11 พฤษภาคม 2568
หนึ่งสัปดาห์เต็มต่อจากนี้จะเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่น่าจดใจสำหรับแฟน ๆ กีฬาแบดมินตันชาวไทย เพราะกำลังจะได้ยลฝีไม้ลายมือนักตบลูกขนไก่ระดับโลกแบบใกล้ชิดติดขอบสนามกันอีกครั้งกับรายการ ไทยแลนด์ โอเพ่น 2025 ซึ่งจะแข่งขันกันระหว่างวันที่ 13-18 พฤษภาคมนี้ แต่ก่อนทัวร์นาเมนต์จะเปิดฉากขึ้น Stadium TH ได้รวบรวมเกร็ดข้อมูลที่น่าสนใจมาฝาก
1 ใน 2 ศึกใหญ่ของเมืองไทย
แบดมินตันเป็นอีกหนึ่งกีฬาอาชีพที่มีความเคลื่อนไหวอยู่เป็นประจำทุกสัปดาห์ โดยการแข่งขันแบ่งออกเป็นหลายระดับ เริ่มต้นตั้งแต่ระดับ ฟิวเจอร์ ซีรีส์, อินเตอร์เนชั่นแนล ซีรีส์, อินเตอร์เนชั่นแนล ชาลเลนจ์ และสูงสุดคือระดับ เวิลด์ ทัวร์ ซึ่งแต่ละระดับก็ไล่เรียงไปตามศักยภาพของนักกีฬา โดยมีอันดับโลกเป็นตัวกำหนดสิทธิ์เบื้องต้นสำหรับการคัดเลือกนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันในแต่ละรายการ
รายการระดับ เวิลด์ ทัวร์ นั้นเป็นระดับสูงสุดที่นักกีฬาแบดมินตันทุกคนต่างฝึกฝนเพื่อพัฒนาฝีมือของตนเอง เพื่อให้ได้เข้าร่วมการชิงชัย เนื่องจากว่าในระดับเวิลด์ ทัวร์ นั้นมีคะแนนสะสมรวมถึงเงินรางวัลตอบแทนสูงที่สุด และยังแบ่งออกเป็นอีก 6 ระดับ ซูเปอร์ 100, 300, 500, 750, 1000 และ เวิลด์ ทัวร์ ไฟนอลส์
ในทุก ๆ ปีประเทศไทยได้สิทธิ์เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรายการระดับ เวิลด์ ทัวร์ อยู่ 2 รายการ ไทยแลนด์ มาสเตอร์ส ระดับ ซูเปอร์ 300 แข่งขันเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ และ ไทยแลนด์ โอเพ่น ระดับ ซูเปอร์ 500 แข่งขันในเดือนพฤษภาคม
ไทยแลนด์ โอเพ่น อยู่ควบคู่ในปีปฏิทินของสหพันธ์แบดมินตันโลกมาตลอดตั้งแต่ปี 1984 โดยในช่วงแรกที่เป็นการแข่งขัน ซีรี่ส์ ไอบีเอฟ เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ระหว่างปี 1984-2006 มีนักแบดมินตันไทยคว้าแชมป์ในบ้านได้เพียง 2 คน คือ สมพล คูเกษมกิจ และ บุญศักดิ์ พลสนะ แชมป์ชายเดี่ยวในปี 1990 และ 2004 ตามลำดับ ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นรายการของ บีดับเบิลยูเอฟ กรังด์ปรีซ์ โกลด์ ทัวร์นาเม้นท์ ระหว่างปี 2007-2017 และเปลี่ยนมาเป็นเวิลด์ ทัวร์ ตั้งแต่ปี 2018 จนถึงปัจจุบัน
ประวัติศาสตร์จากวิกฤตเป็นโอกาส
หนึ่งในช่วงเวลาสำคัญของรายการไทยแลนด์ โอเพ่น เกิดขึ้นในเดือนมกราคม 2021 ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าว ทั่วโลกต่างได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งแม้ว่าสถานการณ์จะเริ่มผ่อนคลายลงบ้างแล้ว แต่ยังจำเป็นต้องควบคุมและจำกัดพื้นที่เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดกันอย่างเคร่งครัด
ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อวงการกีฬา หลายชนิดกีฬาจำเป็นต้องปิดประเทศเพื่อจัดการแข่งขัน เช่นเดียวกับแบดมินตันที่เข้าสู่ช่วงท้ายฤดูกาล 2020 ท่ามกลางวิกฤตดังกล่าวสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย ได้ยื่นเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน 3 รายการใหญ่ โดย 2 ใน 3 รายการนั้นใช้ชื่อว่า ไทยแลนด์ โอเพ่น 2020 พร้อมยกระดับมาตรฐานการแข่งขันขึ้นมาเป็นกรณีพิเศษ จากระดับ ซูเปอร์ 500 ขึ้นมาเป็น 1000 เพิ่มทั้งเงินรางวัลและคะแนนสะสมอันดับโลก ก่อนจะปิดท้ายด้วย เวิลด์ทัวร์ ไฟนอลส์ ชิงชัยต่อเนื่อง 3 สัปดาห์ติดต่อกันในเดือนมกราคมปี 2021
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่แฟนกีฬาไทยไม่มีวันลืม คือผลงานระดับมาสเตอร์พีซของ “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย คู่ผสมมือ 1 ของไทย ซึ่งร่วมกันสร้างปรากฏการณ์คว้าแชมป์ 3 รายการติดต่อกัน พร้อมขยับขึ้นมาเป็นมือ 1 ของโลกเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่
ขณะเดียวกันยังเป็นความสำเร็จของประเทศไทยทั้งในและนอกสนามที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นบทบาทเจ้าภาพจัดการแข่งขันหรือความสำเร็จในแง่ของถ้วยรางวัล
ชายคู่ไม่เคยได้แชมป์
ตลอดระยะเวลา 41 ปีที่ผ่านมา การแข่งขันถูกจัดขึ้นทั้งหมด 36 ครั้ง นักแบดมินตันไทยประสบความสำเร็จคว้าแชมป์มาได้ทั้งหมด 13 หน เป็นรองเพียงแค่ จีน, อินโดนีเซีย และ เกาหลีใต้
ในจำนวนนั้นแบ่งเป็นการคว้าแชมป์ได้ 4 จาก 5 ประเภทที่มีการชิงชัย ประกอบด้วย หญิงเดี่ยว, ชายเดี่ยว, หญิงคู่ และ คู่ผสม โดยประเภทชายเดี่ยวคว้าแชมป์ได้มากที่สุด 4 หน จาก สมพล คูเกษมกิจ (1990), บุญศักดิ์ พลสนะ (2004), ทนงศักดิ์ แสนสมบูรณ์สุข (2016) และ กุลวุฒิ วิทิตศานต์ (2023)
อย่างไรก็ตามมีเพียงประเภทชายคู่เท่านั้นที่นักตบลูกขนไก่ไทยยังไม่เคยหยิบแชมป์มาไว้ในอ้อมกอดได้สำเร็จ ใกล้เคียงที่สุดเป็นผลงานของ ปราโมทย์ ธีระวิวัฒน์ ที่ได้รองแชมป์ 2 สมัย จากการจับคู่กับ ศักดิ์ระพี ทองสาริ ปี 1994 และคู่กับ เทศนา พันธ์วิศวาส ปี 2001
“ปอป้อ” ถูกโฉลก
“ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย ดูจะเป็นคนที่ถูกโฉลกมากที่สุดเวลาลงเล่นในไทยแลนด์ โอเพ่น นอกจากจะเป็นนักตบลูกขนไก่ไทยเพียงหนึ่งเดียวที่ได้แชมป์ 2 ประเภท (หญิงคู่-คู่ผสม) เธอยังเป็นนักแบดไทยผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศมากที่สุด 6 ครั้ง คว้าแชมป์ได้มากสุด 3 หน แชมป์ประเภทหญิงคู่ในปี 2016 ร่วมกับ พุธิตา สุภจิรกุล ส่วนอีก 2 ครั้งผนึกกำลังกับ “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ คว้าแชมป์ประเภทคู่ผสมในปี 2021 พร้อมกับขึ้นเป็นมือ 1 ของโลกในเวลาต่อมา
ส่วนหนล่าสุดที่เข้าชิงฯ คือปี 2024 แต่ทำได้ดีสุดเพียงแค่รองแชมป์คู่ผสม โดยพ่าย กั๊ว ซินวา กับ เฉิน ฟางฮุ้ย คู่จากจีนไป 1-2 เกม
ลุ้นขนไก่ไทยกวาดความสำเร็จต่อเนื่องเป็นปีที่ 3
มากันที่ปัจจุบัน ไทยแลนด์ โอเพ่น 2025 จะแข่งขันกันระหว่างวันที่ 13-18 พฤษภาคมนี้ ที่อาคารนิมิบุตร สนามกีฬาแห่งชาติ ซึ่งในปีนี้ได้ลุ้นกันยาว ๆ ในหลายประเภท โดยเฉพาะประเภทชายเดี่ยวและหญิงเดี่ยวที่นักกีฬาไทยเป็นมือวางอันดับ 1 ของรายการ
ประเภทชายเดี่ยวได้ลุ้นจาก "วิว" กุลวุฒิ วิทิตศานต์ มือวางอันดับ 1 ของรายการ มือ 2 ของโลก พบกับ เล่ย แลนซี มืออันดับ 27 ของโลกจากจีน
ประเภทหญิงเดี่ยว มี 4 นักแบดสาวไทยอยู่ในท็อป 12 ของโลกลงลุ้นแชมป์ในบ้าน "หมิว" พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ มือวางอันดับ 1 ของรายการ มือ 6 ของโลก รอบแรกจะพบกับ โล ซิน ยาน แฮปปี้ มือ 48 ของโลกจากฮ่องกง, "เม" ศุภนิดา เกตุทอง มือ 9 ของโลกซึ่งมาในฐานะแชมป์เก่าจากปีก่อน รอบแรกจะทำศึกสายเลือดกับ "จิว" ลลินรัศฐ์ ไชยวรรณ มือ 46 ของโลก
นอกจากนี้ยังได้ลุ้นจาก "ครีม" บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธุ์ มือ 5 ของรายการ มืออันดับ 10 ของโลก พบกับ ลีเน่ คริสโตเฟอร์เซ่น มือ 37 ของโลกจากเดนมาร์ก และ "เมย์" รัชนก อินทนนท์ มือวางอันดับ 7 ของรายการ มือ 12 ของโลก อดีตแชมป์ปี 2013 และ 2017 พบกับ อนูพามา อุปาดาย่า มืออันดับ 42 ของโลกจากอินเดีย
รวมถึงประเภทชายคู่ปีนี้ก็มีลุ้นคว้าแชมป์เป็นครั้งแรกด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะคู่หูฟอร์มแรงอย่าง "บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ "สกาย"กิตตินุพงษ์ เกตุเรน คู่มือวางอันดับ 5 ของรายการ คู่มือ 16 ของโลก รอบแรกพบกับ "พี" พีรัชชัย สุขพันธ์ กับ "โอโม่" พรรคพล ธีระรัตน์สกุล คู่มืออันดับ 29 ของโลก
ถ้าหากว่าปีนี้มีนักแบดมินตันไทยคว้าแชมป์ได้อย่างน้อยหนึ่งประเภท จะเป็นครั้งแรกที่นักตบลูกขนไก่ไทยคว้าแชมป์ไทยแลนด์ โอเพ่น ได้ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ปีติดต่อกันอีกด้วย
TAG ที่เกี่ยวข้อง