stadium

"ซัน" จิตติภัธฆ์ จิตมั่นชัยธรรม ก้าวแรกสู่เวทีครอสคันทรีฤดูหนาว

13 มีนาคม 2568

แม้ว่าเมืองไทยจะไม่ใช่ดินแดนแห่งหิมะและอากาศหนาวเย็นตลอดปี แต่สำหรับเวทีการแข่งขันกีฬา ไม่มีอะไรปิดกั้นความสามารถของนักกีฬาไทย หนึ่งในนั้นคือ "ซัน" จิตติภัธฆ์ จิตมั่นชัยธรรม นักกีฬาครอสคันทรีทีมชาติไทย ที่กำลังพิสูจน์ให้โลกเห็นว่าคนไทยก็สามารถก้าวสู่เวทีระดับโลกของกีฬาฤดูหนาวได้!

 

เส้นทางของเขาเริ่มจากความท้าทายที่ดูเหมือนไกลเกินเอื้อม แต่ด้วยแรงผลักดันและความมุ่งมั่น กีฬาฤดูหนาวไม่ได้เป็นแค่ความฝัน แต่กลายเป็นโอกาสที่เขาพร้อมไขว่คว้า ไปติดตามเส้นทางที่เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อและความพยายามของเขากัน!

 

 

เส้นทางที่ไม่เคยคาดคิดของหนุ่มเหนือ

 

เด็กหนุ่มจากเชียงใหม่ที่เติบโตมากับความหลงใหลในกีฬา เขาเริ่มต้นจากกรีฑาและว่ายน้ำ สองชนิดกีฬาที่คุ้นเคยและฝึกฝนมาตลอด จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาได้พบกับความท้าทายครั้งใหม่ที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน กีฬาที่ไม่ได้มีแค่ความเร็วและความแข็งแกร่ง แต่ต้องใช้ทักษะ การทรงตัว และความอดทนมากกว่าเดิม

 

“จุดเริ่มต้นของผมเกิดจากป้าพาน้องมาเล่นโรลเลอร์สกีครับ ตอนนั้นผมเล่นกรีฑาและว่ายน้ำเป็นหลัก แต่พอได้ลองสัมผัสกีฬาชนิดใหม่นี้ มันยากมากเลยครับในช่วงแรก เป็นกีฬาเอ็กซ์ตรีม ที่ผมรู้ว่าต้องเจ็บตัว แต่มันเหมือนเป็นการเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เจอสิ่งใหม่ๆ ก็เลยอยากลองเล่นดูครับ”

แม้ในตอนแรกจะเป็นเพียงความสนใจชั่วคราว แต่เมื่อได้ลองฝึกฝนจริงจัง เขากลับค้นพบว่า นี่อาจเป็นโอกาสครั้งสำคัญ ที่จะทำให้เขาเข้าใกล้ความฝันที่เคยคิดว่าไกลเกินเอื้อม

 

“ตอนที่ผมเริ่มเล่น ที่เชียงใหม่ยังมีคนเล่นไม่เยอะมาก ผมก็คิดเล่นๆ ว่าบางทีเราก็อาจจะมีโอกาสติดทีมชาติได้นะ และพอเริ่มจริงจังมากขึ้น ความฝันของผมก็ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เป้าหมายสูงสุดของผม คือการได้ติดทีมชาติไทย และก้าวไปให้ถึงสนามโอลิมปิกเกมส์สักครั้ง”

 

จากเด็กหนุ่มที่เคยเฝ้ามองนักกีฬาทีมชาติไทยประสบความสำเร็จ วันนี้เขากำลังเดินอยู่บนเส้นทางเดียวกัน พร้อมที่จะทุ่มเทสุดกำลังเพื่อคว้าโอกาสนั้นมาให้ได้

 

 

จากไอดอลสู่เพื่อนร่วมทีม

 

ตอนเด็กๆ ทุกคนมักมีไอดอลที่เป็นแรงบันดาลใจให้ตัวเอง "ซัน" ก็เช่นกัน แค่ได้เห็นต้นแบบที่ก้าวลงสนาม เขาก็อยากจะเดินตามรอยเพื่อพิสูจน์ความสามารถของตัวเอง

 

“ยังจำวันนั้นได้อยู่เลยครับ เป็นการแข่งขันชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทยที่ระยอง คนแรกที่ผมเห็นก็คือพี่มรรค จันเหลือง ตอนนั้นพี่เขาดังมาก มีคนขอถ่ายรูปเยอะเหมือนเป็นดาราเลยครับ”

 

และมันก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะมรรค จันเหลือง คือนักครอสคันทรีระดับตำนานของไทย ที่สามารถคว้าตั๋วไปแข่งโอลิมปิกเกมส์ฤดูหนาวได้สำเร็จ นักกีฬาหลายคนมองเขาเป็นต้นแบบ และซันเองก็เป็นหนึ่งในนั้น

 

“ทุกคนอยากเป็นแบบพี่มรรค ผมเองก็เหมือนกัน มันยิ่งจุดไฟในตัวผม ทำให้ผมอยากจะไปโอลิมปิกให้ได้สักครั้ง แบบที่พี่เขาทำสำเร็จ”

 

จากเด็กที่เพิ่งเริ่มต้นฝึกซ้อมโรลเลอร์สกีเพียงแค่สามอาทิตย์ แต่สามารถคว้าอันดับ 3 ในศึกชิงแชมป์ประเทศไทยได้ตั้งแต่ครั้งแรก กลายเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางที่เขาไม่เคยคาดคิด และที่พิเศษไปกว่านั้น วันนี้ เขาได้กลายมาเป็นเพื่อนร่วมทีมกับไอดอลของตัวเองแล้ว!

 

 

ปลุกใจเสือป่า

 

ในการแข่งขันแต่ละครั้ง นักกีฬาต่างมีวิธีสร้างสมาธิที่แตกต่างกัน บางคนเลือกใช้ความเงียบ บางคนฝึกหายใจเพื่อควบคุมอารมณ์ แต่สำหรับ "ซัน" จิตติภัธฆ์ แล้ว เสียงเพลงร็อค คืออาวุธลับที่ช่วยปลุกพลังและสร้างความฮึกเหิมให้เขาพร้อมลุยทุกสนาม

 

“ปกติการลงสนาม ผมจะฟังเพลงร็อคๆ มันเป็นการปลุกกำลังใจชั้นดีให้กับตัวเอง และวงดนตรีที่ผมชื่นชอบก็คือ วงไททศมิตรครับ”

 

และแน่นอนว่าไม่ใช่ทุกเพลงที่จะสร้างพลังให้เขาได้ขนาดนั้น มีสองเพลงที่กลายเป็นเพลย์ลิสต์ประจำตัวที่ขาดไม่ได้ก่อนแข่งขัน

 

“สองเพลงที่ผมต้องฟังทุกครั้งเลยก็คือ ทนได้ทุกที กับ แดงกับเขียว ครับ ผมไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นมั้ยนะครับ แต่ตอนที่ผมเปิดฟังคือ คึกมาก พร้อมจะลงไปแข่งในตอนนั้นทันทีเลยครับ ฮ่าๆ”

 

เสียงดนตรีไม่ได้เป็นแค่ความบันเทิงสำหรับซัน แต่มันคือจังหวะที่ช่วยให้หัวใจเต้นแรง กระตุ้นอะดรีนาลีน และทำให้เขาพร้อมเผชิญหน้ากับทุกความท้าทายในสนามแข่ง

 

 

โอลิมปิกฤดูหนาว 2030

 

นักกีฬาต่างมีเป้าหมายสูงสุดในชีวิต และสำหรับหลายๆ คน โอลิมปิกฤดูหนาว คือเวทีที่พวกเขาอยากก้าวไปให้ถึง เดินบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยความท้าทาย ไม่ใช่แค่เพื่อพิสูจน์ตัวเอง แต่เพื่อทำให้ความฝันที่เคยวาดไว้กลายเป็นจริง

 

“ความฝันหนึ่งเดียวในชีวิตของผมตอนนี้ คือการได้ไปโอลิมปิกปี 2030 ครับ ผมรู้ว่ามันยาก แต่หากเราขยัน มุ่งมั่น และเชื่อในตัวเอง รวมถึงการฝึกซ้อมต้องเข้มข้นมากกว่านี้ เหมือนหากว่าคนอื่นทำ 100 เปอร์เซ็นต์ เราต้องทำเกินกว่าที่คนอื่นๆ เขาทำกัน”

 

หนทางไปสู่โอลิมปิกไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ นอกจากการฝึกซ้อมหนักแล้ว ยังต้องเดินสายเก็บคะแนนแข่งขันในทัวร์นาเมนต์ต่างๆ

 

“รวมถึงการไปแข่งเก็บคะแนนในแต่ละที่ ก็ต้องทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด คือแต่ละปีช่วงวินเทอร์ สมาคมจะมีส่งนักกีฬาไปลงแข่งขันตกปีละ 4-5 สนามครับ ผมก็อยากจะเป็นนักกีฬาไทยอีกหนึ่งคน ที่สามารถทำมันสำเร็จ ถ้าวันนั้นมีจริง ผมคงจะมีความสุขมากๆ กับกีฬาชนิดนี้ที่ผมรัก”

 

เส้นทางนี้อาจเต็มไปด้วยอุปสรรค แต่เมื่อหัวใจเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและไม่ยอมแพ้ ความฝันที่เคยอยู่ไกล ก็อาจกลายเป็นความจริงในสักวันหนึ่ง


stadium

author

อดิศักดิ์ คูวัฒนากุล

StadiumTH Content Creator

โฆษณา