAG ที่เกี่ยวข้อง