11 เหรียญประวัติศาสตร์ของไทยในแบดมินตันชิงแชมป์โลก

แม้ว่า “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ ไม่สามารถป้องกันแชมป์โลกแบดมินตัน 2025 ไว้ได้ หลังจากพ่ายมือ 1 โลก “ฉือ ยู่ ฉี” แบบสูสี 1-2 เกม แต่การเข้าชิงชนะเลิศ 3 สมัยซ้อนถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของแบดมินตันไทยเลยทีเดียว

และหากนับในปีที่เว้นว่างการจัดการแข่งขันในปี 2024 เนื่องจากตรงกับโอลิมปิก “ปารีส เกมส์” โดย “วิว-กุลวุฒิ” เข้าชิงชนะเลิศกับ “วิคเตอร์ อเซลเซ่น” ก่อนได้เหรียญเงินมาครอง ถือเป็นการชิงชนะเลิศรายการสำคัญของโลก 4 ปี ติดต่อกัน

การแข่งขันนัดชิงชนะเลิศ ที่ อาดิดาส อารีน่า กรุงปารีส เกมแรก “วิว-กุลวุฒิ” สร้างความฮือฮาหลังจากตามอยู่ 11-18 ทำแต้มจนไล่มาทัน 18-18 ก่อนพลิกแซงเอาชนะ ฉือ ยู่ ฉี 21-19 ก่อนมือ 1 โลกเอาคืน 10-21 ต้องตัดสินในเกม 3 และเกมมาเบียดกันช่วงท้ายก่อน “วิว” พ่ายไป 18-21 เป็นรองแชมป์คว้าเหรียญเงิน และนับเป็นเหรียญที่ 11 ของแบดมินตันไทยในการแข่งขันศึกใหญ่รายการนี้

แล้วทุกเหรียญชิงแชมป์โลกที่ขนไก่ไทยทำได้ นับจากครั้งแรกจัดขึ้นที่เมืองมัลโม่ ประเทศสวีเดน เมื่อปี 1977 มาถึงล่าสุดในครั้งที่ 29 ประเทศฝรั่งเศส มีเรื่องราวเป็นอย่างไร ติดตามได้ที่นี่

1.เหรียญทองแดง ปี 2005 ที่สหรัฐอเมริกา

ความสำเร็จแรกของวงการแบดมินตันไทยในรายการชิงแชมป์โลก มาจากประเภทคู่ผสมด้วยผลงานของ “เต่า-ส้ม” สุดเขต ประภากมล และ สราลีย์ ทุ่งทองคำ ในศึกชิงแชมป์โลกปี 2005 ที่สหรัฐอเมริกา เมื่อสามารถทะลุไปถึงรอบรองชนะเลิศ ก่อนไปพ่ายคู่มือ 1 โลก ลิลิยาน่า นัตเซอร์ กับ โนวา วิเดียนโต อย่างสูสี 1-2 เกม จึงได้รับเหรียญทองแดง ส่วนคู่ผสมจากอินโดนีเซียเข้าชิงชนะเลิศและคว้าแชมป์โลกไปครอง 

2.เหรียญทองแดง ปี 2006 ที่สเปน

ยังเป็นผลงานอันยอดเยี่ยมของ “เต่า” สุดเขต ประภากมล และ “ส้ม” สราลีย์ ทุ่งทองคำ คู่ผสมสร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญที่สองในรายการชิงแชมป์โลกให้กับตัวเองและประเทศไทย เมื่อเข้าถึงรอบตัดเชือกอีกครั้ง คราวนี้แพ้ นาธาน โรเบิร์ตสัน กับ เกล เอ็ม คู่เหรียญเงินโอลิมปิก 2004 จากอังกฤษ ก่อนที่คู่อังกฤษเข้าชิงชนะเลิศและคว้าแชมป์โลกไปได้สำเร็จ

3. เหรียญทอง ปี 2013 ที่จีน 

ห่างจากเหรียญมา 7 ปี กระทั่งในปี 2013 “เมย์” รัชนก อินทนนท์ ดาวรุ่งจากแชมป์เยาวชนโลก 3 สมัย ในวัยเพียง 18 ปี สวมเหล็กดัดฟันสร้างประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ ด้วยการเป็นแชมป์แบดมินตันโลกคนแรกของไทย และสร้างตำนานแชมป์อายุน้อยที่สุดในรายการที่มีสถิติยืนยังถึงปัจจุบัน โดยในรอบชิงชนะเลิศ “เมย์-รัชนก” เอาชนะแชมป์โอลิมปิก ลี เสี่ยว เร่ย มือ 1 ของโลกเจ้าถิ่น 2-1 เกม ในการแข่งขันที่กวางโจว ประเทศจีน

4.เหรียญทองแดง ปี 2019 ที่สวิตเซอร์แลนด์

หลังจากรอคอยอยู่พักใหญ่ ๆ “เมย์” รัชนก อินทนนท์ แชมป์โลกอายุน้อยเมื่อปี 2013 กลับมาได้เหรียญอีกครั้งใน 6 ปีต่อมา เมื่อเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ มาพบกับ โนโซมิ โอกูฮาระ มือ 4 ของโลกจากญี่ปุ่น ก่อนพ่ายไปสูสี 1-2 เกม ได้เหรียญทองแดง ถือเป็นเหรียญชิงแชมป์โลกเหรียญที่ 2 ของสาวน้อยมหัศจรรย์แห่งวงการขนไก่ไทย

5. เหรียญทองแดง ปี 2019 ที่สวิตเซอร์แลนด์

ในปีนี้ ชายเดี่ยวของไทยได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ เมื่อ “กัน” กันตภณ หวังเจริญ มือ 15 ของโลกเวลานั้น ทะลุเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ หลังโชว์ฟอร์มเหนือความคาดหมายเอาชนะทั้ง คิดัมบี ศรีกานต์ มืออันดับ 10 ของโลกจากอินเดีย และในรอบ 8 คน โค่น โจว เทียนเฉิน มืออันดับ 2 ของโลกจากไต้หวัน ก่อนไปพ่าย แอนเดอร์ส แอนทอนเซ่น มือวางอันดับ 5 ของรายการ จบที่เหรียญทองแดง แต่เป็นเหรียญแรกที่ไทยทำได้ในประเภทนี้

6.เหรียญเงิน ปี 2019 ที่สวิตเซอร์แลนด์

แม้จะไม่มีเหรียญทอง แต่ศึกชิงแชมป์โลก ณ ดินแดนนาฬิกา “สวิตเซอร์แลนด์” จัดเป็นหนึ่งในครั้งที่ทีมแบดมินตันไทยประสบความสำเร็จ เพราะเข้าถึงรอบรองชนะเลิศได้ถึง 3 ประเภท และเป็นการแจ้งเกิดของคู่ผสม “บาส-ปอป้อ” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย โดย “บาส-เดชาพล” ที่ยังไม่ประสบความสำเร็จจากชายคู่ มาผนึกกำลังกับแชมป์หญิงเดี่ยว “ยูธ โอลิมปิก” ประเทศสิงคโปร์ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี มาเป็นคู่ผสมที่ลงตัว โค่นคู่มือ 2 โลกจากจีน หวัง ยี่ ลู่ กับ หวง ตง ผิง ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ แต่ต้าน เจิ้ง ซื่อเหว่ย กับ หวง หย่าฉง คู่มือ 1 ของโลก ไม่ไหว พ่ายไป 2 เกมรวดแต่การเข้าชิงถือเป็นนักแบดมินตันคู่ผสมไทยคู่แรกที่ได้เหรียญเงินในศึกชิงแชมป์โลก
 

7. เหรียญทอง ปี 2021 ที่สเปน

ความหวังสูงสุดของทีมแบดมินตันของไทยในช่วงนั้นถือเป็นปีทองของคู่ “บาส-ปอป้อ” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย ก่อนแข่งชิงแชมป์โลก “บาส-ปอป้อ” ครองคว้ายิ่งใหญ่ในประเภทคู่ผสมเมื่อคว้าไปถึง 8 แชมป์จากการชิงชนะเลิศ 9 รายการ และเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศรายการชิงแชมป์โลกพบคู่ปรับเพื่อนซี้ “ยูตะ วาตานาเบะ กับ อาริสะ ฮิงาชิโนะ” และเป็นคู่ผสมจากไทยตบเอาชนะ 2 เกมรวด คว้าแชมป์โลกมาครอง พร้อมกับสร้างประวัติศาสตร์เป็นแชมป์โลกคู่ผสมคู่แรกของประเทศไทย และยังเป็นแชมป์โลกครั้งที่ 2 ของประเทศต่อจาก รัชนก อินทนนท์ หญิงเดี่ยวในปี 2013 

8. เหรียญทองแดง ปี 2022 ที่ญี่ปุ่น
 

แม้ไม่สามารถเข้าไปป้องกันแชมป์โลกในประเภทคู่ผสมได้สำเร็จ หลังจากพลิกล็อกตกรอบ 3 แต่ "ปอป้อ" ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย ยังสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ เมื่อจับคู่กับ "เอิร์ธ" พุธิตา ศุภจิรกุล หักปากกาเซียน ทั้งที่เป็นมือวางอันดับ 14 ของรายการ แต่ทะลุเข้าถึงรอบรองชนะเลิศประเภทหญิงคู่ และเกือบจะทะลุไปถึงรอบชิง แต่แพ้ คิม โซ ยอง กับ คอง ฮี ยอง จากเกาหลีใต้แบบหวุดหวิด 1-2 เกม 16-21, 21-19, 23-25 คว้าเหรียญทองแดงไปครอง ทำให้ "ปอป้อ" กลายเป็นนักแบดมินตันไทยคนแรกที่คว้าเหรียญชิงแชมป์โลกได้ถึง 2 ประเภท   

9. เหรียญเงิน ปี 2022 ที่ญี่ปุ่น

นับจากหมดยุครุ่งเรืองของ “สมพล คูเกษมกิจ” เรื่อยมาจนถึงยุค “ซูเปอร์แมน” บุญศักดิ์ พลสนะ ประเทศไทยก็ขาดชายเดี่ยวที่จะต่อกรกับนักแบดมินตันชาติอื่นได้ จนกระทั่งการก่อเกิดของดาวดวงใหม่ “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ แชมป์โลกเยาวชน 3 สมัยซ้อน ก่อนมาแจ้งเกิดอย่างยิ่งใหญ่ในการเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศในรายการชิงแชมป์โลก 2022 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นชายเดี่ยวคนแรกของไทยที่เข้าถึงรอบนี้ได้สำเร็จ ก่อนแพ้มือ 1 โลก “วิคเตอร์ อเซลเซ่น” คว้าเหรียญเงินไปครอง

10. เหรียญทอง ปี 2023 ที่เดนมาร์ก

หลังจากทะลุถึงรอบชิงชนะเลิศ ในปี 2022 ก่อนไปพ่าย “วิคเตอร์” ได้เหรียญเงิน แต่ในปีต่อมา ณ กรุงโคเปนเฮเกน เมืองหลวงของประเทศเดนมาร์ก “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ ก็สามารถสร้างประวัติศาสตร์เป็นชายเดี่ยวคนแรกของประเทศไทยที่คว้าแชมป์โลก หลังเอาชนะคู่ปรับตั้งแต่สมัยเยาวชน “โคได นาราโอกะ” สุดมันส์ 2-1 เกม

11. เหรียญเงิน ปี 2025 ที่ฝรั่งเศส

มาถึงในการแข่งขันแบดมินตันชิงแชมป์โลก 2025 “วิว-กุลวุฒิ” เดินหน้าสร้างประวัติศาสตร์อีกครั้ง เมื่อเข้าชิงแชมป์โลก 3 สมัยติดต่อกัน โดยด่านสุดท้ายในการป้องกันแชมป์คือ “ฉือ ยู่ฉี” มือ 1 โลกชาวจีน

ก่อนมาเจอกันในนัดชิงชนะเลิศถือว่าฟอร์มดีมาด้วยกันทั้งคู่ โดยในปี 2025 “วิว-กุลวุฒิ” คว้าแชมป์สำคัญมาหลายรายการ อาทิ อินโดนีเซีย มาสเตอร์, แชมป์เอเชีย, แชมป์ไทยแลนด์ โอเพ่น และล่าสุด แชมป์ สิงคโปร์ โอเพ่น ทำให้ขึ้นมาเป็นมือ 1 โลกอยู่ช่วงหนึ่ง

ในขณะที่ “ฉือ ยู่ฉี” มาฟอร์มแรงคว้าแชมป์ในสองรายการใหญ่ คือ “เจแปน โอเพ่น” และ “ไชน่า โอเพ่น” ล้วนเป็นรายการซูเปอร์ 1000 ผงาดขึ้นมาแซงเป็นมือ 1 โลกได้อีกครั้ง

สถิติการพบกันระหว่าง “วิว กุลวุฒิ” กับ “ฉือ ยู่ ฉี” ทั้งหมด 8 ครั้ง ปรากฏว่ายอดนักแบดมินตันชายเดี่ยวไทยเอาชนะได้ 3 ครั้ง และพ่ายไป 5 ครั้ง 

แต่ในการพบกัน 2 ครั้งล่าสุด “วิว-กุลวุฒิ” เอาชนะมาได้แบบฟอร์มที่เหนือกว่ามาก นับจากรายการ โอลิมปิก 2024 “ปารีส เกมส์” ในรอบ 8 คนสุดท้าย 2-0 

และล่าสุด “อินโดนีเซีย มาสเตอร์ 2025” ในรอบรองชนะเลิศ “วิว-กุลวุฒิ” เอาชนะไป 2-0 ก่อน “วิว” เข้าไปชิงและคว้าแชมป์ด้วยการเอาชนะเจ้าถิ่น “โจนาธาน คริสตี้” 2-1 เกม

การแข่งขันในนัดชิงชนะเลิศ เกมแรก “วิว-กุลวุฒิ” สร้างความฮือฮาหลังจากตามอยู่ 11-18 ทำแต้มจนไล่มาทัน 18-18 ก่อนพลิกแซงเอาชนะ 21-19 ก่อนมือ 1 โลกเอาคืน 10-21 ต้องตัดสินใจเกม 3 และเกมมาเบียดกันช่วงท้ายก่อน “วิว” พ่ายไป 18-21 เป็นรองแชมป์คว้าเหรียญเงิน และนับเป็นเหรียญที่ 11 ของทีมชาติไทยในการแข่งขันศึกใหญ่ในรายการนี้ และจำนวนที่ว่ามาจะไม่หยุดเพียงเท่านี้อย่างแน่นอน!!