stadium

แฟนกอล์ฟมีลุ้นดู 3 รายการเมเจอร์ที่เหลือในปีนี้มากแค่ไหน?

8 เมษายน 2563

ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า อันไม่มีท่าทีจะทุเลาลง ส่งผลให้ The R&A (ผู้ออกกฎควบคุมการแข่งขันกอล์ฟทั่วโลกยกเว้นทวีปอเมริกาเหนือ) ตัดสินใจยกเลิกศึก ดิ โอเพ่น 2020 หนึ่งในรายการเมเจอร์ของนักกอล์ฟชาย ซึ่งจะมีขึ้นสนาม รอยัล เซนต์ จอร์จ ที่ประเทศอังกฤษ ในเดือนกรกฎาคมนี้ นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1945 ที่ไม่มีการแข่งขัน

 

อย่างไรก็ตาม แฟนกอล์ฟทั่วโลกยังเหลือความหวังที่จะได้ชมการแข่งขันอีก 3 รายการเมเจอร์ที่เหลือ รวมถึงกอล์ฟประเพณีอย่าง ไรเดอร์ คัพ ซึ่งจะมีการแข่งขันหลังจากกำหนดเวลาที่แน่นอนได้เรียบร้อยแล้ว เริ่มจากรายการ ยูเอส พีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 6-9 สิงหาคม, ยูเอส โอเพ่น ย้ายไปวันที่ 17-20 กันยายน หนึ่งสัปดาห์ก่อน ไรเดอร์ คัพ ขณะที่ เดอะ มาสเตอร์ส จะมีขึ้นในวันที่ 12-15 พฤศจิกายนโน่นเลยทีเดียว

 

 

ทั้งนี้ นอกจาก ดิ โอเพ่น แล้ว วิมเบิลดัน รายการแกรนด์สแลมของวงการเทนนิส และหนึ่งในรายการใหญ่ที่มีขึ้นในสหราชอาณาจักรช่วงหน้าร้อน ก็ต้องถูกถอดออกจากปฏิทินการแข่งขัน เนื่องด้วยผลกระทบจากไวรัสโคโรน่าเช่นกัน

 

สำหรับ สนาม เซนต์ จอร์จ ที่ไม่ได้จัด ดิ โอเพ่น ครั้งที่ 149 ในปีนี้นั้น จะได้ทำหน้าที่ในปีหน้า ช่วงเดือนกรกฎาคม ขณะที่การแข่งขันครั้งต่อไป ซึ่งจะมีขึ้นที่สนาม เซนต์ แอนดรูวส์ ในสกอตแลนด์ จะขยับไปเป็นปี 2022

 

"เราให้ความใส่ใจกับประวัติศาสตร์ของการแข่งขันอย่างที่สุด และต้องทำการตัดสินใจอย่างยากลำบาก" มาร์ติน สลัมเบอร์ส ประธานบริหารของ R&A ให้สัมภาษณ์ถึงการยกเลิก ดิ โอเพ่น 2020 

 

"ผมบอกทุกคนได้เลยว่า เรามองหาทุกทางเลือกที่จะจัดแข่งขันในปีนี้ แต่มันไม่สามารถเกิดขึ้นได้"

 

หนึ่งในทางเลือกที่ถูกนำมาพิจารณาคือการเลื่อนวันแข่งขันออกไปเป็นช่วงเดือนกันยายน ซึ่งเวลานี้กลายเป็นของ ยูเอส โอเพ่น ทำให้ต้องเปลี่ยนเป็นเดือนตุลาคม แต่ถึงอย่างนั้นโอกาสที่จะจัด ดิ โอเพ่น ได้ลงตัว ก็ยังต้องมีอีกหลายอย่างให้พิจารณา นอกจากนั้น ด้วยการที่มีกรมธรรม์ประกันภัยครอบคลุมค่าเสียหายจากการยกเลิกทัวร์นาเมนต์ คล้ายคลึงกับศึกวิมเบิลดัน ทำให้ R&A ตัดสินใจว่าความเสี่ยงของการจัดแข่งมีมากเกินไป

 

 

เรื่องตั๋วเข้าชมและแพ็กเกจที่พักสำหรับการแข่งปีนี้ จะโอนย้ายไปเป็นของปี 2021 ส่วนผู้ที่ไม่มีความประสงค์จะเข้าชม สามารถขอคืนเงินได้เต็มจำนวน

 

"เรารู้ดีว่า การตัดสินใจแบบนี้จะสร้างความผิดหวังครั้งใหญ่ให้กับคนทั่วโลก แต่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสส่งผลกระทบกับสหราชอาณาจักรอย่างรุนแรง ซึ่งเราต้องแสดงถึงความรับผิดชอบ" สลัมเบอร์ส กล่าวเพิ่มเติม

 

"มีสิ่งที่ต้องพิจารณาแตกต่างกันมากมายในการจัดการแข่งขันกีฬาที่มีความสำคัญถึงระดับนี้ เราต้องพึ่งความช่วยเหลือด้านบริการฉุกเฉิน, เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น และองค์กรอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมันไร้เหตุผลที่จะเพิ่มภาระให้ในขณะที่พวกเขากำลังรับมือกับเหตุเร่งด่วนที่สำคัญมากกว่า"

 

ด้าน ทอมมี่ ฟลีตวูด โปรชาวอังกฤษ รองแชมป์เก่า ให้สัมภาษณ์กับ สกายสปอร์ตส์ สื่อชื่อดังว่า "เห็นได้ชัดว่านี่เป็นวันอันแสนเศร้า เมื่อคิดจากการที่ ดิ โอเพ่น มีความหมายกับผู้คนมากเพียงใด รวมถึงผมด้วยเช่นกัน"

 

ขณะเดียวกัน ยังไม่มีอะไรมาการันตีว่า รายการ ยูเอส พีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ และ ยูเอส โอเพ่น ที่จัดขึ้นใน แคลิฟอร์เนีย และ นิวยอร์ก ซึ่งเป็น 2 รัฐของอเมริกาที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสรุนแรงที่สุด จะสามารถดำเนินการได้ตามกำหนดที่วางเอาไว้ เพราะแม้แต่ เฟร็ด ริดลี่ย์ ประธานกรรมการบริหารของ เดอะ มาสเตอร์ส ยังต้องเฝ้าระวังถึงแม้ย้ายไปแข่งขันในเดือนพฤศจิกายน

 

"เราหวังว่าการจัดแข่งเดอะ มาสเตอร์ส ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง จะนำพาช่วงเวลาแห่งความสุขมาให้ทุกคน แต่เราต้องเน้นย้ำให้แผนการเป็นไปตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขด้วยเช่นกัน"

 

การเปลี่ยนแปลงตารางแข่งขัน ส่งผลอย่างจังต่อหนึ่งในรายการสำคัญของ ยูโรเปี้ยน ทัวร์ นั่นคือ บีเอ็มดับเบิ้ลยู พีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ ที่เวนท์เวิร์ธ ในช่วงวันที่ 10-13 กันยายน ซึ่งเดิมทีจะเป็นรายการสุดท้ายที่ใช้ตัดตัวสมาชิกทีมไรเดอร์ คัพ ของยุโรป ดังนั้นจึงทำให้มีนักกอล์ฟชื่อดังเข้าร่วมการแข่งขันมากมาย

 

แต่ตอนนี้จะมีดาวดังสักกี่คนสนใจลงแข่ง หลังจากมีทั้งศึก เฟดเอ็กซ์ คัพ เพลย์ออฟ ที่กินเวลานาน 3 สัปดาห์ในอเมริกา รวมถึง ยูเอส โอเพ่น และ ไรเดอร์ คัพ ในช่วงใกล้เคียงกัน 

 

 

ส่วนรายการ เดอะ มาสเตอร์ส ที่ย้ายไปแข่งช่วงท้ายปี ไม่ใช่ว่าจะไม่โดนผลกระทบ เพราะแทรกอยู่ระหว่าง 3 รายการใหญ่ของ ยูโรเปี้ยน ทัวร์ ที่มีเงินรางวัลรวมถึง 20 ล้านปอนด์ ทำให้ คีธ เพลลี่ย์ ซีอีโอ มีเรื่องใหญ่ให้ต้องตัดสินใจ

 

แน่นอนว่า หากเมเจอร์ทั้ง 3 รายการที่เหลืออยู่ต้องยกเลิกไป คงเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างที่สุด ทั้งกับตัวนักกอล์ฟหรือผู้ชม แต่เชื่อเถอะว่าทุกคนเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี เพราะคงไม่มีประโยชน์อะไรถ้าได้แข่งหรือได้ชมการแข่งขันในปีนี้ เป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตของตัวเอง

 


TAG ที่เกี่ยวข้อง

stadium

author

ไทเกอร์ วืด

StadiumTH Content Creator

La Vie en Rose