18 กุมภาพันธ์ 2563
#คุยเฟื่องเรื่องบอลไทย
ฤาการูด้ากำลังจะกลับมาแบบฟินิกซ์ ?
สัตว์เทพสีแดงตัวแทนแห่งไฟและสุริยัน, นกศักดิ์สิทธิ์ผู้มีร่างกายอันแข็งแกร่งทรงพลัง, สัญลักษณ์แห่งความเป็นอมตะ แม้ว่าจะถูกเผาจนเป็นเถ้าถ่านซักกี่ครั้งก็จะกลับมามีชีวิตใหม่นิรันดร์ นั่นคือคำนิยามของ “ฟินิกซ์” ที่ปรากฏอยู่ในปกรณัม หรือวรรณกรรมของอียิปต์และกรีกโบราณ
ทีมชาติอินโดนีเซียที่ได้ชิน แท ยอง อดีตกุนซือโสมขาวกำลังนำทีมเข้าแคมป์เก็บตัวที่กรุงจาการ์ต้าระหว่างวันที่ 14-23 ภายใต้คอนเซ็ปต์ภารกิจที่ว่า “ปลุกการูด้าให้คืนชีพกลับมายิ่งใหญ่ให้ได้อีกครั้ง”
โดยหนนี้สื่อท้องถิ่นของอินโดฯเองหลายสำนักต่างพาดหัวด้วยตัวอักษรขนาดใหญ่ในหน้าเว็ปและตามหน้าหนังสือพิมพ์ออนไลน์ว่า “ด้วยทีมสายเลือดใหม่, ด้วยการนำของโค้ชชาวเกาหลีใต้ และด้วยพลังโสมสไตล์ การูด้าจะกลับมายิ่งใหญ่แน่นอน”
มีการตีแผ่บทสัมภาษณ์ของศูนย์หน้าตัวโอนสัญชาติและเป็นอดีตนักเตะสโมสรดินาโม ทบิลิซี่ ทีมดังจากจอร์เจียอย่างอิลิยา สปาโซเยวิก ออกมาว่ารูปแบบการฝึกซ้อมของนายใหญ่ชาวเกาหลีใต้โฟกัสด้านพละกำลัง, การเพรสซิ่งร่วมกัน และสปีดบอลที่ต้องเร็วขึ้น (ชนิดที่ซ้อมกันทุกวันทั้งเช้าและเย็น) โดยโค้ชให้น้ำหนักที่สภาพความฟิตของนักเตะเป็นสำคัญ และได้บอกไว้อย่างชัดเจนว่าคนที่จะลงสนามในนัดเจอกับไทยและยูเออีนั้น ต้องมีสภาพร่างกายที่วิ่งได้เกิน 90 นาทีเท่านั้น
แม้แต่เมนูฝึกซ้อมของนายทวารยังเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมาก โดยโค้ชคิม แฮ วอน อดีตโค้ชผู้รักษาประตูทีมชาติเกาหลีใต้ชุดปี 2017-2018 ซึ่งปัจจุบันรับงานเป็นโค้ชผู้รักษาประตูให้อินโดนีเซียชุดนี้ยังได้ออกมาพูดถึงสาเหตุที่เขาและเฮดโค้ชตัดสินใจเปลี่ยนเมนูการฝึกซ้อมของนายทวารการูด้าว่าเป็นเพราะที่ผ่านมาพวกเขามักมีปัญหาด้านปฎิกิริยาตอบสนองต่อการออกมาตัดบอล, การอ่านเกม และการมีส่วนร่วมกับแผงหลังที่ดูจะเชื่องช้าเกินไป ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุให้ทีมมักเสียประตูง่ายๆ
“เอาหว่ะ!” อ่านมาถึงตรงนี้ รับรู้ได้ถึงความเสียวไส้สะท้านออกมาจากภายใน เพราะไทยเราจะเป็นคู่ต่อกรแมตช์แรกอย่างเป็นทางการของอินโดฯชุดนี้
แต่หากมาลองพิจารณากันดีๆ มันก็อาจไม่แปลกเท่าไหร่ที่สื่อของพวกเขาจะเล่นประโคมข่าวกันอึกทึกอย่างนั้น เพราะถ้าจะว่ากันจริงๆ นี่ก็ถือเป็นช่วง “ข้าวใหม่ปลามัน” และการทำอย่างนั้นก็ยิ่งช่วยให้บรรยากาศในการเตรียมทีมของพวกเขาตื่นตัวและจริงจังมากขึ้น
ผมไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ที่รูปแบบการเรียกตัวนักเตะรวมไปถึงเมนูการฝึกซ้อมของทีมอินโดฯชุดนี้จะถูกสังฆกรรมใหม่ทั้งหมด ถึงขนาดที่ว่าลงลึกถึงเรื่องโภชนาการและวิทยาศาสตร์การกีฬาที่เหล่าทีมงานเกาหลีใต้จัดแจงหอบเอาเครื่องมือเครื่องไม้ข้ามฝั่งมาติดตั้งให้ถึงแดนอิเหนา
เพราะจากผลงานแพ้รวดทั้งห้านัดในคัดบอลโลกหนนี้ แบบยิงได้แค่ 3 และเสียมากถึง 16 ลูก และ 9 จาก 16 ประตูที่พวกเขาเสียเกิดขึ้นหลังเกมผ่านไปแค่ 1 ชม.เท่านั้น แถม 5 จาก 16 ประตูที่เสียก็มาจากความผิดพลาดของผู้รักษาประตู เห็นได้ชัดว่าพวกเขามีปัญหาเรื่องความฟิต และตำแหน่งนายทวารที่ยังไม่เด็ดขาด
และถ้าจะถามถึงทรรศนะของผมสำหรับคัดบอลโลกหนนี้ว่าใครจะได้ตั๋วเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้ายในกลุ่มของไทย ผมก็ยังมั่นใจว่าอินโดฯ (ภายใต้การนำของโค้ชใหม่) คือตัวแปรที่สำคัญและจะเป็น “ขวากหนามอย่างดี” สำหรับทุกทีมในตอนนี้ (ยกเว้นมาเลย์ที่รอดตัวไป)
เพราะบอลเปลี่ยนโค้ชเป็นอะไรที่คาดเดาผลการแข่งขันได้ยาก, เพราะบอลเปลี่ยนโค้ชนำมาซึ่งแพชชั่นและพลังงานแฝงบางอย่าง, เพราะบอลเปลี่ยนโค้ชนำมาซึ่งข้อมูลใหม่ที่ไม่อาจสเก้าท์กันก่อนได้ และก็มีอยู่หลายครั้งเช่นกันที่เจ้าบอลเปลี่ยนโค้ชนี่แหละที่ทำให้นิทานเรื่องแจ๊คผู้ฆ่ายักษ์เกิดขึ้นมาแล้วในเกมลูกหนัง
ท่ามกลางความหวังแบบหายใจไม่ทั่วท้องของทั้งไทย, เวียดนาม, และยูเออีที่โอกาสการคว้าตั๋วเข้ารอบต่อไปดูจะใกล้เคียงพอๆกัน กับวลีที่ว่า “ใครเสียแต้มให้อินโดฯก่อน คนนั้นได้โบกมือบ๊ายบาย” ดูจะเป็นอะไรที่ทั้งกดดันและไม่อาจจะเดินลงสนามโดยพกคำว่า “ประมาท” ติดกระเป๋าลงไปได้
การูด้ากำลังจะคืนชีพมาแบบฟินิกซ์ด้วยโค้ชใหม่, ด้วยทีมใหม่ที่เน้นใช้นักเตะดาวรุ่งจากชุดยู 23, ด้วยรุ่นพี่ตัวโอนสัญชาติดีกรีเคยเล่นลีกยุโรปมาแล้วมากมาย เกมระหว่างเพื่อนร่วมสายกับอินโดฯในแมตช์ที่เหลืออยู่จะเป็นอะไรที่บอกอะไรได้หลายอย่าง (ทั้งความกระหาย, ทั้งแพชชั่น และทั้งการเอาตัวรอดภายใต้สถานการ์ณที่กดดัน)
ใครจะมีมากกว่ากัน? ทีมไหนจะผ่านการูด้าเวอร์ชั่นคืนชีพมาแบบฟินิกซ์ไปได้? เดือนหน้าได้เริ่มรู้กัน!
TAG ที่เกี่ยวข้อง