stadium

"โค้ชด่วน" : ภารกิจใหม่ที่ต้องสร้างอนาคตให้กับทีมชาติ

25 กุมภาพันธ์ 2563

เมื่อจบการแข่งขัน วอลเลย์บอลโอลิมปิกเกมส์ 2020 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย ที่ทีมสาวไทย พ่ายให้กับ เกาหลีใต้ 0-3 เซต ประมาณ 1 เดือนที่เเล้ว ไมค์จากสื่อมวลชนจ่อไปที่ "โค้ชด่วน" นายดนัย ศรีวัชรเมธากุล เฮดโค้ชของ "ตบสาวไทย" เพื่อสอบถามความรู้สึกหลังจบเกม เเต่ทว่า "โค้ชด่วน" กลับประกาศขออำลาตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนของทีมทันทีเพื่อรับผิดชอบผลงาน 

 

ความพ่ายแพ้ในรอบคัดเลือกหนนี้ เป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิด โดยเฉพาะกับทีมชาติไทย ที่มุ่งมั่นร่วมกันสร้างทีมกันมานาน และการพักทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเป้าหมายในการมุ่งมั่นกับรายการนี้ ทว่าสุดท้ายแล้ว เมื่อพาทีมไปไม่ถึงฝั่งฝัน เฮดโค้ชของทีมอย่าง "โค้ชด่วน" จึงตัดสินใจขอประกาศลาออกทันที แน่นอนว่า เมื่อการประกาศลาออกไป กระแสข่าวที่ออกมาทำให้เกิดเสียงที่แตกกันออกไป บ้างก็ยังอยากให้ "โค้ชด่วน" คุมทีมต่อ บ้างก็อยากให้ สมาคมฯ พิจารณาผู้ฝึกสอนคนใหม่ขึ้นมาแทน

 

ทันทีที่ นายสมพร ใช้บางยาง นายกสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลทราบข่าว ก็ได้ชี้แจงเรื่องดังกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ความพ่ายแพ้ต่อเกาหลีใต้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ และยินดี และชื่นชมในสปิริตของ "โค้ชด่วน" ที่กล้ารับผิดชอบผลงาน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สมาคมยังคงจะต้องกลับไปพิจารณาถึงเรื่องนี้ เพราะการเปลี่ยนแปลงตัวหัวหน้าผู้ฝึกสอนนั้น ทีมชาติไทย ไม่ได้ทำกันบ่อยครั้งนัก

 

วันเวลาผันผ่านไป 1 เดือน ทุกคนต่างอยากรู้ความคืบหน้าของเรื่องหัวหน้าผู้ฝึกสอน ซึ่งสมาคมฯ ยังคงไม่เปิดเผยถึงเรื่องนี้ บอกเพียงแค่ว่า ยังต้องเวลา เพื่อที่จะมีการพูดคุยกันก่อน ขณะที่ นักกีฬา ก็ออกมาให้สัมภาษณ์กับหลาย ๆ สื่อถึงความเป็นไปได้ในการที่จะเล่น หรือไม่เล่นทีมชาติต่อ รวมถึงแสดงความเห็นเกี่ยวกับ "โค้ชด่วน" ว่าเป็นคนที่ทุ่มเท และเคารพในการตัดสินใจ ไม่ว่าโค้ชจะทำทีมต่อ หรืออำลาทีมจริง ๆ

 

 

"โค้ชด่วน" ยังคงเงียบ ไม่เปิดปากเอ่ยถึงเรื่องของทีมชาติไทย ได้แต่ขอเวลาพักผ่อน หลังจากที่คุมทีมชาติไทย มาตลอดทั้งปี 2019 จะมีก็เพียงแค่ข้อความในเฟสบุคส่วนตัวของ "โค้ชด่วน" ที่โพสต์ขอบคุณทุก ๆ ฝ่าย หลังจบการแข่งขันในแต่ละปี ซึ่งอันนี้ "โค้ชด่วน" ได้โพสต์อยู่ทุกครั้ง

 

จากนั้น เริ่มมีทีมท่าจาก สมาคมฯ ถึงการวางแผนกับนักกีฬาทีมชาติไทย รวมถึงทีมงานผู้ฝึกสอน โดยเฉพาะโค้ชนั้น สมาคมฯ แจ้งว่า "โค้ชด่วน" ได้ยื่นใบลาออกมาจริง เพียงแต่ยังไม่ได้รับอนุมัติ อีกทั้งในปี 2020 นี้ โปรแกรมการแข่งขันของทีมชาติ ค่อนข้างที่จะใกล้กับรายการของสโมสร ซึ่งทำให้ทีมชาติ มีเวลาเตรียมตัวน้อย สมาคมฯ เชื่อมั่นในศักยภาพของ "โค้ชด่วน" ที่ยังสามารถทำทีมและมีความเข้าใจในตัวของนักกีฬา นักกีฬาเองก็ให้ความเคารพ 

 

อีกทั้ง "โค้ชด่วน" มีผลงานที่ดีในการทำหน้าที่เฮดโค้ชมาตั้งแต่ปี 2016 พาทีมประสบความสำเร็จหลายรายการ ทั้งอันดับ 3 เอวีซี คัพ 2 สมัย (2016, 2018) เหรียญทองซีเกมส์ 2 สมัย (2017, 2019) รองแชมป์เอเชีย 2 สมัย (2017, 2019) เหรียญเงินเอเชียนเกมส์ (2018) ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และยังพาทีมผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้าย วอลเลย์บอลหญิง ชิงแชมป์โลก 2018 รวมถึงยังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการผ่านเข้ารอบที่ 2 ได้อีกด้วย

 

ส่วนเรื่องความพ่ายแพ้ให้กับ เกาหลีใต้ ในนัดชิงชนะเลิศ โอลิมปิกเกมส์ สมาคมฯ มองว่า เป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจ เพราะทัพโสมขาว เป็นทีมที่แข็งแกร่ง และเป็นทีมที่จองตั๋วไปโอลิมปิกเกมส์อยู่แล้วทุกครั้ง ซึ่งทีมชาติไทย ตั้งความหวังในรายการนี้ เมื่อผิดหวังไม่ได้ไป ก็ต้องกลับไปฝึกซ้อมกันใหม่

 

เมื่อสมาคมฯ ไฟเขียวให้ "โค้ชด่วน" คุมทัพต่อ หลาย ๆ ฝ่ายก็เล็งไปที่เจ้าตัว ว่าอยากจะรับงานคุมทีมต่อหรือไม่ กระทั่งผู้สื่อข่าว ได้เจอกับ "โค้ชด่วน" ซึ่งเจ้าตัวก็ได้ยอมเปิดใจครั้งแรกถึงเรื่องนี้ แต่ก็ตอบเชิงรับเนื่องด้วยการปฏิเสธลำบาก ว่าขอขอบคุณสมาคมฯ ที่ยังไว้วางใจ ให้ทำทีมต่อ

 

 

แน่นอนว่า ในปี 2020 วอลเลย์บอลในเมืองไทย มีโปรแกรมที่แน่นขนัดมาตั้งแต่ปลายปี 2019 ไล่ตั้งแต่ซีเกมส์, คัดโอลิมปิกเกมส์ มาจนถึงไทยแลนด์ลีก และเมื่อจบลีกในประเทศ รายการนานาชาติก็เข้ามาใกล้มาก เริ่มที่เดือนเมษายนทีเดียว ทำให้เวลาค่อนข้างน้อยในการเตรียมตัว สมาคมฯ จึงเลือก "โค้ชด่วน" ที่มีประสบการณ์ในการทำทีมชาติไทย และมีความคุ้นเคยกับนักกีฬาในเมืองไทยเป็นอย่างดี ให้เข้ามารับงานต่อเนื่อง

 

อีกทั้ง "โค้ชด่วน" เอง ก็ยอมรับว่า งานหลังจากนี้ถือว่าเป็นเรื่องยาก เพราะทีมชาติไทย จำเป็นที่จะต้องพัฒนานักกีฬารุ่นใหม่ ๆ ขึ้นมาให้ได้มากที่สุด เพื่ออนาคต และเป็นสิ่งที่ท้าทายกับทั้งโค้ช และสมาคมฯ ที่จะต้องผ่านจุดนี้ไปให้ได้ โอลิมปิกเกมส์ ในอีก 4 ปีข้างหน้า แน่นอนว่า มันจะยากขึ้นกว่าปี 2020 อย่างมากทีเดียว เพราะว่านักกีฬารุ่นใหม่ ๆ ที่จะขึ้นมาทดแทนรุ่นพี่ จะต้องแบกรับทั้งความกดดัน และความหวังเอาไว้อย่างมาก

 

ดังนั้นจากจะได้ไปโอลิมปิกเกมส์ ในอีก 4 ปีข้างหน้านั้น ทั้งสมาคมฯ และ "โค้ชด่วน" คงจะต้องคิด และทำงานกันอย่างหนัก ถึงหนักที่สุดแน่นอน สิ่งที่เราอาจจะได้เห็นจากการที่ "โค้ชด่วน" กลับมารับงานอีกครั้งหลังจากนี้ คงจะเป็นการเปิดโอกาสให้ดาวรุ่งหน้าใหม่ ขึ้นมาเป็นกำลังหลักในทีมชาติไทยมากขึ้นกว่าเดิมแน่นอน ซึ่งต้องรอติดตามกันต่อว่า การเข้ามาในครั้งนี้ สาวไทย จะเดินหน้าต่อไปในทิศทางใด


stadium

author

Plug

StadiumTH Content Creator

โฆษณา