stadium

“เจน วงษ์วรโชติ” สถิติวิ่งทางไกลหญิงไทย และเป้าหมายคืนสนามซีเกมส์ 2025

23 สิงหาคม 2568

หากจะกล่าวถึงหนึ่งในนักวิ่งหญิงไทยที่มีสถิติการวิ่งทางไกลที่สุดตลอดกาล และยังคงเป็นสถิติทางถนนประเทศไทยในปัจจุบัน ที่ยังไม่สามารถมีผู้ใดทำลายลงได้ นั่นคือสถิติของ “เจน วงษ์วรโชติ” ผู้เป็นตำนานซึ่งยังมีลมหายใจ ที่ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นบนเส้นทางการวิ่งที่สม่ำเสมอและไม่เคยเปลี่ยนแปลง

 

ฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย

 

ในวงการวิ่งมาราธอนไทยและเอเชียต้องรู้จักชื่อของเธอ เจน วงษ์วรโชติ นักวิ่งสาวลูกครึ่งไทยอเมริกัน แม้จะย้ายไปอยู่ในสหรัฐฯ ตั้งแต่เด็ก แต่เส้นทางชีวิตได้ถูกกำหนดไว้ให้เธอได้มีโอกาสรับใช้ชาติ เริ่มจากในฐานะนักฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยก่อนจะพลิกผันกลายเป็นนักวิ่งมาราธอนทีมชาติไทย

 

“เจนเป็นนักกีฬามาทั้งชีวิต พ่อแม่เกิดที่ไทยแต่ย้ายไปอยู่ที่สหรัฐฯ มีพี่ชายด้วย ตอนนั้นยังเด็ก ก็ได้คำแนะนำให้เล่นกีฬา ก็เล่นกีฬา จนได้เล่นฟุตบอลทีมชาติไทยนานเจ็ดปีค่ะ ซึ่งเจนชอบวิ่งอยู่แล้ว ตั้งแต่ตอนเป็นทีมชาติฟุตบอลก็วิ่ง เพื่อความฟิตของร่างกาย ตอนมาเก็บตัวที่ไทยเพื่อปรับตัวเข้ากับอากาศ ก็ใช้การวิ่งเพื่อปรับตัว เพื่อความอดทนในการเล่นฟุตบอลด้วย เรื่องของความอึดค่ะ”

 

โค้ชเจนเล่าว่าเธอได้รับโอกาสในการเป็นนักฟุตบอลทีมชาติไทยเพราะมีญาติซึ่งอยู่ในประเทศไทย ทราบว่าเธอเล่นฟุตบอล จึงชักชวนจากการเห็นข่าวในหนังสือพิมพ์ว่า ทีมชาติฟุตบอลหญิงไทย ซึ่งชุดนั้นมีท่านนฤมล ศิริวัฒน์ ดูแลทีม และต้องการนักกีฬาลูกครึ่งมาเสริมทีม กลายเป็นโอกาสสำคัญของเธอ 

 

“ญาติแนะนำมาค่ะ เพราะรู้ว่าเล่นฟุตบอล เห็นข่าวในหนังสือพิมพ์ด้วย ก็เลยได้มาคัดตัว และได้เป็นทีมชาติ เจนพูดไทยได้อยู่แล้ว ตอนนั้นมหาลัยปีหนึ่งค่ะ ก็เลยหันมาเล่นให้ทีมชาติไทย ตอนแรกเคยคิดจะคัดให้กับทีมในนิวยอร์ก เพื่อจะเป็นทีมชาติสหรัฐฯ ด้วย แต่ก็ได้เปลี่ยนมาเล่นให้กับทีมชาติไทย เจนเล่นเป็นตำแหน่งมิดฟิลด์ค่ะ คล่องตัวเล่นได้ทั้งซ้ายขวา จนมาอายุ 27 ก็คิดเรื่องของการรีไทร์ เพื่อหางานทำ หารายได้ ก็เลยเปลี่ยนไปเป็น personal trainer ค่ะ”

 

 

ฮาล์ฟมาราธอนแรก

 

ตอนเปลี่ยนไปรับบทบาทผู้ฝึกสอนออกกำลังกาย หรือ เทรนเนอร์ เจนถูกแนะนำจากเพื่อนร่วมงาน จนได้ลงสมัครงานวิ่งฮาล์ฟมาราธอน มีเวลาเก็บตัวซ้อมนานสองเดือน แต่ปรากฏว่าผลดีกว่าที่คิดไว้ ทำให้เธอคิดว่าโลกของการวิ่งอาจเป็นโลกที่เหมาะกับตัวเอง

 

“ตอนนั้นซ้อมวิ่งได้สองเดือนนะคะ ลองรันไกลสุด แค่ 15 ไมล์ สุดท้ายได้อันดับ 11 จากนักวิ่งตั้ง 5,000 คน เจนเลยคิดว่าอาจจะเหมาะกับเรา ก็เลยหาทีมไปขอร่วมทีมกับเขา จนได้แข่งอีกทีได้ที่ 2 ที่นิวยอร์ก ก็เลยคิดขึ้นมาว่าจะวิ่งให้เร็วขึ้นยังไง จนมีโอกาสได้ถึงขั้นควอลิฟายเพื่อทีมชาติไทยค่ะ”

 

เจนเล่าว่าในตอนนั้นเป้าหมายของเธอสูงถึงโอลิมปิกที่ลอนดอนประเทศอังกฤษ เธอใช้เวลาเก็บประสบการณ์ในการวิ่งนานสองปี แต่ยังไม่เพียงพอกับการทำสถิติตามเกณฑ์ของโอลิมปิกที่ 2.45 ชั่วโมง เพื่อตั๋วเดินทางไปลอนดอน “คือตอนพยายามจะได้ไปโอลิมปิกที่ลอนดอน ตั้งใจซ้อม แต่เวลากลับไมล์เลสไม่พอ วิ่งได้แค่ 2.50 ชั่วโมง ก็เลยตั้งเป้าหมายว่าอีกสี่ปีค่อยว่ากัน“

 

 

ทางไกลทีมชาติไทย

 

ช่วงนั้นเจนจึงอบรมโค้ชไปด้วย แล้วมีโอกาสได้เจอกับลอเรนซ์ ซีเกรส ซึ่งมีคอนเนกชันในสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทยฯ แนะนำให้เธอได้กลายเป็นนักกีฬาทีมชาติ

 

”มีโอกาสได้เจอกับลอเรนซ์ค่ะ ก็แนะนำเจนเรื่องการเป็นทีมชาติไทย แล้วเราก็อยากเป็นทีมชาติอยู่แล้ว จนได้รู้จักกับพี่เล็ก พี่ใหญ่ (พล.ต.ต.สุรพงษ์ อาริยะมงคล อุปนายกและเลขาธิการสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทยฯ และ พล.ต.ต.ศุภวณัฎฐ์ อาริยะมงคล หัวหน้าผู้ฝึกสอนกรีฑาทีมชาติไทย) ซึ่งก็ทำให้ได้คุยกัน และได้มาเก็บตัวที่ไทย เพื่อซีเกมส์ปี 2015 ปีนั้นมีโค้ชจากเคนยาเข้ามาช่วยพอดี  ก็หยุดทำงานเลยค่ะ มาเก็บตัว ตอนนั้นอายุประมาณ 30 กว่า“

 

การเก็บตัวในแคมป์ทีมชาติไทยทำให้เจนตั้งเป้าผลักดันตัวเองให้พัฒนาด้านความเร็วในการวิ่งที่มากขึ้น ได้มีโอกาสซ้อมกับนักกีฬาทีมชาติไทยคนสำคัญทั้ง สายฝน ณัฐธยาน์ ธนรณวัฒน์ และ บุญถึง ศรีสังข์ แลกเปลี่ยนประสบการณ์เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายในซีเกมส์ 

 

”ตอนนั้นเราก็คือคนที่วิ่งเร็วที่สุดค่ะ แล้วก็พยามผลักดันให้ตัวเองวิ่งเร็วขึ้น ก็แชร์ประสบการณ์ร่วมกันกับทุกคน แต่ก็เกิดบาดเจ็บขึ้นมา ช่วงสามเดือนก่อนแข่ง เราก็เลยดร็อปตัวเองลง แล้วไปซ้อมให้กับคนอื่นแทน แต่ก็ลงแข่ง 10,000 เมตร ได้ที่สามค่ะ“

 

 

มาราธอนเอเชียนเกมส์

 

หลังจากซีเกมส์แรกจบลงด้วยเหรียญทองแดง เจนได้รับโอกาสอีกครั้งในเอเชียนเกมส์ปี 2018 ที่อินโดนีเซีย แต่เจอกับปัญหามาตรฐานของการจัดงาน อากาศ และมลพิษของประเทศเจ้าภาพ ทำให้เกือบวิ่งมาราธอนไม่จบในช่วง 2 กิโลเมตรสุดท้าย 

 

”ตอนนั้นก็คือการจัดงานทั้งอากาศร้อนทั้งมลพิษสองกิโลสุดท้ายคือหมดเลยเพราะไม่มีทั้งเกลือแร่ไม่มีเจลไม่มีกล้วยถือว่าไม่มีมาตรฐานการจัดงานที่เอื้อต่อการวิ่งมาราธอนสำหรับเราตอนนั้นเลยตัดสินใจจะไม่แข่งเอเชียนเกมหรือซีเกมส์อีกก็หันไปทำเวลาของตัวเอง“

 

ช่วงเวลาระหว่างการรับใช้ทีมชาติไทยเจนสร้างสถิติประเทศไทยไว้มากมาย ทั้ง 10 กิโลเมตร มาราธอน ฮาล์ฟมาราธอน ซึ่งยังคงเป็นสถิติของเธอจนถึงปัจจุบันนี้ เจนเล่าว่าเส้นทางสู่การเป็นสถิติประเทศไทยเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจ บวกกับความสนุกและความรักในการท้าทายตัวเอง 

 

”เราดูสถิติของประเทศไทยมาก่อนอยู่แล้วค่ะ แล้วก็ตั้งใจซ้อมเพื่อทำให้ได้ ก็ซ้อมสี่ถึงห้าเดือน เพื่อสถิติและตั้งใจทำเวลา ก็ทำสถิติได้หลายรายการ เหลือ 5,000 เมตรบนลู่ที่ยังไม่ได้ เจนชอบการชาลเลนจ์แล้วก็สนุกกับมัน ท้าทายด้วยค่ะ“

 

เจนยังเคยสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยในฐานะนักวิ่งหญิงในรายการชิงแชมป์โลกฮาล์ฟมาราธอนและโอลิมปิก ทั้งหมดเกิดจากความตั้งใจที่จะพัฒนาตัวเอง และมีเป้าหมายที่ชัดเจน

 

 

สู้อีกครั้งเพื่อซีเกมส์ประเทศไทย

 

และโอกาสสำคัญในช่วงปลายปีนี้ซึ่งประเทศไทยจะได้เป็นเจ้าภาพการจัดมหกรรมกีฬาซีเกมส์ที่กรุงเทพมหานคร เติมไฟในการกลับมาทำสถิติเดิมให้ได้อีกครั้ง ของเจน วงษ์วรโชติ เธอบอกว่านอกจากความรักในการวิ่งที่ไม่เคยหมดไป การมีครอบครัวมีลูก ยังไม่ได้ทำให้สิ่งเหล่านี้ลดน้อยลง 

 

“ยังรักในการวิ่งอยู่แล้วค่ะ ตอนช่วงที่ท้องก็ยังวิ่ง มันเป็นความสุขค่ะ หวังว่าจะได้กลับมาซีเกมส์ที่ประเทศไทยอีกครั้ง ช่วงที่คลอดลูกแล้วก็ได้วิ่งกับลูกด้วย มีตั้งเป้าหมายกันเล็กๆน้อยๆ ลูกเคยถามนะว่ามัมมี๊ไปแข่งแล้วชนะไหม ก็ยิ่งทำให้เรารู้สึกว่าอยากกลับมาแข่งอีก”

 

แต่การกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งในการวิ่งสู่ความเป็นเลิศไม่ใช่เรื่องง่าย มาตรฐานสถิติของซีเกมส์สำหรับกลุ่มประเทศอาเซียนในการวิ่งทางไกลไทยถือว่าสูงไม่น้อย เจนตั้งเป้ากับการแข่งระยะ 5,000 เมตร ซึ่งเคยมีสถิติที่เวลา 18.25 นาที ทำให้เธอกลับมาซ้อมและหาสนามลงแข่งในสหรัฐฯ เพื่อทำเวลาและเพื่อการได้รับโอกาสกลับมารับใช้ทีมชาติไทยอีกครั้ง

 

“คือสถิติซีเกมส์สำหรับ 5,000 เมตรถ้าวิ่งได้ 18.25 นาที มีลุ้นเหรียญได้ เราก็คิดว่าอาจจะทำได้ ก็เลยอยากลองท้าทายค่ะ อยากเอาเวลามาลองทำสถิติให้ได้อีกครั้ง เป็นเป้าหมายให้ตัวเอง คือถ้าทำได้ก็เป็นเรื่องดีนะ แต่ถ้าทำได้ไม่ได้ก็คือได้พยายามอย่างดีที่สุดแล้ว ก็แม้จะมีอายุแล้วก็แข่งขันได้ เป็นคุณแม่แล้วก็ยังชาลเลนจ์ได้ I still be competitive ไม่มีใครแก่เกินไป เจนยังสนุกกับการควอลิฟาย เป็น stories ของคนอยาก inspire และให้พลังกับคนอื่นได้”

 

 

เป็นพลังบวกเพื่อทางไกลไทย

 

ช่วงต้นปี 2568 เจนเริ่มแข่งในระยะ 5,000 เมตร ในสหรัฐ แต่งานที่ตั้งใจเอาไว้ก็เจอกับลมแรงจนทำเวลาไม่ได้ตามเป้าหมาย แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอท้อและพยายามหาสนามต่อไป เพื่อที่จะทำเวลาให้ดีพอ สำหรับการได้รับโอกาสในการติดธงไตรรงค์ที่หน้าอกอีกครั้ง 

 

“เจนก็ยังรักษาความเร็วตลอดนะคะแล้วก็ติดต่อกันเรื่องทีมชาติตลอด เจนยังภูมิใจและมีแพสชั่นกับการเป็นทีมชาติไทย ก่อนหน้านี้ตอนยังเป็นทีมชาติ ก็มีคนเคยถามเราว่า ถ้ามาวิ่งก่อนเตะบอลน่าจะเร็วกว่านี้ แต่เจนไม่เห็นด้วยนะ เพราะวิ่งอย่างเดียว มันทำให้เบื่อและไม่พัฒนา เจนยังอยากมีบทบาทสำหรับทางไกลหญิงไทย ยังจะพยามผลักดันตัวเอง แม้จะทำไม่ได้ก็จะไม่เสียใจ อย่างน้อยก็ได้บอกเล่าเรื่องราวของตัวเอง ทั้งสมหวังและผิดหวังว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติ และเป็นพลังบวกให้กับทุกคน”

 

เจนยังตั้งเป้าหมายไปถึงอนาคตข้างหน้าที่จะได้เห็นวงการวิ่งทางไกลไทยมีนักวิ่งที่สามารถทำลายสถิติของเธอลงได้ โดยเธอบอกว่าอุปสรรคหนึ่งของเด็กหญิงไทยคือการโดนผลักดันให้ฝึกหนักเกินไปแบบผิดช่วงวัย ซึ่งที่จริงแล้วเรื่องนี้มีความสำคัญและเป็นแนวทางปฏิบัติที่เหมือนกันทั่วโลก 

 

“คือเด็กหญิงไทยจะโดนผลักให้ฝึกตอนที่อายุน้อยเกินไป เช่นอายุ 12 ก็ต้องวิ่งห้ากิโลแล้ว มันเร็วเกินไปค่ะ อีกอย่างนึงเจนก็เคยคิดนะว่าทำไมยังไม่มีคนทำลายสถิติของเราได้ ทั้งที่ก็เห็นทุกคนลงแข่ง ลงโซเชียล เจนอยากบอกให้ทุกคนตั้งเป้าหมายให้สูงค่ะ อย่าคิดแค่ระดับเอเชีย เราฝันได้ไกลถึงระดับโลก ความเป็นมืออาชีพในการซ้อม การแข่ง ความสม่ำเสมอ คือสิ่งสำคัญ ขอให้มีเป้าหมาย มีใจรัก ทุกคนก็สามารถสร้างสถิติของตัวเอง ที่วันนึงอาจกลายเป็นสถิติประเทศไทยได้“

 


stadium

author

ทีมงานเพจนักวิ่งมีหนวด

เพจเรื่องวิ่งที่แอดมินมีหนวด ทำข่าววิ่ง ชอบป้ายยา ขิงรองเท้าเสื้อผ้าวิ่ง

โฆษณา