All for One - View for All เบื้องหลังมือ 1 โลกของ กุลวุฒิ วิทิตศานต์

เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งสำหรับวงการกีฬาไทย กับความสำเร็จของ “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักแบดมินตันทีมชาติไทย ที่เพิ่งก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งมือ 1 ของโลกในประเภทชายเดี่ยวได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ผลงานชิ้นแรกที่ กุลวุฒิ วิทิตศานต์ ได้รังสรรค์ขึ้น เพราะก่อนหน้านี้เขาได้ปลดล็อกถ้วยรางวัลระดับโลกที่ไม่เคยมีนักแบดไทยประเภทบุคคลชายเคยทำได้มาก่อน ทั้งการคว้าแชมป์โลก, แชมป์เอเชีย รวมถึงเหรียญรางวัลโอลิมปิกเกมส์ และแน่นอนว่าทุกความสำเร็จนั้นมีเบื้องหลังคอยผลักดันอยู่เสมอ วันนี้ทีมงาน Stadium TH มาชวนผู้อ่านร่วมกันวิเคราะห์ว่ามีปัจจัยใดบ้างที่ส่งให้วิวมาถึงจุดนี้ ติดตามพร้อมกันได้ที่นี่

ทีมงานบ้านทองหยอด เบื้องหลังชัยชนะ

อย่างแรกเลยต้องยกเครดิตให้ทีมงานจากโรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอดต้นสังกัดของเจ้าวิวก่อน เบื้องหลังนั้นนำโดย “โค้ชเป้” ภัททพล เงินศรีสุข ผู้เป็นทั้งโค้ชและผู้อำนวยการโรงเรียนฯ รวมถึงทีมงานทุกฝ่ายท่านอื่น ๆ ที่นอกจากจะวางโปรแกรมฝึกซ้อมในแต่ละช่วงเวลาได้อย่างเหมาะสมแล้ว สิ่งที่ทีมงานได้ให้ความสำคัญเพิ่มขึ้นก็คือการวางแผนให้กุลวุฒิลงแข่งด้วยจำนวนรายการที่เหมาะสม ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป

หากนับทัวร์นาเมนต์ที่วิวเข้าร่วมการแข่งขันตั้งแต่มิถุนายน 2024 ถึง พฤษภาคม 2025 กุลวุฒิ ลงแข่งขันไปเพียง 18 รายการ น้อยสุดเป็นอันดับ 4 ของบรรดาผู้เล่นที่อยู่ท็อป 8 ของโลก ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกัน กุลวุฒิ คว้าแชมป์มาครองได้ทั้งหมด 5 จาก 6 รายการที่ผ่านเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศ แถมยังเก็บชัยชนะในรอบชิงฯ ได้ตลอด 5 ครั้งหลังสุดอีกด้วย

ส่วนหนเดียวที่แพ้ในรอบชิง ฯ คือการคว้าเหรียญเงินโอลิมปิกเกมส์ 2024 ซึ่งเป็นเหรียญประวัติศาสตร์ของแบดมินตันไทย นอกจากนี้อันดับโลกของกุลวุฒิยังดีขึ้นเรื่อย ๆ จากอันดับ 8 ของโลกเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2024 ขยับขึ้นแบบไม่มีหลุดท็อป 8 จนก้าวขึ้นมาถึงอันดับ 1 ของโลกในวันที่ 3 มิถุนายน 2025 

นับเป็นความสำเร็จของทีมงานที่เกิดจากการถอดบทเรียนในอดีต ที่มักจะเน้นส่งนักกีฬาเข้าร่วมเพื่อเก็บคะแนนสะสมให้ได้มากที่สุด อัดแน่นจนบางช่วงเวลาทำให้ กุลวุฒิ รวมถึง รัชนก อินทนนท์ เกิดปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่เป็นระยะ ร่างกายไปไม่ถึงระดับความฟิตอย่างที่หวัง กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลเสียต่อการพัฒนาขีดความสามารถ

อย่างไรก็ตามขวบปีที่ผ่านมานักกีฬาทั้งสองคนแทบจะไม่มีปัญหาเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บเลย สามารถรักษาสภาพร่างกายให้ฟิตสมบูรณ์พร้อมสำหรับการแข่งขันแบบต่อเนื่อง เป็นผลทำให้ฟอร์มการเล่นพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ

"บ้านทองหยอด" โรงงานขนมที่กล้าทุ่มเงินร้อยล้านสร้างเด็กไทยเป็นแชมป์โลก

ถอดแบบเพื่อก้าวข้าม

เราสามารถยกให้ รัชนก อินทนนท์ ขึ้นเป็นตำนานของแบดมินตันไทยได้เลย ถึงแม้ว่าปัจจุบันเธอจะยังคงวาดลวดลายอยู่บนคอร์ทให้ได้เห็นอยู่ทุกสัปดาห์ก็ตาม เพราะจากผลงานที่เธอสร้างเป็นระดับปรากฏการณ์ เป็นผู้ปลดล็อกความสำเร็จที่ไม่เคยมีนักแบดไทยเคยทำได้มาก่อน ทั้ง แชมป์โลก, แชมป์เอเชีย รวมถึงการขึ้นมือ 1 ของโลกเป็นคนแรก

สิ่งสำคัญมากกว่าความสำเร็จ รัชนก นั้นถือเป็นพิมพ์เขียวของโรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอด ซึ่งเรื่องนี้ “โค้ชเป้” ภัททพล เคยกล่าวกับ Stadium TH ไว้ว่า เขายึดเอาวิธีการปลุกปั้น รัชนก มาเป็นแนวทางในการสร้างนักกีฬารุ่นใหม่ เปรียบเสมือนการค้นพบวิธีการสร้างนักกีฬาครั้งสำคัญ หลังจากนั้นก็นำข้อผิดพลาดต่าง ๆ มาปรับปรุงแก้ไข เพื่อต่อยอดพัฒนานักกีฬารุ่นต่อ ๆ ไป ให้ก้าวข้ามจุดสูงสุดที่เมย์เคยทำได้ ซึ่งผลงานของกุลวุฒิในวันนี้บ่งชี้ชัดว่าเขาเติบโตมาตามกระบวนการข้างต้นแบบ 100% 

แกะพิมพ์เขียวสร้างแชมป์โลกแบดมินตันบ้านทองหยอด

ความเหมือนของเมย์กับวิว

นักแบดชาย-หญิงคนแรกของโลกคว้าแชมป์เยาวชนโลก 3 ปีซ้อน : รัชนก 2009-11 , กุลวุฒิ 2017-19

แชมป์โลกบุคคลชาย-หญิงคนแรกของไทย : รัชนก 2013 , กุลวุฒิ 2023

แชมป์เอเชียบุคคลชาย-หญิงคนแรกของไทย : รัชนก 2015, กุลวุฒิ 2025

มืออันดับ 1 ของโลกบุคคลชาย-หญิงคนแรกของไทย : รัชนก 2016, กุลวุฒิ 2025

*ทำได้หลังคว้าแชมป์สิงคโปร์ โอเพ่น เหมือนกัน*

ผลลัพธ์จากการลองผิดลองถูก วันนี้บ้านทองหยอดผลักดันจน วิว สามารถกระโดดไปได้ไกลกว่าจุดที่ไอดอลของเขาทำได้แล้ว จากความสำเร็จเหรียญเงินโอลิมปิก 2024 ซึ่งเป็นผลงานที่ยังไม่เคยมีนักแบดไทยเคยทำได้มาก่อน

องค์ประกอบที่มาพร้อมกันทุกด้าน

นับตั้งแต่เทิร์นโปรแบบเต็มตัวเมื่อปี 2020 เป็นระยะเวลากว่า 5 ซีซั่นแล้ว ที่นักแบดวัย 24 ปี ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ รวมถึงการพัฒนาศักยภาพขึ้นแบบรอบด้าน 

ในด้านฝีมือ วันนี้กุลวุฒิไม่ได้มีดีแค่เกมรับอีกต่อไปแล้ว แต่เกมรุกก็ถูกพัฒนาจนกลายมาเป็นอาวุธเล่นงานคู่แข่ง โดยเฉพาะหน้าไม้ที่แทบคาดเดาไม่ได้เลยว่าเขาจะเล่นลูกพลิกแพลงแบบไหน เช่นเดียวกับการพัฒนาด้านสภาพร่างกาย ที่สามารถลงแข่งขันได้ 3-4 สัปดาห์ติดต่อกัน รวมถึงการยืนระยะในระหว่างเกม วิว แสดงให้เห็นแล้วว่าตัวเขายืนระยะได้มากกว่า 90 นาทีแบบไม่มีหมดแรง จนได้รับฉายาเจ้าพ่อเกม 3 มาแล้ว 

ปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาทองของกุลวุฒิ สอดคล้องกับคำพูดของผู้บรรยายภาษาอังกฤษเกมนัดชิงฯ สิงคโปร์ โอเพ่น 2025 ที่กล่าวไว้ว่า ไม่ว่าคู่แข่งจะเป็นใครก็ตามที่มาเล่นกับวิวในช่วงขาขึ้น ถ้าไม่มีความเชื่อมั่นจะสู้กับวิวได้ยากมาก เพราะไม่มีทางรู้เลยว่าวิวจะทำคะแนนด้วยการเล่นแบบไหน 

ไม่เพียงเท่านั้น เมื่ออยู่ในสนามเขาดูสงบนิ่งเกินวัย ซึ่งเกิดจากขัดเกลาทัศนคติจากโค้ชไปสู่นักกีฬา เพราะไม่ว่าวิวจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ได้เปรียบหรือเสียเปรียบ เขาก็ไม่เคยได้รับแรงกดดันจากทีมงานเลยแม้ครั้งเดียว

หากใครได้ชมถ่ายทอดสดรอบชิงชนะเลิศ โอลิมปิก 2024 ที่กุลวุฒิอยู่ในช่วงกำลังมั่นใจสุดขีด ถูก วิกเตอร์ อเซลเซ่น ยอดนักแบดยุคปัจจุบันไล่บี้สอนเชิงแบบสู้ไม่ได้ แต่สิ่งที่น่าเหลือเชื่อคือระหว่างพักเบรก กล้องถ่ายทอดสดจับไปที่วิวและโค้ชเป้ที่ควรจะใช้ช่วงเวลานี้ให้คำแนะนำและแก้เกม แต่เสียงของโค้ชเป้กลับบอกให้วิวเรียนรู้เพื่อเอาไปต่อยอด

“พี่บอกแล้วไง เอ็งจะหาประสบการณ์อย่างนี้ไม่ได้แล้ว เอ็งจะแพ้ชนะไม่เป็นไร เอ็งเอาความรู้ ความรู้สึก วิธีคิดวิธีเล่นเอาไปใช้ เรียนรู้จากเขา เขาคือสุดยอด” โค้ชเป้พูดกับวิวระหว่างพักเบรก

นั่นคือสิ่งที่คนเป็นครูถ่ายทอดให้ลูกศิษย์ ซึ่งวิวเองก็เปิดรับ และเราก็สัมผัสถึงความถ่อมตัวของเขา เพราะทุกครั้งที่แชมป์โลกวัย 24 ปี ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน เขาจะไม่มองไกลเกินตัว โฟกัสเป้าหมายตรงหน้า ทำทุกวันให้ดีที่สุด อีกหนึ่งสิ่งสำคัญก็คือการรับแรงกดดันได้ดี ไม่ว่าจะกดดันขนาดไหนเขาเลือกที่จะเปลี่ยนมันเป็นแรงผลักดัน

“การเป็นมือ 1 ของโลก ย่อมมีความกดดัน แต่ก็เป็นเรื่องดี เพราะมันทำให้ผมมีแรงจูงใจที่จะคว้าแชมป์เพิ่มขึ้น” 

“ทุกวันนี้ ไม่ว่าผมไปแข่งขันรายการใดก็ตาม ผมรู้สึกว่าทุกสถานที่คือบ้านของผม นั่นคือเหตุผลที่ผมรู้สึกว่าสามารถเล่นได้ดีขึ้นมาก” วิว ให้สัมภาษณ์กับ BWF หลังคว้าแชมป์สิงคโปร์ โอเพ่น 2025 และทำให้เขาขึ้นมือ 1 ของโลก

ถึงแม้ว่าเขาจะขึ้นมือ 1 ของโลกไปแล้วในวันนี้ แต่นั่นก็ยังไม่ใช่จุดมุ่งหมายสูงสุดของเขา เพราะเส้นชัยที่เขากำหนดไว้ คือการเป็นแชมป์โลก, แชมป์โอลิมปิก และแชมป์ออล อิงแลนด์ เชื่อว่าหลังจากนี้การจะไปให้ถึงเป้าหมายใหญ่ 2 รายการที่เหลืออยู่ วิว จะต้องพบการงานที่ท้าทายมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา เพราะนับจากนี้กุลวุฒิจะถูกจับตามองจากคู่แข่งมากขึ้น ทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่าต่างมีเขาเป็นเป้าหมาย