24 มิถุนายน 2568
16 ปีที่ต้องเผชิญกับอาการป่วยด้วยโรคไตวายเรื้อรัง ผ่านช่วงเวลาของความหวังที่จะได้เปลี่ยนไตหลายครั้ง แล้วต้องเผชิญกับความผิดหวัง ก่อนที่สุดท้ายจะได้พบกับผู้บริจาคใจบุญ ซึ่งส่งมอบไต ต่อชีวิตและความฝัน จนถึงปัจจุบันนี้ พี่เทอด เทอดศักดิ์ ประสงค์แสนสุข ได้กลายเป็นนักกีฬาทีมชาติไทย แห่งสมาคมกีฬากรีฑาผู้เปลี่ยนถ่ายอวัยวะแห่งประเทศไทย ที่เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จมาก สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยมากอีกท่านหนึ่ง
นี่คือเรื่องราวของชายผู้ป่วยกายแต่ไม่ป่วยใจ โชคชะตาที่ไม่เข้าข้างไม่ได้บั่นทอนความหวังในการมีชีวิตอยู่ ...เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกคนที่รู้สึกท้อแท้ในชีวิต
ก่อนจะค้นพบว่าตนเองเป็นผู้ป่วยโรคไต พี่เทอดเล่าว่า ตัวเองเป็นผู้มีใจรักในการเล่นกีฬาอยู่แล้วตั้งแต่สมัยเด็ก ชั้นมัธยมเป็นนักกีฬาวิ่ง จนถึงระดับมหาวิทยาลัย ใช้ชีวิตที่มีกีฬาเป็นส่วนหนึ่ง ก่อนที่วันนึงจะค้นพบว่าตัวเองกลายเป็นผู้ป่วย
“ผมเป็นคนจังหวัดตรัง อยู่ที่จังหวัดตรังมาตลอด แล้วก็เล่นกีฬามาตลอด ทั้งวิ่งและเตะฟุตบอล จนถึงช่วงที่ทำงานก็ยังเตะฟุตบอลทุกวันหลังเลิกงาน มีอยู่วันนึงระหว่างกำลังวอร์มก็รู้สึกปวดหลัง เจ็บเหมือนจะขาดใจ ก็เลยรีบไปหาหมอ แล้วหมอบอกว่าเป็นไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย คือไม่มีสัญญาณอะไรเลย แล้วผมก็ไม่กินเหล้าสูบบุหรี่ ตอนนั้นก็ตกใจแล้วก็เครียด ลูกยังเล็กอีกสองคน แล้วอาการผมก็หนักมาก ทุกคนคิดเลยว่าอยู่ได้แค่สองถึงสามปี ไม่น่ารอด”
พี่เทอดเล่าว่า ตั้งแต่รู้ตัวว่าป่วย ไม่เคยรู้สึกสิ้นหวัง และพยายามดูแลตัวเอง สู้เพื่อลูก ความรู้สึกเดียวคือต้องผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้ แม้จะต้องฟอกเลือดมาถึงแปดปี ผ่านช่วงเวลาที่นอนไม่หลับทั้งวันทั้งคืน และอาการน้ำท่วมปอด แต่ก็เพียงแค่เป็นการป่วยกายแต่ไม่เคยป่วยใจ
“ผมก็พยายามดูแลตัวเองครับ สู้เพื่อลูก คิดอย่างเดียวว่าต้องผ่านไปให้ได้ มีท้อบ้างแต่ถอดใจไม่ได้ต้องเข้มแข็ง และบอกตัวเองว่าท้อได้แต่ห้ามยอมแพ้ ป่วยกายได้แต่อย่าป่วยใจ”
ตลอดช่วงแปดปีเริ่มมีข่าวดี เรื่องของการเปลี่ยนไต หลังจากที่พี่สาวของพี่เทอดบอกว่าจะบริจาคไตให้ ความหวังเต็มเปี่ยมขึ้นทุกวัน กระทั่งวันตรวจเช็กครั้งสุดท้ายก่อนเปลี่ยนถ่าย ก็มาเจอข่าวร้ายว่า ไตไม่สมบูรณ์ทำงานได้ไม่ถึง 80% นั่นคือความผิดหวังครั้งแรก ก่อนที่หลังจากนั้นน้องสาวคนสุดท้อง จะเสนอตัวแทน แต่ก็ต้องผิดหวังอีกครั้ง เพราะพบว่าติดเชื้อไวรัสบี
“สุดท้ายมาได้ครั้งที่สามครับ เป็นผู้บริจาคอวัยวะกับโรงพยาบาล รู้สึกเหมือนได้ชีวิตใหม่เลย ตอนที่ผ่าตัดแล้วฟื้นขึ้นมา ผมว่านี่คือผลบุญของการทำความดีที่ผ่านมา แล้วก็บอกตัวเองว่าเราต้องแข็งแรง เลยกลับไปออกกำลังกายเหมือนกับสมัยก่อนป่วย”
เมื่อได้ไตมาในระยะแรกพี่เทอดเริ่มออกกำลังกายจากการเดิน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นวิ่ง ภายใต้คำแนะนำและการดูแลอย่างใกล้ชิดของหมอ บวกกับการที่ชอบออกกำลังกายอยู่แล้ว ตั้งแต่สมัยเด็ก ช่วงเวลานั้นพี่เทอดไปออกกำลังกายที่สนามโรงเรียนกีฬานครนนท์ จังหวัดนนทบุรี
“แล้วพอดีช่วงนั้นก็มาเจอคอลัมน์เล็ก ๆ ในหนังสือพิมพ์ ถึงสมาคมกีฬาผู้เปลี่ยนอวัยวะแห่งประเทศไทย ก็เลยลองไปคัดตัวดูว่าเราจะมีโอกาสไหม ก็ซ้อม 5,000 ม., 100 ม. กับ 200 ม. ผมวิ่งเพื่อสุขภาพกับน้องโรงเรียนกีฬาอยู่แล้ว ทุกคนก็บอกว่าไปลองดู”
จนปี 2018 สมาคมกีฬาผู้เปลี่ยนอวัยวะแห่งประเทศไทยมีรายการแข่งขันไทยแลนด์โอเพ่นผู้เปลึ่ยนอวัยวะครั้งที่ 1 ซึ่งเป็นการแข่งแบบนานาชาติ มีนักกีฬาผู้เปลี่ยนอวัยวะจากหลายประเทศ ทั้งฝรั่งเศส และอินเดีย และในตอนนั้น ได้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญเพราะพี่เทอดได้รับโอกาสไปร่วมแข่งขันด้วย
“แข่งที่พัทยาครับ ผมก็ได้ไปแข่งด้วย ลงแข่งวิ่ง 100, 200, 400, 800, 1500 และผลัด 4×100 เมตร ได้หกเหรียญทองเลยครับ เป็นครั้งแรกที่แข่งแบบจริงจัง ผมตื่นเต้นมาก และไม่นึกว่าตัวเองจะทำได้ แต่ฟิตร่างกายมาก เป็นช่วงที่ผ่าตัดไปแล้วประมาณห้าปี”
เพราะแม้จะชอบกีฬามาตลอด แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสไปแข่งนานาชาติ พี่เทอดเล่าว่า ไม่เคยคิดว่าจะมีธงชาติไทยติดที่หน้าอก หรือได้ไปแข่งที่ต่างประเทศ “สำหรับผมมันเป็นผลพลอยได้ทั้งเรื่องความสนุก ได้เจอเพื่อน จนถึงตอนนี้ผ่านมา 16 ปีแล้วครับ”
นอกจากนั้นเมื่อไม่นานนี้พี่เทอดเพิ่งเดินทางไปแข่งที่ฮ่องกงเมื่อเดือนตุลาคม 2567 และยังประสบความสำเร็จได้ถึงสี่เหรียญทอง จากการวิ่ง 100 เมตร, 400 เมตร, เดินเร็ว 200 เมตร, และเปตองชายคู่
“ผมอยากบอกทุกคนนะว่าเราป่วยกายได้แต่อย่าป่วยใจ ต้องมีความหวัง อย่าไปยอมแพ้ แล้วการออกกำลังกายจะให้เราหลายอย่าง ทั้งสุขภาพ มิตรภาพ และประสบการณ์ที่ดี ตอนนี้ผมก็บริจาคร่างกายไว้แล้วด้วย และยังระลึกถึงผู้บริจาคไตให้ผมเสมอ“
สำหรับสมาคมกรีฑาผู้เปลี่ยนอวัยวะแห่งประเทศไทย ณ ปัจจุบันนี้ เป็นที่รู้จักมากขึ้น มีกิจกรรมตลอด และเมื่อปี 2023 ยังได้ขึ้นเป็นอันดับสามของโลก และกำลังจะมีการแข่งขันอีกครั้งในช่วงประมาณเดือนสิงหาคมปีนี้
TAG ที่เกี่ยวข้อง