stadium

ลบฝันร้าย 8 ปีคืนความสำเร็จให้ ‘จตุภูมิ ชินวงค์’ จอมพลังเหรียญโอลิมปิก

9 ธันวาคม 2567

ชื่อของ ‘ก๊อต’ จตุภูมิ ชินวงค์ นักกีฬายกน้ำหนักทีมชาติไทยกลับมาปรากฏอยู่ตามหน้าสื่ออีกครั้ง ภายหลังจากที่มีกระแสข่าวว่าในการแข่งขันโอลิมปิก 2016 ที่กรุงริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ตรวจพบนักกีฬาใช้สารต้องห้ามในการแข่งขันเพื่อชิงชัย นำมาซึ่งข่าวใหญ่โตทั่วโลกว่าจะมีบทลงโทษโดยการยึดเหรียญรางวัลตามมา

 

หากเป็นเช่นนั้น ‘ก๊อต’ นักกีฬาที่คว้าอันดับ 4 ในการแข่งขันยกน้ำหนักรุ่น 77 กิโลกรัมชายครั้งนั้น มีโอกาสขยับอันดับขึ้นมาเพื่อคว้าเหรียญโอลิมปิกไปครองทันที ณ เวลานี้เรื่องราวที่เกิดขึ้นยังอยู่ในขั้นตอนของกระบวนการไต่สวน หากแต่เมื่อศาลกีฬาโลกมีคำวินิจฉัยออกมาว่ามีความผิดจริงทั้งหมดจะส่งผลให้ ‘ก๊อต’ สร้างประวัติศาสตร์ในการเป็นนักกีฬายกน้ำหนักชายคนแรกของไทยที่ได้รับเหรียญทองโอลิมปิก

 

แม้จะยังไม่มีการสรุปผลที่แน่ชัด แต่ ‘ก๊อต-จตุภูมิ’ ยังเชื่อมั่นว่าสิ่งที่เขาตั้งใจลงมือทำด้วยความบริสุทธิ์ใจจะไม่เสียเปล่า

 

 

1 กิโลแห่งความผิดหวัง

 

เส้นทางแห่งความฝันของก๊อตต้องจบลงด้วยความผิดหวังที่ตรึงใจ จากผลงานอันดับ 4 ของในโอลิมปิกเกมส์ถึงสองหนคือในปี 2012 ที่ลอนดอน และปี 2016 ที่ริโอ เดอ จาเนโร ความพ่ายแพ้เพียง 1 กิโลกรัมทำให้เขาพลาดเหรียญและรู้สึกเสียดายจวบจนวันนี้

 

ก๊อต เล่าว่า โอลิมปิก 2012 ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ เป็นเจ้าภาพ เป็นครั้งแรกที่เขาได้มีโอกาสสัมผัสกับมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ อาการตื่นเต้นยินดีมีไม่น้อย แต่ด้วยความพร้อมที่ตระเตรียมมาเป็นอย่างดี ทำให้ก๊อตหมายมั่นถึงการสร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญรางวัล

 

“ผมไปแข่งด้วยความมั่นใจว่ายังไงก็ต้องมีเหรียญแน่ๆ แต่พอไปแข่งแล้วเราแพ้เขาแค่ 1 กิโลกรัมเท่านั้น ผมจึงเสียใจมากเพราะอย่างที่บอกว่านี่คือการแข่งโอลิมปิกครั้งแรก ในช่วงก่อนแข่งผมได้ฟิตซ้อมและทำร่างกายของตัวเองดีมากๆ อีกทั้งสถิติมันก็ไม่หนีห่างกันมาก คือผมพลาดเองจากท่าคลีนแอนด์เจิร์กไม่ติดทั้งสองครั้ง ตอนนั้นผมจำได้ว่านั่งร้องไห้เป็นเด็กเลย”

 

ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น อาจด้วยประสบการณ์ที่ยังเป็นมือใหม่ในโอลิมปิก เขาเก็บเอามาเรียนรู้และฝึกฝนตนเองอย่างหนักเพื่อเป้าหมายเดิมในอีก 4 ปีข้างหน้า แต่เหมือนประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย โอลิมปิกที่ประเทศบราซิล ก๊อตบอกว่าโอลิมปิกครั้งนั้นจะเป็นครั้งสุดท้ายและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะปิดแมตช์การแข่งขันอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการก้าวขึ้นโพเดียมรับเหรียญรางวัล

 

“ผมได้ที่ 4 มาอีกครั้งก็ต้องบอกว่ามันเสียใจและผิดหวัง เพราะครั้งนี้ผมตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องติด 1 ใน 3 ให้ได้ และคิดว่าถ้าได้เหรียญมาแล้วก็จะเลิกเล่น แต่ก็ยังพลาดได้เพียงที่ 4 เท่านั้น หนนี้ทำน้ำหนักห่างจากอันดับ 3 ถึง 6 กิโลกรัม ถามว่ามันต่างกันมั้ยผมรู้สึกว่าที่ลอนดอนมันน่าผิดหวังที่สุด เพราะมันคือโอลิมปิกครั้งแรกและผมก็แพ้คู่แข่งแค่ 1 กิโลกรัม แต่ที่ริโอฯ ผมพอจะมีบทเรียนมาบ้างแล้วพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองไม่แสดงออกว่าเสียใจมากเกินไป”

 

โอกาสที่มารออยู่เบื้องหน้า แต่ก๊อตไม่สามารถคว้ามันได้เลยสักครั้งบวกกับอาการบาดเจ็บหนักทำให้ท้ายที่สุดเขาต้องวางมือจากการเป็นนักกีฬายกน้ำหนักไปโดยปริยาย

 

 

8 ปียังไม่สาย คืนความยุติธรรมและความสำเร็จ

 

จากความผิดหวังในปี 2016 กอปรกับอาการบาดเจ็บที่ติดตัวมา รวมถึงการที่ยกน้ำหนักไทยถูกแบนไม่ให้เข้าร่วมการแข่งขันในทุกระดับ ก๊อตจึงใช้โอกาสนี้ตัดสินใจวางมือจากการเป็นนักกีฬา แต่ด้วยศักยภาพอันเปี่ยมล้นที่มีอยู่ในตัวเขา ท้ายที่สุดแล้วได้รับการทาบทามจากสมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทยให้เข้าไปรับหน้าที่ผู้ช่วยผู้ฝึกสอนเพื่อถ่ายทอดวิชาและประสบการณ์ให้กับนักกีฬารุ่นน้องในแคมป์ทีมชาติ

 

ข่าวดีของก๊อตยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เมื่อมีรายงานจากสื่อต่างประเทศในช่วงหลายปีมานี้ คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ได้ทำการตรวจสอบย้อนหลังถึงเรื่องการใช้สารต้องห้ามในนักกีฬา และพบว่าในโอลิมปิก 2016 นักกีฬายกน้ำหนักกลุ่มที่ได้เหรียญรางวัลในรุ่น 77 กิโลกรัมชาย ซึ่งเป็นรุ่นที่ก๊อตลงทำการแข่งขันมีการใช้สารต้องห้ามเกิดขึ้น และเมื่อมีการยื่นเรื่องให้ศาลกีฬาโลกได้ทำการวินิจฉัยถึงความผิดที่เกิดขึ้นบทลงโทษที่ตามมาคือนักกีฬาที่ผิดจริงจะถูกริบเหรียญรางวัลที่ได้รับและอันดับจะถูกขยับทันที

 

นั่นเท่ากับว่า ‘ก๊อตจะมีสิทธิ์คว้าเหรียญ’ เมื่อผลการตัดสินเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

 

“มันย้อนไปนานมากน่าจะประมาณ 8 ปีที่แล้ว ตอนนั้นผมพอรู้ข่าวมาว่าอันดับ 1 ถูกตรวจโด๊ปแล้วอันดับจะต้องถูกขยับขึ้นไปทำให้ผมจะต้องได้เหรียญทองแดงผมรู้สึกดีใจมาก ๆ แต่ก็ยังไม่ชัวร์ว่าจริงหรือไม่ ผมก็ติดตามข่าวมาตลอด พอข่าวเงียบหายไปสักระยะจนเมื่อช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาผมก็พอทราบข่าวว่าอันดับ 1 และ 2 ถูกตรวจพบว่าใช้สารกระตุ้นแต่ทาง IOC ยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่สุดท้ายแล้วผลจะออกมาเป็นอย่างไร จะได้หรือไม่ ผมก็เคารพในการตัดสินใจของศาลกีฬาโลก”

 

กล่าวโดยสรุปและยึดตามคำพิพากษาของศาลกีฬาโลกล่าสุด แน่นอนแล้วว่า ‘นิจัต ราฮิมอฟ’ นักกีฬาจากคาซัคสถานที่ได้เหรียญทองในโอลิมปิก 2016 ถูกริบเหรียญไปเป็นที่เรียบร้อยตามคำพิพากษาของศาลกีฬาโลกเมื่อปลายปี 2023 ที่ผ่านมาทำให้อันดับถูกขยับขึ้นทำให้อันดับ 3 ตกเป็นของก๊อตไปโดยปริยาย

 

ยิ่งไปกว่านั้น ‘ลู่ เสี่ยวจุน’ นักกีฬาจากจีนที่ได้อันดับ 2 ในขณะนั้น ถูกตรวจพบสารต้องห้ามในกีฬาในปี 2022 และล่าสุดเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ‘โมฮัมเหม็ด อีฮับ’ นักกีฬาจากอียิปต์ยังถูกตรวจพบการใช้สารกระตุ้นเช่นกัน จากเหตุการณ์ดังกล่าว หากพบมูลความผิดจริงจะทำให้ ‘ก๊อต’ ก้าวขึ้นมาคว้าเหรียญทองโอลิมปิกทันที

 

“ถามว่าดีใจมั้ย ถ้าผลมันออกมาว่าเขาผิดจริงก็ดีใจมาก ๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ไปยืนรับเหรียญอยู่บนโพเดียมแต่ความรู้สึกของผมก็ดีใจที่สุดแล้วเพราะมันคือสิ่งที่ผมควรได้รับจากความพยายามและความบริสุทธิ์ใจ”

 

แม้ว่ายังไม่มีบทสรุปที่ชี้ชัดถึงความผิด หากแต่ยังมีความหวังและนั่นคือสิ่งที่ก๊อตคู่ควรจะได้รับ ในเมื่อขึ้นชื่อว่าเกมกีฬาต้องแข่งขันด้วยจิตวิญญาณความเป็นนักกีฬาโดยแท้จริง สู้อย่างยุติธรรม ไร้การเอาเปรียบและแพ้ชนะอย่างภาคภูมิ

 

 

โอกาสที่เสียไปกับมุมมองเกี่ยวสารกระตุ้น
 

“การแข่งขันกีฬาต้องมีความยุติธรรม ลงแข่งขันด้วยสปิริตของตัวเองเมื่อได้รับชัยชนะมันจะมีความภาคภูมิใจมากกว่าการใช้สารกระตุ้น ในประเด็นการใช้สารกระตุ้น ผมยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ”

 

ก๊อตยืนยันอย่างหนักแน่นเมื่อถามว่า การใช้สารกระตุ้นในนักกีฬามีมุมมองอย่างไร เขาบอกต่อด้วยว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหลายปี เรื่องของการตรวจหาสารต้องห้ามทางกีฬาทำให้เขาเสียโอกาสบางอย่างในชีวิต ทว่ามันผ่านไปแล้วและไม่สามารถกลับไปแก้ไขก็ต้องมองไปข้างหน้าว่าจะทำอย่างไรต่อไป เพราะตนรู้สึกว่าถ้ากระบวนการถูกต้องและยุติธรรมตั้งแต่เริ่มทุกอย่างจะไม่เป็นแบบนี้

 

“การใช้สารต้องห้ามมันไม่ถูกต้องตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ถือว่าเป็นการเอาเปรียบคู่ต่อสู้ ไม่ยุติธรรม หากคุณอยากได้เหรียญก็ต้องเตรียมร่างกายให้พร้อมและสู้กันด้วยสปิริตนักกีฬา แม้ว่าในปัจจุบันเทคโนโลยีและเครื่องมือในการใช้ตรวจสารกระตุ้นจะมีความล้ำสมัยมากขึ้นก็ตาม แต่ทั้งหมดนี้ผู้ฝึกสอนเองต้องให้ความรู้กับนักกีฬาเกี่ยวกับโทษและข้อห้ามในการใช้สารกระตุ้นสอดแทรกเข้าไปด้วยเพื่อเป็นการปลูกจิตสำนึกและสร้างวินัย …

 

... สำคัญที่สุดคือต้องจริงจังกับเรื่องนี้ด้วยเพื่อเป็นการพัฒนานักกีฬาอย่างรอบด้าน ผมพยายามสอนน้อง ๆ ทุกคนในแคมป์ทีมชาติเกี่ยวกับกฏและข้อห้ามในการใช้สารกระตุ้นอยู่เสมอ ซึ่งทางสมาคมฯ ยังได้มีการจัดอบรมให้ความรู้เรื่องนี้ทุก ๆ 3 เดือน ผมเองก็ให้กำลังใจน้อง ๆ ว่าควรไม่ควรทำอะไรทำให้เขาซึมซับ”

 

อีกประเด็นที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ หากแต่ในวันนั้นมีการตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนเกี่ยวเนื่องกับการใช้สารกระตุ้นในนักกีฬาโดยไม่ปล่อยผ่านให้กินเวลาล่วงนานเท่านี้ โอกาสในการใช้ชีวิตจะเป็นในทิศทางใด ก๊อตบอกว่า มันไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปช้าหรือเร็วท้ายที่สุดแล้วมันคือความภาคภูมิใจนี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด

 

“ผมไม่ยึดติดทั้งเรื่องงานและเงินเพราะผมเชื่อมันในพระเจ้าว่าท่านจะเป็นผู้ที่กำหนดเส้นทางชีวิตของเรา แต่ถามว่ามันสำคัญมั้ยก็จริงที่มันสำคัญ เพราะถ้าหากย้อนความรู้สึกกลับไปวันนั้นแล้วผมได้รับเงินอัดฉีดผมก็อาจจะกลายเป็นคนละคนกับตอนนี้ไปเลยก็ได้ อาจหลงระเริงไม่เป็นตัวเองแต่สุดท้ายแล้วผมก็ได้รับการบรรจุเป็นทหารอากาศยศจ่าอากาศตรีและยังมีหน้าที่การงานรองรับก็ไม่ถือว่าเป็นการเสียโอกาสในชีวิตเลยแม้แต่น้อย”

 

เมื่อถามว่า วางแผนชีวิตในอนาคตไว้อย่างไร ก๊อตตอบอย่างเรียบง่ายว่า หากผลการตัดสินของศาลฯ ออกมาว่าอันดับ 1 มีความผิดจริง ตัวเขาเองก็มีโอกาสจะได้รับเหรียญพร้อมกับเงินสนับสนุนจำนวนหนึ่ง แน่นอนว่าเขาจะนำไปซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยกับครอบครัว ส่วนที่เหลือก็จะนำไปต่อยอดชีวิตต่อไป

 

“ผมเป็นคริสเตียนและเชื่อมั่นในพระเจ้า ดังนั้นผมจึงยึดหลักความเชื่อที่ว่าพระเจ้าจะมีแผนการดำเนินชีวิตให้กับผมเสมอ พยายามไม่มองโลกในแง่ลบแล้วทุกอย่างพระเจ้าจะประทานให้เราเองซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้นไม่ว่าจะเรื่องเหรียญรางวัล การงาน การเงิน ชีวิตไม่ย่ำแย่และตระหนักรู้ว่าเราต้องทำอะไรอยู่กับปัจจุบันทำให้ผมสามารถโฟกัสไปที่หน้าที่รับผิดชอบในแต่ละวันของตัวเองได้อย่างเต็มที่ มีเป้าหมายชัดเจนในชีวิต” ก๊อตทิ้งท้าย ...


stadium

author

ปวีน เทพพวงทอง

StadiumTH Content Creator / เชียร์หงส์แดง รักการเดินป่า เสพติดหมูกระทะ

โฆษณา