stadium

เจสสิก้า เอนนิส-ฮิลล์ คุณแม่พันธุ์อึด

17 มีนาคม 2563

การเป็นแม่เปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตและความรับผิดชอบของผู้หญิงทุกคนไปโดยสิ้นเชิง สิ่งหนึ่งที่ตามมาทันทีนับตั้งแต่วินาทีแรกที่รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์คือสำนึกแห่งความเป็นแม่ซึ่งเป็นแรงกดดันที่ต้องแบกรับ แต่หากคุณเป็นนักกีฬา สิ่งที่คุณจะเผชิญในการมีลูกนั้นมากมายเหลือคณานับ

 

นอกจากบทบาทหน้าที่ในการเป็นแม่แล้ว คุณยังต้องรักษาสมดุลกับการใช้ชีวิตแบบนักกีฬาอาชีพหากต้องการลงแข่งขันต่อไป รวมทั้งต้องรักษาระดับผลงานไม่ให้ตกลงไปกว่าเดิม ซึ่งมันเป็นเรื่องยากที่จะทำได้แบบนั้น เพราะสภาพร่างกายย่อมไม่เหมือนเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชนิดกีฬาที่ต้องอาศัยความแข็งแกร่ง

 

อย่างไรก็ตามมีคุณแม่คนหนึ่งที่ทำได้ และทำได้ดีเสียด้วย

 

จุดเริ่มต้นแห่งความยิ่งใหญ่

เจสสิก้า เอนนิส สาวน้อยจากเมืองเชฟฟิลด์ของอังกฤษ ตกหลุมรักในกีฬากรีฑาตั้งแต่อายุ 13 ปี หลังจากได้ไปเข้าแคมป์กรีฑาท้องถิ่น โดยเธอได้รู้จักกับ โทนี่ มินิคิเอลโล่ ที่กลายมาเป็นโค้ชคู่ใจตลอดอาชีพในตอนนั้นเอง ซึ่งหลังจากเธอได้รับการโค้ชเพียงระยะเวลาสั้นๆ เจสสิก้าก็ตัดสินใจเข้าร่วมทีมกรีฑาของเมืองเชฟฟิลด์ และอยู่ในสังกัดจนถึงวันรีไทร์ในปี 2016

 

 

ด้วยความสามารถและพรสวรรค์ที่โดดเด่น เจสสิก้าประสบความสำเร็จตั้งแต่การแข่งขันในรุ่นเยาว์ ก่อนจะมีส่วนร่วมในรายการระดับเยาวชนนานาชาติมากมาย ซึ่งเธอสามารถคว้าเหรียญรางวัลไปคล้องคอได้ตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 18 ปี

 

ขณะเดียวกัน เจสสิก้า ยังให้ความใส่ใจกับการศึกษา โดยหลังจบไฮคูล เธอได้เข้าไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยแห่งเชฟฟิลด์ ในสาขาจิตวิทยา ซึ่งหลังจากคว้าเหรียญทองแดงจากการลงแข่งสัตตกรีฑา ใน คอมมอนเวลธ์ เกมส์ ปี 2006 เธอก็จบการศึกษาและเริ่มต้นชีวิตนักกีฬาอาชีพอย่างเต็มตัว

 

จากอาการบาดเจ็บหนักสู่เหรียญทองโอลิมปิก

ระหว่างที่เตรียมความพร้อมเพื่อลงแข่งโอลิมปิกหนแรกในชีวิตของตัวเองเมื่อปี 2008 เจสสิก้าก็ต้องเจอกับอาการบาดเจ็บในระดับที่ส่งผลต่ออาชีพ โดยเธอกระดูกเท้าขวาแตกทำให้ต้องถอนตัวจากการไปลงแข่งที่กรุงปักกิ่ง รวมทั้งต้องพักยาวถึง 12 เดือน ซึ่งเธอใช้เวลานั้นฟิตร่างกายอย่างหนัก เพื่อให้ตัวเองกลับมาลงแข่งได้ในระดับเดิมอีกครั้ง

 

สุดท้ายความพยายามก็ไม่เคยทำร้ายใคร เจสสิก้า กลับมาลงแข่งและคว้าแชมป์โลกสมัยแรกได้สำเร็จในปี 2009 ตามด้วยแชมป์ยุโรปปี 2010 และป้องกันแชมป์โลกได้สำเร็จในปีต่อมา อย่างไรก็ตามรายการที่ทำให้เธอขึ้นหิ้งเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของวงการกีฬาคือการคว้าเหรียญทองโอลิมปิก ปี 2012 ที่บ้านเกิด

 

 

คงไม่ต้องบรรยายว่าบรรยากาศใน โอลิมปิก สเตเดี้ยม ขณะนั้นมันสุดยอดเพียงใด เพราะ เจสสิก้า ได้ชื่อว่าเป็นขวัญใจของคนทั้งประเทศ จึงมีผู้คนให้กำลังใจกันอย่างล้นหลาม และเมื่อเธอเข้าเส้นชัยเป็นคนแรกในการแข่งสัตตกรีฑาอีเวนต์สุดท้ายคือ 800 เมตร เสียงของผู้ชมก็ดังกระหึ่มไปทั่วกรุงลอนดอน

 

การเป็นแม่ และการอำลาวงการ

การเป็นแชมป์โอลิมปิก เป็นจุดเปลี่ยนไปสู่บทบาทใหม่ในอาชีพของ เจสสิก้า รวมถึงการได้รับความสนใจจากสื่อและการทำกิจกรรมนอกสนาม ขณะเดียวกันเธอก็ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้น MBE สำหรับการอุทิศตนให้กับวงการกีฬา

 

ขณะเดียวกัน ถึงแม้อาการบาดเจ็บจะทำให้เธอไม่ได้ป้องกันแชมป์โลกในปี 2013 แต่ เจสสิก้า ก็มีการเปลี่ยนแปลงอื่นในชีวิต หลังตัดสินใจแต่งงานกับ แอนดี้ ฮิลล์ ในปี 2013 และให้กำเนิด เรจจี้ บุตรคนแรกในปีต่อมา

 

แน่นอนว่า การคลอดลูกสร้างภาระให้กับร่างกายอย่างมาก และการจะฟื้นฟูให้กลับมาแข็งแรงสมบูรณ์เหมือนเดิมต้องใช้เวลาไม่น้อย เจสสิก้า ไม่ได้ลงแข่งตลอดทั้งฤดูกาล 2014 โดยคลอดลูกในเดือนกรกฎาคม แต่กลับมาฝึกซ้อมอย่างเต็มรูปแบบในเดือนตุลาคม และกลับมาแข่งอีก 7 เดือนต่อมาเพื่อเป้าหมายคือศึกชิงแชมป์โลกที่กรุงปักกิ่ง และ โอลิมปิก เกมส์ ที่บราซิล ในปี 2016

 

 

เจสสิก้า ใช้เวลาแค่ 15 เดือนหลังจากการคลอดลูก กลับมาคว้าแชมป์โลกได้เป็นสมัยที่ 3 จากนั้นใน ริโอ เกมส์ ปีต่อมา เธอเกือบป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ หลังคว้าเหรียญเงินโดยแพ้ นาฟิสซาตู เธียม เจ้าของเหรียญทองจากเบลเยียม เพียงแค่ 35 คะแนนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หลังจบการแข่งขัน เจสสิก้า ก็ประกาศอำลาวงการ

 

ชีวิตหลังรีไทร์ และความลับที่ไม่เคยเปิดเผย

หลังปิดฉากอาชีพนักกรีฑาที่ทำมานานกว่า 10 ปี เจสสิก้า ก็ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้น DBE พร้อมกับการก้าวสู่บทใหม่ของชีวิต รวมถึงการให้กำเนิด โอลิเวีย ลูกคนที่ 2 โดยเธอและครอบครัวยังคงอาศัยอยู่ในเมืองเชฟฟิลด์ พร้อมกับการทำหน้าที่เป็นแบบอย่างให้กับคนรุ่นใหม่ ทั้งการจัดเคมแปญเพื่อองค์กรการกุศลและสร้างแรงบันดาลใจต่อผู้อื่นให้หันมาดูแลสุขภาพ นอกจากนั้น เจสสิก้า ยังเขียนหนังสือชุดสำหรับเด็กอีกด้วย

 

 

ขณะเดียวกัน เจสสิก้า ได้ออกมาเปิดเผยความลับด้วยว่า ความจริงแล้วหลังจากมีลูก การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนส่งผลต่อตัวเธออย่างมาก โดยเฉพาะอาการบาดเจ็บที่เอ็นร้อยหวาย รวมทั้งภาวะวิตกกังวลของคนเป็นแม่ ซึ่งมันทำให้เธอเคยคิดที่จะล้มเลิกแผนกลับมาลงแข่ง ยุติความฝันที่จะป้องกันแชมป์โอลิมปิก แต่เมื่อคิดถึงสิ่งที่เธอต้องแลกมันมาโดยเฉพาะการได้อยู่กับลูกแล้ว เธอต้องการใช้เวลาและพลังงานที่มีอย่างคุ้มค่าที่สุด นอกจากนั้นเธอยังตัดสินใจเข้ารับการปรึกษาจากนักจิตวิทยาทางกีฬาอยู่บ่อยครั้ง เพื่อรักษาสมดุลของการใช้ชีวิตทั้งสองบทบาทคือการเป็นแม่และนักกีฬาที่เตรียมตัวลงแข่งโอลิมปิก ก่อนที่สุดท้ายเธอจะทำทั้ง 2 หน้าที่นั้นได้อย่างน่าชื่นชม


TAG ที่เกี่ยวข้อง

stadium

author

ไทเกอร์ วืด

StadiumTH Content Creator