stadium

ทนงศักดิ์ แสนสมบูรณ์สุข จากอดีตที่สิ้นหวังสู่การคัมแบ็กอีกครั้ง

17 ตุลาคม 2567

ย้อนกลับไปเกือบ ๆ 10 ปีก่อนแวดวงกีฬาไทยโดยเฉพาะวงการแบดมินตันต่างซูฮกให้กับ ‘สอง’ ทนงศักดิ์ แสนสมบูรณ์สุข นักแบดมินตันทีมชาติไทยที่สามารถคว้าแชมป์ใหญ่ในรายการระดับซูเปอร์ซีรี่ส์อย่าง เดนมาร์ก โอเพ่น เมื่อปี 2016 มาครองได้สำเร็จ การคว้าแชมป์ในรายการดังกล่าวทำให้สองกลายเป็นนักแบดมินตันประเภทชายเดี่ยวความหวังของคนไทย

 

ด้วยขวบวัย 26 ปีในช่วงเวลานั้นกับความสามารถที่ก้าวไปถึงแชมป์รายการใหญ่ ทำให้อันดับโลกกระโดดจากมือ 12 ขึ้นมาเป็นมือ 9 ของโลกทันที ทุกสายตาจับจ้องและเต็มไปด้วยความคาดหวังว่า “สอง” จะก้าวมาเป็นมือหนึ่งของไทยและรับช่วงต่อจาก ‘แมน’ บุญศักดิ์ พลสนะ

 

ทว่า เส้นทางที่เขาดำเนินไปไม่เป็นไปตามภาพฝัน เขาต้องเกือบหันหลังให้กับวงการลูกขนไก่ จุดเปลี่ยนชีวิตที่ยากจะทำใจยอมรับทำให้สองไม่มีแม้แต่ทางเลือกจนนำไปสู่การวางมือ แต่วันนี้เขาประกาศจะคัมแบ็กด้วยไฟที่กลับมาลุกโชนอีกครั้ง ชีวิตที่ผ่านมาเป็นอย่างไร และสิ่งใดคือแรงบันดาลใจของการหวนคืนวงการ ติดตามได้ที่นี่

 

 

สร้างปรากฏการณ์สะเทือนวงการแบดฯ ไทย

 

อย่างที่ทราบกันดีว่า ‘สอง’ สามารถเถลิงบัลลังก์แชมป์ในรายการซูเปอร์ซีรี่ส์อย่าง ‘เดนมาร์ก โอเพ่น 2016’ ได้สำเร็จ ทว่าก่อนหน้านั้นเขาต้องพานพบกับความยากลำบากในการก้าวขึ้นสู่คำว่า ‘แชมเปี้ยน’ สองเล่าว่า ทุกกระบวนการถูกเซ็ตขึ้นมาด้วยตนเองทั้งสิ้น แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้นมาจากความพร้อมที่เขาเตรียมตัวมาอย่างประณีตโดยไร้ผู้ฝึกสอนข้างกาย แม้ว่ามันจะดูเป็นเรื่องที่ยากลำบากแต่เขาพร้อมที่จะเผชิญกับความท้าทาย

 

“ในช่วงนั้นต้องบอกว่าสภาพร่างกายสมบูรณ์เต็มที่และเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจเพราะก่อนหน้านั้นผมเพิ่งได้แชมป์ในรายการไทยแลนด์ โอเพ่น มาด้วยทำให้มีความพร้อมในระดับหนึ่ง ระหว่างการแข่งขันผมคิดแค่ว่าทำไปทีละรอบไม่ได้หวังไกลถึงขนาดต้องคว้าแชมป์ แต่ผลงานมันออกมาดีเกินคาด ยิ่งไปกว่านั้นในช่วงที่ทำการแข่งขันตรงกับช่วงที่คนไทยกำลังโศกเศร้าไปกับการเสด็จสวรรคตของในหลวง รัชกาลที่ 9 ผมก็เลยถวายแชมป์นั้นให้กับในหลวง ซึ่งมันคือความภาคภูมิใจอย่างหนึ่งในชีวิต”

 

สองเพิ่มเติมว่า การเตรียมตัวในช่วงนั้น สภาพร่างกายของเขามีความพร้อมที่สุด เมื่อองค์ประกอบทุกอย่างลงตัวจึงทำให้ตนเองมีความมั่นใจมากขึ้น

 

“ถามว่าประหม่ามั้ยก็ไม่ใช่โดยสิ้นเชิง เพราะเรายังสามารถทำผลงานอยู่ในมาตรฐานเพราะก่อนแข่งในแต่ละรอบผมจะโทรฯ ปรึกษากับโค้ชอยู่ตลอดแม้จะไม่ได้มาสั่งการข้างสนามก็ตาม แต่นั่นคือไกด์ไลน์ที่ทำให้เราสามารถแก้ไขสถานการณ์ในระหว่างทำการแข่งขันได้ว่าต้องเล่นยังไง แก้ยังไง”

 

จากความมุ่งมั่นผนวกความมั่นใจและแรงผลักดันที่หวังจะถวายแชมป์เพื่อในหลวงรัชกาลที่ 9 ทำให้สองสามารถสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักแบดมินตันชายเดี่ยวคนแรกที่คว้าแชมป์รายการซูเปอร์ซีรี่ส์ได้สำเร็จ จนเป็นที่มาของคำว่า “นักกีฬาของพระราชา” 

 

 

จากตัวความหวังสู่การหันหลังให้ลูกขนไก่

 

การคว้าแชมป์เดนมาร์ก โอเพ่น สร้างแรงกระเพื่อมให้กับวงการแบดมินตันไทย ไม่ใช่แค่การเป็นนักกีฬาคนแรกที่สามารถคว้าแชมป์ระดับซูเปอร์ซีรี่ส์ นอกเหนือจากนั้นคือการก้าวสู่การเป็นมือวางอันดับ 9 ของโลกและปลุกความหวังให้กับแบดชายเดี่ยวไทย

 

หากมองภาพรวมเราคงคิดว่าสองคือนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จ ทว่าเบื้องหลังความสำเร็จนั้นกระอักกระอ่วนพอตัว

 

สองเล่าว่า ในระหว่างที่ตนเองต้องออกไปทำการแข่งขันต่างประเทศนั้นค่าใช้จ่ายเขาต้องควักกระเป๋าเองทั้งหมด แต่เขามองว่าเป็นเรื่องปกติของนักกีฬาที่ไม่ได้อยู่ภายใต้สมาคมฯ จำต้องตระเวนหาผู้สนับสนุนเพื่อเซ็นสัญญาเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินทุน

 

“แน่นอนว่าหากเปรียบเทียบกับนักกีฬาสมัยนี้ การเข้าหาสปอนเซอร์มันทำได้ง่ายกว่าเพราะว่าแบดมินตันมันบูมแล้ว ส่วนสมัยนั้นแม้ว่าเราจะทำผลงานได้ดีแค่ไหน เงินทุนจากผู้สนับสนุนรายใหญ่ ๆ ก็ยังไม่มีเข้าเหมือนทุกวันนี้ ต้องยอมรับว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว”

 

จากสภาพปัญหาด้านเงินทุนทำให้รายจ่ายรัดตัว บวกกับสถานการณ์โควิด-19 ระบาดหนักทำให้สองไม่สามารถออกไปทำการแข่งขันต่างประเทศได้เลย ซ้ำร้ายไปกว่านั้นปัญหาอาการบาดเจ็บที่รุมเร้ามาตั้งแต่จบทัวร์นาเมนต์ใหญ่ทำให้สองเริ่มมีความคิดที่จะวางมือ

 

“หลังจากนั้นก็มีรายการแข่งขันมาเรื่อย ๆ แต่ว่ามีอาการบาดเจ็บอย่างรุนแรงที่หัวไหล่ต้องใช้เวลารักษานานถึง 6 เดือนซึ่งก็ไม่หายแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นมันมาจากปัจจัยหลาย ๆ อย่างจนเกิดการสะสมและส่งผลทำให้ผลงานเริ่มดร็อปลงไป อย่างที่เราเข้าใจกันว่าเมื่อนักกีฬามีอาการบาดเจ็บก็ต้องรักษาให้กลับมาเป็นปกติแต่ผมไม่ใช่แบบนั้น ผมเลยคิดว่าควรพักก่อนดีกว่ามั้ย”

 

เป็นคำถามที่สองพยายามค้นหาคำตอบ ท้ายที่สุดแล้วเขาต้องหันหลังให้กับความหวังและจางหายไปตามความรู้สึก

 

“มันเป็นช่วงเวลาที่ผมดาวน์มาก ๆ อยู่ ๆ มันก็หมดไฟไปเอง เบื่อ บาดเจ็บและค่าใช้จ่าย ซ้อมก็ไม่เต็มที่ มันซ้ำซากจำเจและเป็นการข้องเกี่ยวกันพอดี มีทั้งปัจจัยภายนอกและภายในมันเลยทำให้ผมอยากเลิก ขนาดไม้แบดฯ ยังไม่อยากจะแตะมันเลย”

 

 

ออกท่องโลกตามหาชนวนเพื่อจุดไฟแห่งความหวัง

 

ภายหลังจากที่วางมือไปกว่า 3 ปี สองเริ่มออกเดินทางเพื่อหลีกหนีความซ้ำซากเบื่อหน่าย เขาใช้เวลาในช่วงนั้นหมดไปกับการท่องเที่ยวรอบโลก พร้อม ๆ กับหาคำตอบให้กับตนเอง

 

“ผมหันไปทำธุรกิจส่วนตัวบ้างกระทั่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา (2024) ผมมีโอกาสได้เดินทางไปอเมริกาด้วยความที่เริ่มเบื่อแล้วและเพื่อเป็นการหาสิ่งใหม่ ๆ พอดีมีคนทาบทามให้ผมไปสอนแบดมินตัน ผมจึงตกปากรับคำเพราะว่าอยากเติมไฟให้ตัวเองและเทสต์ตัวเองด้วยว่ายังไหวอยู่มั้ย” 

 

สองบอกต่อว่า การได้ไปใช้ชีวิตที่อเมริกา เสมือนเป็นการเปิดประสบการณ์ชีวิตในรูปแบบใหม่ เขายอมรับว่าการดำเนินชีวิตที่นั่นมันให้ผลลัพธ์ที่ดีทำให้สองกลับมามีไฟแห่งความหวังอีกครั้ง

 

“ผมอยู่กับแบดมินตันมาทั้งชีวิต พอได้กลับมาจับไม้แบดฯ มันทำให้ผมรู้ได้ว่าเรายังไหวอยู่ อีกอย่างอาการบาดเจ็บที่เคยรบกวนก็หายขาดโดยสมบูรณ์ ผมจึงเริ่มกลับมาฟื้นฟูร่างกายตัวเอง สิ่งที่กระตุ้นให้ผมมีความหวังในช่วงที่เป็นโค้ชคือการได้เจอนักกีฬา ได้เจอน้อง ๆ ที่มันหลากหลาย ผมถือว่าเป็นแรงผลักดันที่ดีที่ทำให้ผมมีความคิดที่จะกลับมาในวงการแบดมินตันอีกครั้งและคิดว่าน่าจะทำได้”

 

สองกลับมาฟิตซ้อมตนเองอย่างหนักและตั้งใจว่าจะกลับมาลงสนามแข่งขันอีกครั้งในช่วงปลายปีนี้ นอกจากสภาพร่างกายที่สมบูรณ์แล้วสองยังบอกด้วยว่า ประสบการณ์ที่มีอยู่น่าจะช่วยให้ประสบความสำเร็จแม้จะอยู่ในวัย 34 ปีแล้วก็ตามที

 

“สำหรับผมไม่ได้คาดหวังว่าการกลับมาครั้งนี้จะต้องได้แชมป์รายการใดรายการหนึ่ง ขอแค่ทำให้เต็มที่แม้จะอายุมากแล้วแต่ผมเชื่อถ้าเรามีการดูแลสภาพร่างกายดี ๆ ซ้อมดี ๆ มีทีมงานมืออาชีพผมว่าน่าจะเล่นได้อีก 2-3 ปี ถามว่าเรื่องอายุมันจะมีผลมั้ยมันก็มีบ้าง แต่ผมมั่นใจว่าด้วยทีมงานและสภาพร่างกายของผมพร้อมมาก ๆ แต่อาจจะต้องทำงานหนักกว่าคนอื่นหน่อยเพราะนักกีฬาจะเป็นแบบนี้คือถ้ายิ่งอายุมากขึ้นก็ต้องซ้อมให้หนักมากขึ้น ซึ่งผมก็มีความพร้อมและมุ่งมั่นกับตรงนี้เพราะในเมื่อตัดสินใจกลับมาแล้วก็ต้องทำให้เต็มที่”

 

สองย้ำด้วยว่า ในระหว่างนี้เขาเองนั้นก็พยายามหาสปอนเซอร์หรือผู้สนับสนุนไปพร้อมกันด้วย เนื่องด้วยความสำคัญด้านเงินทุนเขาเชื่อว่าหากเป็นไปในทิศทางที่ดี การกลับมาครั้งนี้อาจต่อยอดไปไกลในเส้นทางแบดมินตัน


stadium

author

ปวีน เทพพวงทอง

StadiumTH Content Creator / เชียร์หงส์แดง รักการเดินป่า เสพติดหมูกระทะ