18 มีนาคม 2563
ใกล้เข้ามาทุกขณะ สำหรับมหกรรมกีฬาระดับโลกอย่าง โอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่จะจัดขึ้น ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และอย่างที่หลายคนน่าจะทราบดี ว่าการแข่งขันโอลิมปิกในครั้งนี้ เจ้าภาพแดนปลาดิบได้ขนเอาเทคโนโลยีต่างๆ ออกมาแสดงให้ชาวโลกได้ตื่นตากันแบบไม่อั้น โดยเฉพาะนวัตกรรมเกี่ยวกับหุ่นยนต์ที่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นของประเทศนี้เลยก็ว่าได้
แต่แน่นอนว่านั่นไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการนำเทคโนโลยีต่างๆ ออกมาใช้ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก เพราะหากย้อนกลับไปในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปี 2016 ที่นครริโอ เด จาเนโร ประเทศบราซิล ก็มีการใช้นวัตกรรมต่างๆ ด้วยเช่นกัน และที่โดดเด่นที่สุดคือบรรดาอุปกรณ์สวมใส่สำหรับนักกีฬา ที่แม้ภายนอกจะไม่มีความแปลกอะไร แต่จากข้อมูลลึกๆ ลงไปแล้ว กลับแฝงไปด้วยนวัตกรรมล้ำๆ มากมายเลยทีเดียว
Nike AeroBlade
จากความเชื่อเดิมของเราแล้ว ความเร็วนั้นขึ้นอยู่กับความสามารถของนักกีฬาเป็นหลัก แต่ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้พบว่าเครื่องแต่งกายเองก็มีผลต่อความสามารถของนักกีฬาด้วย และในการแข่งขันโอลิมปิกเมื่อปี 2016 Nike ได้ผลิตแผ่น AeroBlade ที่มีลักษณะเป็นเดือยขนาดเล็กบนเสื้อผ้าที่นักวิ่งสามารถสวมใส่ที่แขนหรือขาได้ โดยเจ้า AeroBlade ที่ว่านี้ สามารถช่วยกำหนดทิศทางกระแสลมที่ไหลผ่านนักกีฬา แบบเดียวกับที่เกิดขึ้นกับรถยนต์และเครื่องบิน ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้นักกรีฑาของอเมริกาได้จริง
Hykso Punching Sensors
อีกหนึ่งเทคโนโลยีสวมใส่ (wearable) ใหม่ล่าสุดในขณะนั้น ที่สร้างขึ้นมาเพื่อนักมวย และกีฬาชกมวยโดยเฉพาะ ซึ่งทีมนักมวยจากอเมริกาและแคนาดาได้นำมาใช้สำหรับการฝึกซ้อมโอลิมปิก และมันสามารถบอกได้ว่านักมวยกำลังออกหมัดแบบไหน มีความเร็วหมัดเท่าไหร่ รวมไปถึงความรุนแรงเท่าไหร่ด้วย โดยในการฝึกซ้อมนักมวยจะสามารถต่อยกันได้อย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์เป็นข้อมูลสถิติในการหาจุดอ่อนของตัวเองและคู่ชก
Speedo LZR Fastskin Suit
แม้จะเคยโดนคณะกรรมการว่ายน้ำสากลมีคำสั่งแบน "ชุดว่ายน้ำไฮเทค" ที่คลุมร่างกายทั้งตัวด้วยโพลียูรีเทนที่สามารถทนแรงกดอัดได้สูงและน้ำซึมผ่านไม่ได้ และมีหลายฝ่ายมองว่า ชุดที่ Speedo ออกแบบมานี้ สร้างความได้เปรียบเสียเปรียบ จากการใช้เทคโนโลยีมาช่วยแข่งมากเกินไป
แต่ Speedo ก็ยังคงคิดค้นนวัตกรรมชุดว่ายน้ำที่ล้ำยุคขึ้นเรื่อยๆ โดยยังรักษาเงื่อนไขเรื่องอุปกรณ์การแข่งว่ายน้ำ ที่ระบุว่าชุดต้องให้น้ำซึมผ่านได้ จนกลายเป็นชุด LZR Fastskin Suit ให้แก่ทีมนักกีฬาจากอเมริกา ออสเตรเลีย จีน สเปน ญี่ปุ่น แคนาดา และอิสราเอล ได้ใช้แข่งขันในโอลิมปิก 2016 ซึ่งปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่ามันเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้นักกีฬาสามารถว่ายน้ำได้เร็วขึ้น เพราะมีการลดแรงเสียดทานในน้ำลง แต่นั่นก็แลกมาด้วยความสะดวกสบายในการสวมใส่ ที่ต้องใช้เวลาถึง 10 นาที และการันตีความสำเร็จด้วยการที่นักว่ายน้ำอเมริกันสามารถกวาดเหรียญไปได้ถึง 33 เหรียญในปีนั้น
Nike Wing
ลักษณะภายนอกนั้น แว่น Nike Wing ดูเหมือนแผ่นโฮโลแกรมที่วางซ้อนอยู่บนบริเวณใบหน้า จนดูเหมือนเป็นเครื่องประดับมากกว่าจะเป็นอุปกรณ์กีฬาที่สามารถใช้งานได้จริง แต่นี่คือนวัตกรรมแว่นไร้รอยต่อที่สามารถช่วยลดแรงต้านให้กับนักวิ่งประเภทลู่ได้อย่างดี แถมยังมีน้ำหนักเบากว่าแว่นสายตาทั่วไปถึง 4 กรัม ซึ่งมีประโยชน์ต่อนักวิ่งที่ต้องเผชิญกับแสงแดดร้อนแรงของบราซิลอย่างมาก แต่ด้วยราคาที่สูงมาก ทำให้มันไม่ใช่อุปกรณ์ที่นักกีฬาทุกชาติจะได้ใช้ และหลายคนยังมองว่า...มันเป็นของที่เกินจำเป็นไปสักหน่อย
Solos AR Cycling Glasses
ชุดแว่นตาอัจฉริยะที่มี built-in HUD micro-display ที่ออกแบบมาเพื่อทีมนักปั่นจักรยานอเมริกันโดยเฉพาะ โดยมันสามารถวัดความเร็ว อัตราการเต้นของหัวใจ การใช้พลังงาน และจำนวนรอบในการปั่น อีกทั้งแว่นตารุ่นนี้ยังสามารถส่งต่อข้อมูลดังกล่าวไปยังคอมพิวเตอร์ หรือสมาร์ทโฟนของนักกีฬาได้ อีกทั้งยังมีไมโครโฟนและลำโพงที่ช่วยให้นักปั่นติดต่อกับโค้ชได้อีกด้วย ที่สำคัญนี่คือหนึ่งในนวัตกรรมเทคโนโลยีทางกีฬาไม่กี่ชิ้นที่คนทั่วไปอย่างเราสามารถซื้อมาใช้เองได้
Nike Zoom Superfly
แม้รองเท้า Nike จะโดดเด่นมากทั้งในแง่ของการแข่งกีฬา และสินค้าแฟชั่น แต่ในการแข่งขันโอลิมปิกปี 2016 รองเท้า Zoom Superfly ของ Nike นั้นเป็นที่สนใจอย่างมาก เพราะมันได้ใส่แผ่นปุ่มรองเท้าที่ออกแบบลวดลายรังผึ้ง ซึ่งช่วยเพิ่มความแข็งแรงของรองเท้าให้มากที่สุด แต่ใช้วัสดุในการผลิตน้อยที่สุด ทำให้รองเท้าคู่นี้สามารถเกาะพื้นได้ดีกว่ารองเท้าธรรมดาถึง 4 เท่า แต่กลับมีน้ำหนักเบากว่ารองเท้าของ Nike รุ่นก่อนๆ อย่างมาก
Whoop Strap
หลายคนน่าจะรู้จักนาฬิกาฟิตเนสตัวนี้เป็นอย่างดี เพราะมันถูกใช้โดยนักกีฬาระดับโลกมากมาย และในโอลิมปิก 20016 นาฬิกา Whoop ก็มีนักแข่งนำมาใช้ด้วยเช่นกัน และสิ่งที่ทำให้ Whoop แตกต่างจากนาฬิกายี่ห้ออื่นๆ เพราะมันสามารถวัดทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับผู้สวมใส่ ตั้งแต่จังหวะการเต้นของหัวใจ ความเหนื่อย การเผาผลาญพลังงาน ไปจนถึงคาดการณ์สถิติในอนาคตของผู้สวมใส่ได้แม่นยำกว่าอุปกรณ์สวมใส่ชนิดอื่นๆ อีกทั้งยังสามารถถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ ทำให้ผู้ใช้ไม่จำเป็นจะต้องถอด Whoop Strap ออกจากข้อมือเพื่อชาร์จไฟ