28 เมษายน 2568
ดาวดวงใหม่ของวงการเทควันโดไทยที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก สำหรับ ‘กีตาร์’ กมลชนก สีเคน นักกีฬาเทควันโดหญิงทีมชาติไทย รุ่น 49 กิโลกรัม เมื่อสื่อหลากหลายสำนัก รวมถึงบุคคลที่คร่ำหวอดในวงการเทควันโดยกให้เธอคือ แคนดิเดตตัวแทน ‘เทนนิส’ พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ตำนานฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก 2 สมัยติดต่อกัน
ด้วยความมีวินัยในการฝึกซ้อมที่เรียกได้ว่า “มาซ้อมก่อนเป็นกิจวัตร” ผนวกกับความสามารถและทักษะเชิงสูง ทำให้ ‘กีตาร์’ ก้าวขึ้นมาเป็นความหวังของสมาคมกีฬาเทควันโดฯ ที่จะสานต่อผลงานในระดับนานาชาติ
จุดเริ่มต้นจากหุ่นยักษ์ตัวใหญ่
ความหลงใหลการเล่นกีฬาของ ‘กีตาร์’ เริ่มต้นในวัย 3 ขวบ เธอชื่นชอบการเตะ ต่อย หรือพูดสั้น ๆ ชอบให้ตัวเองออกแรง “ด้วยความที่ชอบเล่นอะไรแรงๆ ตั้งแต่เด็กพอได้เตะ ได้เล่น ได้ออกแรง หนูจึงชอบในกีฬาชนิดนี้” เธอบอกด้วยความภาคภูมิเมื่อถามถึงความชอบในวัยละอ่อน
ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรกับการที่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งจะชื่นชอบการออกกำลังเฉกเช่นเด็กผู้ชาย เมื่อผสานเข้ากับ ‘ดีเอ็นเอ’ ของคุณแม่ที่เคยเป็นอดีตนักกีฬาวอลเลย์บอล นั่นเองจึงทำให้กีตาร์ชื่นชอบการเล่นกีฬา
“จำได้ว่า ตอนนั้นหนูนั่งรถไปตลาดกับแม่แล้วผ่านยิมเทควันโดแห่งหนึ่ง ซึ่งยิมนั้นมันจะมีหุ่นยักษ์ตัวใหญ่ตัวนึงอยู่ในตู้กระจกใสใส่ชุดเทควันโดแล้วก็เปิดไฟวิบวับ เลยรู้สึกสนใจ และ บอกแม่ให้พาเข้าไป แต่แม่ก็พยายามบอกว่า นั่นไม่ใช่ที่เล่นสำหรับเด็ก แต่ด้วยความงอแงแม่เลยต้องพาเข้าไป และ ได้สมัครเรียนตั้งแต่วันนั้น”
กีตาร์ออกลูกออดอ้อน ในที่สุดได้เข้าเรียนเทควันโดสมใจ เธอเล่าต่อว่าบรรยากาศภายในยิมเป็นไปด้วยความสนุกสนาน ได้เจอมิตรภาพใหม่ ได้เห็นความเท่ของชุดเทควันโด ได้โค้ชที่ใจดีเป็นผู้ฝึกสอน ทำให้จินตภาพของเด็กวัย 3 ขวบเศษที่คล้ายวิ่งเล่นกลางทุ่งลาเวนเดอร์
เมื่อถึงวัยที่เหมาะสมและทักษะเต็มเปี่ยม การแข่งขันในนามนักกีฬาเทควันโดครั้งแรก เข้ามาท้าทายให้กีตาร์ได้พิสูจน์ฝีมือ ด้วยความตัังใจฝึกปรือทำให้การแข่งขันในครั้งนั้นจบลงด้วยชนะ และ อีกหลายสนามที่เธอลงทำการแข่งขันล้วนแต่คว้ารางวัลมาแทบทั้งสิ้น นั่นเป็นเสมือนบันไดก้าวแรกที่นำพาให้เธอเดินมาถึงปัจจุบัน
แต่ทุกเส้นทางต่างมีอุปสรรคเข้ามาทดสอบ เมื่อกีตาร์ลิ้มรสความพ่ายแพ้ครั้งแรกจนเกือบจะทำให้เธอถอดใจ
“ในช่วงแรกหนูได้เหรียญทองมาโดยตลอด รู้สึกภูมิใจมากที่คว้าเหรียญ และ เงินรางวัลมาให้ครอบครัว หนูชนะมาเรื่อยๆ ไม่เคยแพ้เลยจนวันนึงแพ้ขึ้นมาจริงๆ ตอนนั้นรู้สึกเสียใจมาก จำได้ว่าร้องไห้กับแม่หนักมากและ อยากเลิกเล่นไปเลย แต่แม่คอยอยู่ข้างๆ และบอกกับหนูว่าตั้งแต่วันแรกที่หนูเริ่มเรียน แม่ไม่เคยบังคับเพราะเป็นสิ่งที่หนูเลือกเอง แล้วทำไมถึงอยากจะเลิกเล่นเพียงเพราะว่าแพ้แค่ครั้งเดียว”
ประโยคที่จริงใจจากผู้เป็นแม่สร้างอิมแพ็คกระแทกใจกีตาร์เป็นที่สุด จากคำพูดในวันนั้นทำให้เธอฮึดสู้อีกครั้ง พร้อมกับตั้งเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ในใจ
“พอได้ยินคำพูดแม่ทำให้หนูเปลี่ยนความคิด เพราะกีฬามันมีทั้งแพ้ และ ชนะ หนูกลับมาตั้งใจซ้อมมากขึ้นกว่าเดิม เรียกว่าบ้าซ้อมแทบไม่หยุดเลยก็ได้ เพราะว่าหนูมุ่งมั่นอยากที่จะไปให้ไกลกว่านี้ เป้าหมายคืออยากจะติดทีมชาติ”
“มาก่อนกลับทีหลัง” เคล็ด (ไม่) ลับความแข็งแกร่ง
ความเจนจัดในสนามแข่งขันระดับเยาวชนช่วยสร้างประสบการณ์ และ บทเรียนชั้นเยี่ยมให้กับกีตาร์ ด้วยฝีไม้ลายมือที่มีเกินตัว ทำให้เธอตัดสินใจเข้ารับการคัดเลือกนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทยเพื่อต่อยอดความสามารถ และ คือความฝันที่เธอจะต้องก้าวไปให้ถึงจุดหมายอย่างที่ตั้งใจ
“หนูมีรายชื่อเข้ามาคัดทีมชาติตอนอายุ 13 ปี ตอนนั้นหนูดีใจมากเพราะว่าเป็นความฝันตั้งแต่เด็ก ตั้งใจว่าจะทำให้เต็มที่ไม่รู้ว่าผลมันจะออกมาเป็นยังไง เพราะหนูซ้อมมาหนักขนาดนี้แล้ว พยายามขนาดนี้แล้ว หนูก็ทำเต็มที่ที่สุด แต่เมื่อรู้ว่าได้เป็นนักกีฬาทีมชาติไทย หนูดีใจมาก และ รู้สึกว่าที่พยายามมาทั้งหมดไม่สูญเปล่า”
กีตาร์ทำตามความฝันของตัวเองได้สำเร็จ แต่นั่นไม่ใช่ปลายทางหากแต่เป็นจุดเริ่มต้นของการทำตามฝัน เมื่อเธอได้ชื่อว่าเป็นนักกีฬาของชาติสิ่งที่ต้องเตรียมตัวรับมือ คือการฝึกซ้อมที่เข้มข้นขึ้น แรงกดดันจากทั้งภายใน และ ภายนอกที่เพิ่มมากขึ้น เพราะเมื่อเป็นนักกีฬาทีมชาติล้วนแล้วแบกความหวังทั้งสิ้น
“ความยากของการเป็นนักกีฬาทีมชาติ คือ การปรับตัวเพราะว่าการซ้อมที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเหนื่อยกว่าเดิม รวมถึงทั้งการปรับเวลาเมื่ออยู่ในแคมป์ เมื่อก่อนเราแค่อยู่กับสโมสรก็จะโฟกัสแค่ตัวเรา แต่การที่เรามาอยู่รวมกันในแคมป์ทีมชาติเราต้องเป็นทีมเดียวกันจึงต้องปรับตัวให้เข้ากับคนอื่นด้วย และด้วยนิสัยที่หนูค่อนข้างเป็นคนติดแม่มากๆ เฝ้ารอว่าเมื่อไหร่จะวันเสาร์-อาทิตย์ เพราะอยากกลับบ้าน แต่พออยู่ไปนานๆ ก็เริ่มปรับตัวได้”
เมื่อทุกอย่างเริ่มปรับเข้าที่เข้าทาง กีตาร์เริ่มกลับมาโฟกัสไปที่การฝึกซ้อม มีสมาธิ มุ่งมั่น และ ระเบียบวินัย กีตาร์บอกว่าในทุกๆ วันของการฝึกซ้อม เธอมักจะเตรียมตัวก่อนเสมออย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนเวลานัด ตบเท้าเข้ายิมเป็นคนแรกเพื่อทบทวนบทเรียนที่ผ่านมา สิ่งที่เธอทำอาจไม่ใช่เคล็ดลับแต่เป็นวินัยที่นักกีฬาพึงมีด้วยวินัยที่ยอดเยี่ยม และ ฝีมือที่เยี่ยมยอด ทำให้กีตาร์สามารถคว้าเหรียญรางวัลในระดับนานาชาติมาครอบครอง ไม่ว่าจะเป็นการคว้าเหรียญทองในการแข่งขันระดับเยาวชนชิงแชมป์เอเชีย รวมไปถึงเหรียญเงินในรายการชิงแชมป์เยาวชนโลก
และยังต่อยอดความสำเร็จด้วยการไปยืนบนโพเดี้ยมรับเหรียญเงินจากการแข่งขันเทควันโดหญิงชิงแชมป์โลกในรุ่น 49 กิโลกรัมมาครองจากรายการตุรกิช โอเพ่น 2024 และ ผงาดคว้าเหรียญทองในรายการสแปนิช โอเพ่น ในปีเดียวมาได้อย่างสวยงาม ทำให้ทางสมาคมฯ เล็งเห็นถือความสามารถและวางตัวให้เป็นตัวแทน ‘เทนนิส’ ในการสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศในอนาคต
“หนูรู้สึกดีใจและภูมิใจมากๆ ที่ทุกคนเห็นว่าหนูสามารถเป็นตัวแทนในการคว้าเหรียญให้กับวงการเทควันโด จริงๆ ถามว่ากดดันมั้ย ก็มีบ้างที่ต้องเป็นตัวแทนพี่เทนนิส เพราะหนูลงแข่งขันรุ่น 49 กิโลกรัม ซึ่งเป็นรุ่นเดิมของพี่เขา ตลอดเวลาที่ผ่านมาหนูมีโอกาสได้ฝึกซ้อมกับพี่เขาบ่อยๆ เรียนรู้เทคนิค และ ขอคำแนะนำจากพี่เทนนิสรวมถึงรุ่นพี่คนอื่นๆ ในแคมป์ทีมชาติ ซึ่งก็ได้รับคำแนะนำที่ดี แต่ก็พยายามคิดว่าต้องเป็นตัวของตัวเอง และ พยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด อยากให้ทุกคนจำภาพหนูก็คือกีตาร์ เป็นคนที่จะขึ้นมาเล่นในรุ่นนี้ที่เป็นตัวเอง โดยที่ไม่ต้องมาแทนใคร”
แรงผลักดันสู่ความสำเร็จ
แม้ว่าจะถูกยกให้เทียบชั้นกับฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิกอย่าง ‘เทนนิส’ แต่กีตาร์ไม่เคยหลงใหลไปกับคำสรรเสริญเยินยอเหล่านั้น กลับกันเธอยังพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง และ รักษาระเบียบวินัยในการซ้อมอย่างมุ่งมั่น เพราะอย่างที่กล่าวไปข้างต้น “การติดทีมชาติเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความฝัน” ในเมื่อกีตาร์ก้าวผ่านจุดนั้นมาแล้ว จุดหมายต่อไป คือ การคว้าเหรียญทองโอลิมปิกมาครองให้ได้สักครั้งในชีวิต นี่คือเป้าหมายใหม่ในชีวิตที่สูงกว่า ยิ่งใหญ่กว่า และ ท้าทายกว่าที่เธอจะต้องทำให้สำเร็จ
“พอขยับขึ้นมาเล่นในรุ่น 49 กิโลกรัม แน่นอนว่าน้ำหนักมันเพิ่มขึ้น และ คู่ต่อสู้ค่อนข้างที่จะเก่ง มันต่างจากตอนที่ลงแข่งในรุ่น 46 กิโลกรัมที่รู้สึกว่ามันไม่ได้ง่ายแต่ไม่ได้ยากเกินไป แต่พอขยับมาเป็นรุ่น 49 กิโลกรัม เราก็เลยต้องเพิ่มทั้งกล้ามเนื้อ ทั้งเทคนิค รูปแบบการเล่นต้องหลากหลายกว่าเดิม ซึ่งปกติหนูเล่นแต่ลูกเล่นเดิมๆ คู่ต่อสู้เขาจะจับทางได้ ทำให้หนูต้องปรับตัว เพราะเป้าหมายหนูคือ เหรียญทองโอลิมปิก แต่สำหรับปีนี้ก็คือเหรียญทองชิงแชมป์โลก เพราะว่าหนูเคยพลาดมาแล้วตอนลงแข่งรุ่น 46 กิโลกรัม หนูเลยคิดว่าปีนี้หนูอยากคว้าเหรียญทองให้กับทุกๆ คน และ ให้กับตัวเองด้วย”
การคว้าเหรียญทองในมหกรรมกีฬาของมนุษยชาติอย่างโอลิมปิกคงไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะนั่นคือเป้าหมายสูงสุดของนักกีฬาทุกคนที่ใฝ่ฝันถึง ทั้งหมดทั้งมวลนั้นขึ้นอยู่กับการฝึกฝน ความมุ่งมั่น มุมานะ และ ส่วนหนึ่งก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตาจะนำพา ดังนั้นการที่กีตาร์กำลังก้าวเดินบนเส้นทางกีฬาเทควันโดเป็นเพียงถนนเส้นที่จะนำทางไปสู่ฝันสูงสุด สุดท้ายแล้วผลลัพธ์จะเป็นเช่นไรอยู่ที่หัวจิตหัวใจของเธอทั้งสิ้น
กีตาร์บอกด้วยว่า สิ่งสำคัญที่ทำให้เธอก้าวมาไกลได้ขนาดนี้คือผู้เป็นแม่ บุพการีที่คอยสนับสนุน และ ผลักดันให้เธอไปถึงฝั่งฝัน ไม่ว่าจะเหนื่อย ท้อ กำลังใจถดถอย แม่คือบุคคลที่พร้อมอยู่เคียงข้างเสมอ
“หนูเป็นคนที่สนิทกับแม่มากๆ เวลาหนูมีปัญหาอะไรไม่ว่าจะเหนื่อยจะท้อต้องการกำลังใจ ก็จะมีแม่ที่คอยซัพพอร์ตและอยู่ข้างๆ ตลอดเวลา หนูเหนื่อยหนูจะบ่นให้แม่ฟังทุกครั้ง ซึ่งแม่ก็จะเป็นคนคอยปลอบคอยให้กำลังใจ นอกจากแม่ก็มีทั้งพ่อ และ น้องชาย รวมถึงโค้ชทั้งจากสโมสร และ ในแคมป์ทีมชาติ”
กีตาร์บอกต่อว่า เทควันโดมันเป็นมากกว่ากีฬา เธอเรียนรู้หลากหลายด้านในกีฬาชนิดนี้ ทั้งระเบียบวินัย การจัดสรรเวลา การมีน้ำใจ และ มารยาทในสนามแข่งขัน การให้เกียรติ และ ความเคารพทั้งคู่แข่งรวมถึงผู้ฝึกสอน
พร้อมกันนี้กีตาร์ยังย้ำด้วยว่า “อยากให้ทุกคนจดจำกีตาร์ก็คือกีตาร์ หนูไม่อยากให้ทุกคนจำหนูว่ามาแทนพี่เทนนิส หรือเป็นพี่เทนนิสคนที่สอง หนูดีใจที่หลายๆคน พูดกับหนูว่าอนาคตจะเป็นเหมือนพี่เทนนิส เพียงแต่ว่าอยากให้ทุกคนมองหนูในภาพจำก็คือกีตาร์ เป็นคนที่จะขึ้นมาเล่นในรุ่นนี้ (49 กิโลกรัม) ที่เป็นตัวเองโดยที่ไม่ต้องมาแทนใคร”
TAG ที่เกี่ยวข้อง