3 มีนาคม 2563
#คุยเฟื่องเรื่องบอลไทย
“แข่งแบบปิด” VS “เลื่อนแข่ง” VS “ยกเลิกการแข่งขัน” อย่างไหนดีกว่ากัน?
ยกเลิกโตเกียวมาราธอนประเภทบุคคลทั่วไป, เลื่อนแข่งขันกรีฑาในร่มชิงแชมป์โลก, เลื่อนแบดมินตันรายการไชน่า มาสเตอร์แบบไม่มีกำหนด, กอล์ฟรายการใหญ่อย่าง LPGA ทั้งที่จีนและที่ไทยถูกยกเลิก(ในขณะที่ฮ่องกงโอเพ่นก็ถูกเลื่อนเช่นกัน), เทนนิสชิงแชมป์โลกประเภททีมหญิงถูกยกเลิก แม้แต่รายการประลองความเร็วทั้งกาตาร์ กรังด์ปรีซ์, ฟอร์มูร่าอี รถสูตรหนึ่ง และมอเตอร์จีพีที่บุรีรัมย์ก็ติดร่างแหแคนเซิลแล้วเหมือนกัน
ไชนีสซุปเปอร์ลีกเลื่อนเปิดฤดูกาลอย่างไม่มีกำหนด, เจลีกเลื่อนโปรแกรมการแข่งขันออกไปถึงกลางเดือน, เคลีกเลื่อนวันเปิดลีกออกไปแบบไม่มีกำหนด, อิหร่านโปรลีกถูกเลื่อนไม่มีกำหนด ในขณะที่รายการชิงแชมป์สโมสรเอเชียอย่างเอซีแอล รอบแบ่งกลุ่มก็พึ่งประกาศเลื่อนออกไปก่อนเช่นกัน และดูเหมือนว่ารายการใหญ่อย่างคัดบอลโลกโซนเอเชียที่จะแข่งกันในช่วงปลายเดือนนี้ก็มีทีท่าว่าจะต้อง “เลื่อน!”
นั่นคือผลกระทบที่เกิดจากตัวการที่มีชื่อว่า “โควิด19” ที่ตอนนี้กำลังเล่นงานฝั่งเอเชียอย่างหนักโดยเฉพาะแถบเอเชียตะวันออก การระบาดลุกลามข้ามไปถึงอิหร่าน, อิตาลี, เยอรมัน, อเมริกา หรือแม้แต่ไนจีเรีย ชาติที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดในทวีปแอฟริกา(190ล้านคน) พูดง่ายๆ เจ้าเชื้อโควิด19กำลังเขย่าขวัญโลกด้วยบทบาทตัวร้ายชนิด “สะเทือนทุกวงการ สะท้านทุกปฐพี” (ทั้งวงการท่องเที่ยว, วงการกีฬา, วงการบันเทิง, วงการแพทย์และการศึกษาโดนกันหมดทุกหย่อมย่าน)
แม้แต่วงการฟุตบอลบ้านเราเองก็ได้รับผลกระทบไม่ต่างกัน เพราะล่าสุดบริษัทไทยลีก จำกัด และฝ่ายจัดการแข่งขัน ก็ได้มีความเห็นให้ “เลื่อน” แมตช์การแข่งขันออกไปก่อนจนถึงวันที่17เมษายน ถือเป็นการออกแอ็คชั่นต่อเนื่องทันทีที่ราชกิจจาฯประกาศให้โควิด19 เป็นโรคติดต่ออันตราย ยกระดับจากการตัดสินใจเดิมที่ว่า “แข่งแบบปิด” มาเป็นเลื่อนออกไปก่อนเพื่อเฝ้าติดตามสถานการ์ณกันอย่างใกล้ชิด
ผมคิดว่าสาเหตุของการตัดสินใจ “เลื่อนเตะ” เหตุผลก็อย่างที่เรารู้กันดีนั่นแหละว่ารายรับซึ่งอาจหมายถึงเส้นเลือดใหญ่อย่างรายได้จากการจำหน่ายบัตรเข้าชม, สินค้าสโมสร และอาจรวมไปถึงค่าเช่าจากการปล่อยพื้นที่รอบๆสนามให้บรรดาบริษัทอีเว้นท์ต่างๆได้แบ่งสรรปันส่วนกันไปจัดงานทั้งก่อนและหลังการแข่งขัน ทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามามันจะหายวับไปกับตาจากการประกาศตูมให้แข่งแบบปิด และนั่นก็ถือเป็นเรื่องใหญ่และคงไม่ใช่สิ่งที่หลายสโมสรจะถวิลหา
กับช้อยย์ที่มันมีอยู่ไม่มากระหว่าง แข่งแบบปิด / เลื่อนแข่ง/ ยกเลิกการแข่งขัน ท่านว่าอย่างไหนมันจะดีกว่ากันล่ะ?
“ก็น่าคิดอยู่นะ” แข่งแบบปิดทำให้โปรแกรมต่างๆยังรันต่อไปได้โดยไม่ก่อให้เกิดปัญหามากมายภายหลัง แต่ก็ต้องแลกกับการสูญเสียรายได้มากมายอย่างที่กล่าวมา
ในขณะที่การเลื่อนแข่งท่ามกลางโปรแกรมที่เหลืออยู่เยอะมาก(ทั้งบอลลีก, บอลถ้วย, เอซีแอล และโปรแกรมทีมชาติทั้งคัดบอลโลก, คิงส์คัพ และอาเซียนคัพ)ก็อาจทำให้โปรแกรมฟุตบอลบ้านเราในช่วงโค้งสุดท้าย เราอาจได้เห็นโปรแกรมการเตะแบบถี่ยิบชนิด “พุธ-เสาร์/อาทิตย์” รัวเป็นปืนกลต่อเนื่องหลายอาทิตย์ หรือถ้าหากไม่ทำอย่างนั้นก็อาจต้องขยายวันปิดฤดูกาลออกไปอีก
แน่นอนว่าเราเคยได้ประสบการณ์มาแล้วจากการวางโปรแกรมที่ถี่ยิบซึ่งมันส่งผลกระทบโดยตรงต่อทั้งระดับสโมสรและทีมชาติ (นักเตะพากันเจ็บ, ล้า, ถอน และสโมสรต้นสังกัดต้องแห่เสริมทีมกันวุ่นเพื่อขยายขนาดของทีมรองรับการโรเตชั่น)
ในขณะที่การขยายวันปิดฤดูกาลภายใต้สภาวะที่เงินเดือนค่าจ้างของนักเตะบ้านเราที่สูงถึง 6-7 หลัก เงินที่แต่ละทีมจะต้องจ่ายเพื่อขยายวันทำงานออกไป เมื่อเปรียบเทียบกับการแข่งแบบปิดแล้ว อย่างไหนจะดีไปกว่ากัน? นั่นแหละครับคือที่มาว่าทำไมหนนี้จึงเสียงแตก มีทั้งโอเคกับการแข่งแบบปิดและก็มีทั้งอยากให้เลื่อน
แถมก็มีบางสโมสรที่อยากให้ยกเลิกการแข่งขันในฤดูกาลนี้ไปก่อนเลยก็มี เพราะเห็นว่ามันไม่ค่อยพร้อมและไม่รู้ว่าจะต้องเลื่อนกันอีกมั้ย แต่ถ้าทำอย่างนั้นจริงจะมีซักกี่สโมสรที่พร้อมจะจ่ายให้นักเตะเพื่อแค่ซ้อมรอแข่งใหม่? ทีมที่ออกสตาร์ทดีในสี่เกมแรกเขาจะยอมกันหรือ? และถ้ายกเลิกแข่งจริงจะมีเหตุการ์ณชิงยกเลิกสัญญานักเตะก่อนมั้ย?
“เคารพในการตัดสินใจและเข้าใจเหตุผลทุกฝ่าย” เพราะนี่ถือเป็นสถานการ์ณใหม่ที่ไม่ปกติ แถมยังเป็นประสบการณ์ที่ท้าทายทุกฝ่าย เพราะไม่ว่าจะเลือกแบบไหน มันก็ต้อง “เสียหาย”
ให้โควิด19 เตือนให้เราใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาทและหันมาใส่ใจคนรอบข้างกันมากขึ้น แล้วให้เจ้าตัวร้ายสอนให้เราได้เรียนรู้ถึงการทำงานภายใต้สถานการ์ณที่ไม่ปกติ
“ร่วมด้วยช่วยกันทุกฝ่าย และคิดเผื่อเพื่อส่วนรวมเข้าไว้ แล้วเราจะผ่านเหตุการ์ณนี้ไปได้ด้วยกันครับ”
TAG ที่เกี่ยวข้อง