stadium

"โค้ชอ๊อต" เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร กลยุทธ์ 4 ปีสู่โอลิมปิก

17 เมษายน 2568

หลังจากที่วางมือจากการเป็นผู้ฝึกสอนไปพักใหญ่ “โค้ชอ๊อต” เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร ผู้ฝึกสอนนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ผู้ที่เคยปั้นเหล่า “7 เซียน” จนโด่งดัง คัมแบ็คกลับมารับหน้าที่เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนอีกครั้ง โดยครั้งนี้โค้ชอ๊อตมาพร้อมกับความตั้งใจ และ วางเป้าหมายไว้ชัดเจนว่าจะนำทัพลูกยางสาวไทยลุยศึกโอลิมปิกอีกครั้ง

 

ทางสมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทยเล็งเห็นความสำคัญ ณ จุดนี้ ประจวบเหมาะกับแนวคิดที่สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน ทำให้โค้ชอ๊อตจะเข้ามารับหน้าที่ไปจนถึงปี 2028

การกลับมาในครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงแค่เป้าหมายเดียวแต่ยังต้องการวางรากฐานทั้งระบบให้แข็งแรงเพื่อต่อยอดสู่อนาคต
 

 

ทีมงานเบื้องหลังต้องมีคุณภาพ 

 

อย่างที่ทราบกันดีว่า โค้ชอ๊อตเป็นบุคคลที่เคยคลุกคลีอยู่ในวงการลูกยางสาวไทย และ ปลุกปั้นนักกีฬาไทยจนกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก การที่สมาคมฯ เลือกที่จะให้เขากลับมารับหน้าที่ผู้ฝึกสอนคำรบนี้ เชื่อมั่นในกลยุทธ์ที่เคยใช้ และ ประสบความสำเร็จมาแล้ว 

โดยโค้ชอ๊อตได้บอกว่า การจะนำทัพนักกีฬาวอลเลย์บอลสาวไทยไปให้ถึงเป้าหมายได้จำเป็นต้องเริ่มจากการวางระบบที่มั่นคง “ท่านนายกสมาคมฯ ขอให้ผมมาดูแลทีมวอลเลย์บอลหญิง เป็นเวลา 4 ปี ตั้งแต่ 2025 ไปจนถึงปี 2028 เป้าหมายของเรา คือ จะพยายามคัดเลือกไปโอลิมปิก 2028 นั่นคือเป้าหมายของเรา ส่วนปีนี้เราก็มีรายการสำคัญ ๆ หลายรายการทั้งชิงแชมป์โลก, เนชั่นส์ ลีก เราตั้งเป้าที่จะไปแข่งขันในทุกปีเพื่อทำอันดับโลกของเราให้ดีที่สุด และพัฒนานักกีฬาของเราไปในระดับ เวิลด์ คลาส ให้ได้ภายใน 4 ปี นอกจากนั้นยังมีรายการชิงแชมป์โลก 2027 ซึ่งในปีนี้ก็จะมีชิงแชมป์เอเชียด้วย ซึ่งผมจะรับผิดชอบทั้งหมด เพื่อพาทีมชาติไทยไปสู่เป้าหมาย”

 

นั่นคือเป้าหมายที่กำหนดขอบเขตอย่างชัดเจน แต่อย่างไรก็ดีการที่จะไปถึงเป้าหมายที่ปักหมุดไว้ จำเป็นต้องมีระเบียบแบบแผน และ บุคลากรที่มีศักยภาพมากพอเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ ดังนั้นโค้ชอ๊อตได้กำหนดแผนการ และ ขั้นตอนปฎิบัติไว้อย่างเป็นรูปธรรม

 

“ในส่วนของวิธีการก็จะทำงานผ่าน High Performance Team หรือทีมงานที่มีศักยภาพสูง ประกอบไปด้วยคน 4 กลุ่มคือ ทีมบริหาร, ทีมโค้ช และ สต๊าฟ, ทีมงานวิทยาศาสตร์การกีฬา และ นักกีฬา ในช่วงต้นกระบวนการการทำงานของทีมจะแบ่งเป็น 4 ขั้นตอน โดยคัดเลือกคนที่มีศักยภาพสูงเข้ามาทำงานร่วมกัน”
 

 

โค้ชอ๊อต อธิบายเพิ่มเติมว่า ศักยภาพของนักกีฬาเป็นสิ่งสำคัญ ต้องเฟ้นหานักกีฬาที่มีความเหมาะสม สามารถพัฒนาไปได้ในอีก 4 ปีข้างหน้า รวมถึงทีมงานวิทยาศาสตร์การกีฬาจะเลือกบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญในแขนงต่างๆ ทั้งทีมแพทย์ นักกายภาพ นักสรีระออกกำลัง นักชีวะกลศาสตร์ นักโภชนาการ รวมถึงหมอนวด วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ในส่วนของทีมงานผู้ฝึกสอนชุดนี้เป็นอดีตผู้ช่วยผู้ฝึกสอนเก่า รวมถึงอดีตนักกีฬาจะเข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งทั้งหมดผ่านการอบรม และ มีประสบการณ์การเรียนรู้การเป็นโค้ชมาแล้วทั้งสิ้น สำหรับฝ่ายบริหารโค้ชอ๊อตบอกว่า ท่านนายกสมาคมฯ จะเป็นเป็นหัวหน้าทีม มีคณะกรรมการบริหารบางคนมาอยู่ในทีมบริการ”

 

“ซึ่งทั้ง 4 กลุ่มนี้จะทำงานร่วมกันไปอีก 4 ปี เราวางแผนและวางกลยุทธ์ในแต่ละปีว่าจะทำอะไรบ้าง เราจะมีเป้าหมายไปที่ไหนบ้างในแต่ละอีเว้นท์”

 

 

เปิดกลยุทธ์สร้างนักกีฬาระยะสั้น-ยาว

 

หลังจากที่โค้ชอ๊อตรวบรวมทีมงานที่มีคุณภาพคับแก้วเข้ามาช่วยพัฒนาทีมลูกยางสาวไทยได้เป็นที่เรียบร้อย กำหนดการต่อไป คือ ทำทุกสิ่งอย่างที่เป็นเป้าหมายให้บรรลุโดยมีเป้าหมายทั้งในระยะสั้น และ ระยะยาว ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความสอดคล้องอย่างต่อเนื่องไปจนถึงเป้าหมายใหญ่ที่รออยู่คือ โอลิมปิก 2028 ที่ประเทศ สหรัฐอเมริกา

 

ส่วนแผนการระยะสั้นโค้ชอ๊อตกำลังเตรียมทีมสู่ความพร้อมเพื่อแมตช์การแข่งขันที่กำลังจะมาถึงในเวลาอันใกล้ สำหรับแผนระยะยาว คือ การพัฒนาเยาวชนให้แข็งแรงเพื่อผลักดันสู่ทีมชาติชุดใหญ่ต่อไป

 

โค้ชอ๊อตบอกว่า ปี 2025 เป็นปีแรกที่เข้ามากุมบังเหียน เขาเลือกโปรแกรมแข่งขันที่มองว่าเป็นประโยชน์ต่อนักกีฬาไทยมากที่สุด โดยเริ่มจากการแข่งขันซูเปอร์แมตช์ ออลสตาร์ กับทีมเกาหลี

 

“ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะรื้อฟื้นความสำเร็จอันดีระหว่างวอลเลย์บอลเกาหลีและไทย รวมทั้งยังส่งผลในเรื่องของการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมต่างๆ ระหว่างสองประเทศ อันนี้เป็นสิ่งที่ดี ผมได้เดินทางไปเกาหลีเพื่อจะได้เจรจากับโคโว และ ผู้สนับสนุนหลักในการถ่ายทอดสด ซึ่งผู้บริหารฝั่งเกาหลีทำงานอย่างเต็มที่เพื่อให้รายการนี้เกิดขึ้น” 

 

ไม่ใช่เพียงแค่การเชื่อมความสัมพันธ์ แต่รายการดังกล่าวยังเป็นการเฟ้นหานักกีฬาที่มีความเหมาะสม และ พร้อมที่จะลุยศึกใหญ่เบื้องหน้า โดยกำหนดกลุ่มนักกีฬาเป็น 2 กลุ่มใหญ่ทั้งเยาวชน และ นักกีฬาจากไทยแลนด์ลีก เพื่อคัดเลือกเข้าสู่ทีมชาติชุดใหญ่ต่อไป

 

“ผมคัดเลือกนักกีฬาไว้ในโครงการทีมชาติไทยกว่า 30 คน โดยกำหนดกลุ่มดาวรุ่งทั้งชุด U19, 21 และ U16 เราก็รวมๆ กันมา เป็นดาวรุ่งเตรียมที่จะไปแข่งชิงแชมป์โลก U21 และ U19 ปีนี้ในเดือนกรกฏาคมก็เลือกไปแข่งด้วย อีกกลุ่มที่มาจากไทยแลนด์ลีก ที่มีผลงานที่ดี สถิติดี รวมทั้งนักกีฬาบางคนที่ไปเล่นต่างประเทศเมื่อจบลีกการแข่งขัน เราก็เรียกตัวกลับมาติดทีมเช่นกัน”

 

โค้ชอ๊อตเสริมต่อว่า ในส่วนของนักกีฬาทีมชาติไทยนั้นจะเป็นการพิจารณาคัดเลือกเพื่อไปแข่งขันในรายการ เนชั่นส์ ลีก ต่อเนื่องไปถึงการแข่งขัน ซี.วี. ลีก และ ชิงแชมป์โลกในเดือนสิงหาคม-กันยายนนี้ หลังจากนั้นจะเข้าสู่การเตรียมตัวสำหรับซีเกมส์ปลายปี 2025

 

 

ถ่ายทอดประสบการณ์ตรง จากรุ่นพี่สู่รุ่นน้อง

 

วิสัยทัศน์ที่มองภาพไกล และ กว้างของโค้ชอ๊อต เล็งเห็นถึงความสำคัญของตัวนักกีฬาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับเยาวชน ทีมบริหารชุดใหม่นี้เตรียมแผนผลักดันนักกีฬาสายเลือดใหม่และพร้อมจะส่งมอบโอกาสดีๆ เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม

 

โค้ชอ๊อตอธิบายว่า ในเวลานี้ทีมงานพยายามที่จะสร้างคนรุ่นใหม่ให้เติบโตขึ้น มีเด็ก และ เยาวชนที่อยู่ในแผนยุทธศาสตร์ 2028 แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลักประกอบด้วย 1.excellent player หรือกลุ่มที่มีขีดความสามารถสูง 2.กลุ่มนักกีฬาที่เป็นศิษย์เก่าที่ยังลงเล่นในไทยแลนด์ ลีก และ 3.กลุ่มสายเลือดใหม่ 

 

“กลุ่มที่สามแยกเป็นกลุ่มที่เราสร้าง และ เป็นสายเลือดใหม่ซึ่งมันมีทั้งหมดอยู่ 3 ทีม และทีมชุด U16 พวกนี้อายุประมาณ 14-15 ปีอันนี้เป็น New Generation ซึ่งกลุ่มนี้จะเตรียมเอาไว้สำหรับโอลิมปิก 2032 เราวางแผนที่จะพัฒนาพวกเขาในทุกๆ ด้าน และ พัฒนาศักยภาพ” 

 

“สำหรับชุด U19 กับ U21 จะเป็นชุดปัจจุบันที่จะพัฒนาให้มาทดแทนรุ่นพี่หรือบางคนที่มีผลงานโดดเด่นในแต่ละปี เช่นปีนี้ดูว่าใครจะมีศักยภาพที่จะเข้าไปเล่นในทีมชาติชุดใหญ่ได้ เราก็จะผลักดัน ปีนี้ผมประกาศรายชื่อมามีเด็กดาวรุ่งเยอะเกือบครึ่งทีม ก็จะได้รับโอกาสในการที่มาฝึกซ้อมร่วมกับรุ่นพี่เพื่อให้เขาได้เรียนรู้ประสบการณ์ตรง อย่างที่เราประสบความสำเร็จมาแล้วกับ ชัชชุอร อัจฉราพร และอีกหลายคน

 

โค้ชอ๊อตบอกอีกด้วยว่า ในช่วง 18 เดือนนับจากนี้จะค่อนข้างเข้มข้นเพราะมีรายการใหญ่ๆ เป็นบททดสอบที่สำคัญเพื่อเรียนรู้ และ ปรับปรุงแก้ไข

 

 

“นักกีฬาของเราหลายรุ่นที่ผมได้ร่วมทำงานร่วมกันกับนักกีฬา และ ทีมสต๊าฟโค้ชร่วมกันพัฒนาทีมชาติของเรา จากอันดับที่น่าจะ 60 กว่ามาอยู่อันดับที่ 10 ของโลกมันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะทุกคนก็ทุ่มเททั้งชีวิต และจิตใจในการที่จะพัฒนาร่วมกันแล้วก็พยายามที่จะไปสู่เป้าหมายใหญ่ร่วมกัน ถือว่าเป็นสิ่งที่ประทับใจแล้วก็มีความหมายกับชีวิตของทุกคน แล้วส่งผลให้ทุกคนตอนนี้ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เล่นแล้วก็ยังมาอยู่รอบๆ ตัวผม มาช่วยเป็นเทรนเนอร์ ช่วยงานผมหลายๆ เรื่อง ดังนั้นอีก 4 ปีต่อจากนี้ ผมจะขับเคลื่อนทีมชาติไทยให้ไปสู่เป้าหมายตรงนั้น”

 

นับได้ว่าเป็นนิมิตหมายอันดีสำหรับทัพนักตบลูกยางสาวไทยที่ได้ ‘โค้ชอ๊อต’ มาเป็นผู้กำหนดทิศทาง หลังจากนี้ต้องมาดูกันต่อไปว่าจะสำเร็จตรงตามเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่ แต่เหนือสิ่งอื่นใดนั่นคือความมุ่งมั่นของหัวหน้าทีมที่หวังจะเห็นทัพวอลเลย์บอลไทยประสบความสำเร็จอีกครั้งในเวทีระดับโลก 


stadium

author

ปวีน เทพพวงทอง

StadiumTH Content Creator / เชียร์หงส์แดง รักการเดินป่า เสพติดหมูกระทะ

โฆษณา