19 พฤษภาคม 2568
เราฝันถึงอะไรในวัย 60 ปี อาจเป็นคำถามที่ใครหลายคนตั้งไว้ถึงอนาคตของตัวเอง ในวันที่อายุมากขึ้นเราจะมีความสุขกับอะไร อาจจะเป็นการมีสุขภาพที่ดี มิตรภาพที่อบอุ่น ครอบครัวที่มีความสุข หรือเป็นการค้นพบแรงบันดาลใจในการลุกขึ้นมาเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีกว่าในวัยเกษียณ นี่คือเรื่องราวของหนึ่งในนักวิ่งอาวุโสที่ค้นพบอีกมุมหนึ่งของตัวเองเมื่ออายุ 60 ปี
นักวิ่งยุคค่าสมัครหลักสิบ
60 ปีกลายเป็นช่วงอายุที่ป๋าวี วีรวัฒน์ เนาว์โสภา ก้าวเข้าสู่การแข่งวิ่งระดับประเทศอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก จากจุดเริ่มต้นเป็นนักกีฬาโรงเรียนตั้งแต่อยู่ชั้นมัธยมปีที่ 2 ที่รร.กันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม เป็นนักกีฬาของโรงเรียน พัฒนาตัวเองสู่การเป็นนักวิ่งถนน และพลิกผันเข้าสู่กีฬากรีฑา อาวุโสแห่งชาติ
“คือเล่นกีฬามาตลอด ตั้งแต่ ม. 2 ผมเป็นคนจังหวัดมหาสารคาม เป็นนักกีฬาของโรงเรียน ก็ร่วมแข่งขันทุกระยะ แต่กรีฑาอาวุโสที่ชลบุรีครั้งนี้ปี 2568 เป็นครั้งแรกที่ร่วมแข่งขันกีฬาอาวุโสครับ สมัยเด็กผมเล่นกีฬาหลายหลายอย่าง มีฟุตบอล ตะกร้อแล้วก็วิ่งครับ แต่จะชอบวิ่งมากที่สุด”
ซึ่งช่วงเริ่มต้นชั้นมัธยมปีที่สอง ป๋าวีเคยได้รับโอกาสไปร่วมแข่งกีฬานักเรียนที่วิทยาลัยพลศึกษามหาสารคาม แล้วยังประสบความสำเร็จได้เหรียญเงินในประเภทวิ่ง 5000 เมตร ก่อนที่จะได้เข้าสู่วงการวิ่งถนนครั้งแรก เมื่อเรียนชั้น ม.3
“ได้ไปแข่งกีฬานักเรียน ตอน ม. 2 วิ่ง 5000 เมตรได้ที่สอง จากนั้นมาก็วิ่งมาตลอด จนมาแข่งวิ่งถนนตอน ม.3 สนุกครับ ค่าสมัครก็ไม่แพง 50-100 บาท สมัครหน้างานได้ ต่อมาค่าสมัคร 200 ก็ถูกมาก ส่วนเงินรางวัลก็ไม่เยอะครับ ไม่ถึงพัน“
ป๋าวีใช้ชีวิตอยู่ในวงการวิ่งแบบต่อเนื่อง จนกระทั่งถึงช่วงการทำงาน ที่จังหวัดขอนแก่น ณ โรงพยาบาลจิตเวชขอนแก่น และการได้เข้าร่วมชมรมคนวิ่งยาวจังหวัดขอนแก่น รวมทั้งการลงแข่งถนนรายการสำคัญมากมาย โดยเฉพาะงานวิ่งเขาชะโงกซูเปอร์ฮาล์ฟมาราธอน สนามที่เรียกได้ว่าเป็นการรับปริญญาของนักวิ่งโดยการรับถ้วยพระราชทานจากพระหัตถ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
“ช่วง 50 ต้นๆ ได้ร่วมวิ่งงานเขาชะโงก รับถ้วยจากพระเทพฯจำนวน 4 ครั้ง ระยะ 10 กับ 16 กิโลฯ ภูมิใจครับ ที่สุดของงานวิ่งเลยครับ หาโอกาสได้รับถ้วยยากมากครับ สนามอื่นวิ่งก็ผ่านไป สนามนี้ภูมิใจมากที่สุดในชีวิต ผมวิ่งได้ถ้วยมาเยอะครับ แต่ก็บริจาคไป ทำบุญด้วย วิ่งแล้วสนุกครับ“
ตัวแทนจังหวัดในวัย 60
และแล้วในปี 2568 ได้มาถึงจุดพลิกผันสำคัญในชีวิตการวิ่งของป๋าวี นั่นคือการได้รับคำแนะนำให้ร่วมคัดตัวการแข่งขันกรีฑาอาวุโสแห่งชาติจากคำแนะนำของเพื่อนที่สนามกีฬา จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นสนามที่ป๋าวีเดินทางไปฝึกซ้อมเป็นประจำ
“เพื่อนที่สนามแนะนำครับ ว่าเขามีการคัดตัว ก็เลยไปลองคัดตัวกับเขาครับ ไม่คิดเลยว่าจะได้ครับ เพราะไม่สะดวกในเรื่องของการมาแข่งด้วยครับ ตอนแรกก็ว่าจะถอนตัวแล้ว แต่ทางหน่วยงานสนับสนุนก็เลยได้มา“
และแล้วในวันแข่งขันที่สนามกีฬามหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติวิทยาเขตชลบุรี ป๋าวีสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมในกรีฑาอาวุโสครั้งแรก ด้วยเหรียญทองระยะ 1500 ม. และเหรียญเงินระยะ 4x400 และ 800 ม.
“พอใจกับผลงานครับคือไม่ได้คาดหวังอะไรเลย เวลาดีกว่าที่คัดมาครับ ทุกคนที่มาเวลาดีกันทุกคนครับ แบบสูสีกันเลย เอาเฉพาะคนที่ 1 ของแต่ละภาคมาแข่งกัน แล้วเอาเวลาที่ดีที่สุด ตอนแข่งก็ตื่นเต้นอยู่ครับ พลาด 800 เพราะออกตัวมาช้า แต่ผลก็เกินเป้าหมาย ภูมิใจครับ เป็นคนที่สร้างชื่อเสียงให้หน่วยงานแล้วก็ชมรมคนวิ่งยาวขอนแก่น”
ป๋าวีเล่าความรู้สึกว่า การแข่งครั้งนี้ถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญในชีวิต เป็นโอกาสที่ดี เพราะมีคนที่เก่งกว่าอีกมาก แต่ได้รับโอกาสในการแข่งและทำได้เต็มที่รวมถึงผลลัพธ์ที่ออกมาก็เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้
การวิ่งกับผู้สูงอายุ
เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะลุกขึ้นออกมาวิ่งแล้วพบกับชัยชนะ และชัยชนะไม่ใช่เพียงการได้เหรียญรางวัลหรือถ้วยรางวัล แต่การวิ่งให้อะไรกับทุกคนได้มากกว่าที่คิด โดยเฉพาะสุขภาพ และมิตรภาพ การวิ่งของแต่ละคนอาจแตกต่างกัน แต่สุดท้ายแล้วการประเมินร่างกายของตัวเองเพื่อวิ่งอย่างมีความสุขให้นานที่สุดเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
“การวิ่งให้อะไรกับผมบ้าง อันดับแรกก็ได้สุขภาพ ได้เพื่อนที่ดี เป็นแบบอย่างให้กับลูกๆ วิ่งมาเกือบ 40 ปีผมไม่เคยเบื่อเลยนะครับ กับการออกกำลังกาย วิ่งเองซ้อมเอง ไม่เคยมีโค้ช ยิ่งอายุมากต้องดูแลสุขภาพเราให้ดีนะครับ เพราะถ้าเราสุขภาพไม่ดีคนรอบข้างเราก็จะลำบากไปด้วย“
สิ่งสำคัญที่ป๋าวีเน้นย้ำคือ การออกกำลังกายต้องประเมินตนเองด้วย ให้ความสำคัญกับสภาพร่างกายของตัวเอง เพราะการหักโหมไปจะไม่เป็นผลดี
เป้าหมายในการวิ่งในวัย 60 ปีของผมคือ อยากมีสุขภาพร่างกายที่ดี ตอนนี้เรื่องรางวัลไม่ค่อยคิดเท่าไหร่ครับ เพราะอายุมากแล้ว เน้นสุขภาพมากกว่าเน้นระยะ อยากทิ้งท้ายบอกว่า ...ถ้ารักตัวเองก็ต้องออกกำลังกายนะครับ“
TAG ที่เกี่ยวข้อง