24 กุมภาพันธ์ 2568
“หนูอยากเป็นแบบพี่เมย์” ความตั้งใจของเด็กหญิงวัย 3 ขวบเอ่ยออกมาด้วยความมุ่งมั่นว่าในวันหนึ่งจะเดินตามรอย ‘เมย์ รัชนก อินทนนท์’ เจ้าของแชมป์โลกแบดมินตันหญิงเดี่ยวปี 2013 หนำซ้ำยังยกย่องเจ้าของแชมป์โลกหญิงคนนี้ให้เป็นเสมือนไอดอล และ ยึดเป็นแบบอย่างเรื่อยมา ผ่านร้อนหนาวหลากฝน จากเด็กตัวน้อยในวันวานเติบโตมาเป็นเด็กสาวแรกรุ่นที่ยังคงมุ่งมั่นที่จะเจริญรอยตามไอดอลในดวงใจ
เรากำลังพูดถึง ‘เจเจ’ ณัฏฐ์นลิน รัตนภาณุวงศ์ นักแบดมินตันวัย 17 ปี เด็กสาวที่เป็นกระแสในวงการกีฬา ณ ขณะนี้ ในวันที่ไม้แบดมินตันสูงเทียมหัวจวบจนวันที่เธอถือมันได้กระชับมือ คำพูดที่เธอเอ่ยในวันนั้นขยับใกล้ความเป็นจริงไปอีกก้าว เมื่อสาวน้อยได้ลงสนามวัดฝีมือกับไอดอล แม้ยังห่างไกล แต่ทว่ามันคือบันไดอีกขั้นที่จะนำพาเธอให้ก้าวสู่การเป็นนักแบดมินตันระดับโลก
ฝันที่ยิ่งใหญ่ของหนูน้อยวัย 3 ขวบ
ในช่วงปี 2013 กีฬาแบดมินตันอยู่ในห้วงเวลาที่กำลังได้รับกระแสความนิยมเป็นอันมาก เนื่องด้วยคว้าแชมป์โลกประเภทหญิงเดี่ยวของ ‘เมย์ รัชนก อินทนนท์’ สร้างความฮือฮาให้แฟนกีฬาบ้านเราไม่น้อย เจเจ เด็กหญิงตัวน้อยในวัย 3 ขวบ ณ เวลานั้นก็เป็นหนึ่งแฟนคลับกีฬาลูกขนไก่ วินาทีที่ดวงตาคู่นั้นเห็น ‘เมย์ รัชนก’ ก้าวขึ้นโพเดี้ยมเถลิงแชมป์ กลายเป็นภาพจำที่ในสักวัน เจเจจะต้องไปสู่จุดหมายนั้นให้จงได้
“หนูเริ่มเล่นแบดฯ มาตั้งแต่ 3 ขวบแล้ว เข้าสนามไปกับคุณพ่อตั้งแต่เด็ก ๆ เพราะคุณพ่อก็ชอบตีแบดฯ เหมือนกันอีกทั้งที่บ้านก็ยังเปิดเป็นร้านขายอุปกรณ์กีฬาแบดมินตัน มันก็เลยคลุกคลีในช่วงเย็นหลังเลิกเรียนหนูก็จะชอบไปตีแบดฯ เล่น ๆ จนเมื่อหนูเห็นพี่เมย์ได้แชมป์โลกก็เลยบอกกับพ่อว่าอยากจะเป็นแบบพี่เขาบ้าง”
เจเจเล่าย้อนกลับไปเท่าที่ภาพจำจะสะท้อนเป็นคำพูด แม้ลางเลือนไปบ้างแต่เป้าหมายยังคงชัดเจนและยังบอกต่อว่า หลังจากวันที่ได้เห็นเมย์ รัชนก ก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์โลก นั่นเปรียบเสมือนแรงบันดาลใจและผลักให้เธอกล้าที่จะมุ่งตรงสู่เป้าหมายตามที่ได้ลั่นวาจาไว้
“ทุกวันหลังเลิกเรียนก็จะออกไปซ้อมแบดมินตัน ซ้อมจริงจังมากขึ้นกว่าเดิมเพราะว่าหนูอยากเป็นแบบพี่เมย์ ตอนแรกก็ซ้อมที่สนามแบดมินตันทั่วไป แต่พอเราเริ่มที่จะเอาจริงเอาจังคุณพ่อก็เริ่มมองหาทีมให้เพื่อที่จะได้ลงซ้อมและได้ออกไปแข่งขันตามรายการต่าง ๆ ในประเทศ”
ด้วยความที่เจเจได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวรัตนภาณุวงศ์อย่างเต็มที่โดยไม่ปิดกั้นความคิดปล่อยให้เป็นอิสระในการตัดสินใจ ทำให้ภาพฝันของเจเจยิ่งใหญ่ขึ้น กระทั่งอายุได้ประมาณ 8 ปีเธอก็ได้สัมผัสกับการแข่งขันแบดมินตันสนามจริงเป็นครั้งแรก แม้ผลจะไม่เป็นไปตามหวังแต่มันคือบันไดก้าวแรกสู่ความฝันขั้นถัดไป
ทุ่มสุดตัวกับเส้นทางชีวิตที่เลือกเอง
จากจุดเริ่มต้นที่เจเจหวังเพื่อให้แบดมินตันเป็นกิจกรรมยามว่างกลายมาเป็นความคุ้นชินกับลูกขนไก่ จวบจนเติบใหญ่ตามช่วงวัยสู่การเป็นนักกีฬาเยาวชน ภายหลังการพ่ายแพ้ในการลงสนามจริงครั้งแรกของเจเจเธอก็กลับมาตั้งหน้าตั้งตาฝึกซ้อมในรูปแบบที่เข้มข้นขึ้น โดยมองว่าถ้าจะไปถึงเป้าหมายเหนื่อยยากแค่ไหนก็ต้องกัดฟันทน
“มันก็มีบ้างที่หนูไม่ได้ออกไปเล่นหรือทำกิจกรรมอื่น ๆ กับเพื่อนในอายุเท่ากัน แต่หนูตั้งความหวังไว้กับแบดมินตันแล้วว่าจะต้องทำให้ได้”
เธอยอมตัดและสละเวลาที่เล่นสนุกตามประสาเด็กวัยเดียวกันออกไป แล้วหันมาทุ่มเทให้กับการฝึกซ้อมแบดมินตัน เจเจเล่าว่าในทุกเช้าก่อนเข้าเรียนเธอจะสวมบทบาทนักกีฬาหยิบรองเท้ามาใส่เพื่อออกวิ่งเรียกพละกำลังและเมื่อสิ้นเสียงกระดิ่งหลังเลิกเรียนเจเจจะลงคอร์ทซ้อมแบดมินตันอีกรอบ ทำวนซ้ำแบบนี้จนเป็นกิจวัตร
“ตอนเย็นก็จะซ้อมตั้งแต่ 18:00-20:00 น. พอช่วงขึ้นมัธยม 1 ก็เปลี่ยนมาเรียนแบบโฮมสคูลเพราะต้องการจะทุ่มเวลาให้กับแบดมินตันได้อย่างเต็มที่ หนูจะได้ซ้อมได้ทั้งช่วงเช้าและเย็นในทุกวัน หนูก็ไม่ได้ซีเรียสเพราะตั้งใจไว้แล้วว่าจะเดินทางสายแบดมินตันเต็มตัว ทางครอบครัวก็ซัพพอร์ทเต็มที่พร้อมให้คำปรึกษาเรียกว่าครอบครัวคือส่วนสำคัญสำหรับหนูมาก ๆ ในการผลักดันให้เดินต่อไปข้างหน้า”
การตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิตเสมือนจุดพลิกชะตาของเจเจ เมื่อเธอเลือกทางเดินที่แน่วแน่ผนวกกับเป้าหมายที่ชัดเจนตั้งแต่ต้น ทำให้เจเจพัฒนาฝีมือจนก้าวขึ้นมาเป็นนักแบดมินตันที่ถูกจับตามองคนหนึ่งของวงการลูกขนไก่
“ตอนอายุ 12 ปี หนูได้แชมป์หญิงคู่ในรายการ SCG จนกลายเป็นที่จับตามอง คราวนี้ก็เริ่มเดินสายแข่งขันในประเทศมากขึ้น หนูคิดว่าจากการแข่งขันทั้งหมดที่ผ่านมามันส่งผลให้ร่างกายของหนูแข็งแรงมากขึ้น รวมทั้งความคิด รูปแบบการเล่น ก็เปลี่ยนไปตามช่วงอายุ ทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากการฝึกซ้อมและการแข่งขันที่เป็นประสบการณ์ทำให้หนูสามารถพัฒนาฝีมือขึ้นมาได้”
เรียนรู้เพื่อเติบโตจากการดวลฝีมือกับไอดอล
ในการแข่งขันรายการ ปริ๊นเซส สิริวัณณวรี ไทยแลนด์ มาสเตอร์ 2025 ที่เป็นรายการระดับเวิลด์ ทัวร์ เจเจที่กรุยทางมาตั้งแต่รอบคัดเลือกต้องโคจรมาพบกับไอดอลในดวงใจอย่าง ‘เมย์ รัชนก’ ตั้งแต่รอบแรกของการแข่งขัน ด้วยประสบการณ์และความเก๋าเกมที่น้อยกว่าทำให้เจเจต้องปราชัยไปทั้งสองเกม แต่ความพ่ายแพ้ครั้งนั้นเธอมองว่าเป็นบทเรียนที่แสนล้ำค่าเพราะจะช่วยพัฒนาฝีมือตนเอง
“ความรู้สึกที่ได้เล่นกับพี่เมย์ มันก็ประหม่า ตื้นเต้น ตอนลงสนามก็รู้สึกเกร็ง ๆ แต่ดีใจที่รู้ว่าจะได้ลงแข่งกับพี่เมย์ ความแตกต่างรู้สึกว่าสปีดลูกของพี่เมย์เร็วมาก น่าจะเร็วที่สุดในชีวิตที่หนูเคยแข่งขันมาเลยก็ได้ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่หนูต้องกลับมาพัฒนาตัวเองเพื่อทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น ดังนั้นการทำร่างกายให้แข็งแรงจึงเป็นสิ่งสำคัญ หลังจากแข่งเสร็จพี่เมย์ก็ได้แนะนำในเรื่องของการคอนโทรลลูก และ สปีดในการเล่นยังต้องปรับปรุงในเรื่องนี้”
เจเจยังเปิดใจด้วยว่า เมย์ รัชนก คือต้นแบบของนักกีฬาในดวงใจ เธอได้เรียนรู้ถึงวินัยในการฝึกซ้อม ความมุ่งมั่น และ ความพยายาม สิ่งเหล่านี้ถูกส่งต่อมาถึงตัวของเจเจ และ เธอก็พร้อมนำมาปรับใช้เพื่อให้ได้มาซึ่งความสำเร็จบนเส้นทางแบดมินตันเฉกเช่นด้วยกันกับไอดอลของเธอ
สาวน้อยนักแบดฯ วัย 17 ปียังบอกด้วยว่า หลังจากนี้เธอจะพยายามฝึกซ้อมให้หนักขึ้น เพราะเป้าหมายที่หวังไว้นั้นกำลังก่อร่างสร้างตัวเป็นภาพที่จับต้องได้ ปัจจุบันเจเจรั้งมืออันดับ 147 ของโลกโดยเธอหวังว่าภายใน 5 ปีข้างนี้จะต้องขยับอันดับไปแตะท็อป 10 ให้ได้
“ในปีนี้ (2025) ต้องการทำอันดับให้ติดอยู่ในท็อป 80 ของโลกให้ได้ ซึ่งปีที่แล้วตั้งเป้าไว้ที่ 150 ซึ่งหนูก็ทำได้แล้ว ส่วนเป้าหมายในระยะยาวอยากได้แชมป์โลก แชมป์ออลอิงแลนด์ และแชมป์เวิร์ลทัวร์ ไฟนอลส์แล้วถ้าเป็นไปได้ก็อยากไปลุยโอลิมปิกสักครั้งในชีวิต สำหรับในอนาคตมองไว้ว่า จะลงแข่งขันเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์และทำคะแนนไปเรื่อย ๆ แต่ก็จะต้องมีรางวัลติดมือให้ได้ แล้วก็ต้องเตรียมความพร้อมด้านร่างกายของตัวเองให้ดี อีกสัก 3-5 ปีข้างหน้าหวังว่าจะต้องติดท็อป 10 ของโลก เพื่อจะได้ไปแข่งในรายการซุปเปอร์ 1000 แบบรุ่นพี่”
นับว่าเป็นอีกหนึ่งนักกีฬาที่ชัดเจนในเป้าหมาย เจเจพร้อมจะเผชิญความท้าทายที่รออยู่เบื้องหน้าเพราะในเมื่อเป้าหมายที่ตั้งไว้นั้นยิ่งใหญ่ก็จำต้องก้าวไปให้ถึง
TAG ที่เกี่ยวข้อง