stadium

"สุ ปารียา" พรหมลิขิตสู่เส้นทางนักวิ่งทีมชาติไทย I STADIUMTH

20 พฤษภาคม 2567

กลับคืนสู่วงการวิ่งถนนอย่างเต็มตัวอีกครั้งในปี 2566 สำหรับ "สุ ปารียา สนเส็ม" อดีตนักทวิและไตรกีฬาทีมชาติไทย ที่วางมือจากวงการ เข้าสู่การแข่งวิ่งถนนอย่างเต็มตัว และเหมือนพรหมลิขิตกำหนดไว้ ให้เธอกลับเข้าสู่เส้นทางทีมชาติไทยอีกครั้ง 

 

 

เด็กสาวจากภาคใต้ผู้รักการวิ่ง

 

เกิดที่สงขลา โตที่พัทลุง เข้าสู่โลกของการวิ่งครั้งแรกตอนมัธยม เส้นทางชีวิตของสุ เข้าสู่เส้นทางของการเป็นนักกีฬาทีมชาติไทยตั้งแต่ตอนนั้น ที่โรงเรียนปากพะยูน จังหวัดพัทลุง คือ สถานที่แรกที่ทำให้สุ หยิบรองเท้าออกมาวิ่ง

 

"หนูอยากเรียนนักศึกษาวิชาทหาร เขาต้องสอบวิ่ง หนูก็อยากสอบติด เลยวิ่งมาตั้งแต่ตอนนั้น แรกๆ วิ่งไม่ได้ ครูก็ให้เดินก่อน จนวิ่งดีขึ้น งานวิ่งแรกเป็นงานแข่งถนน 5 กิโลเมตร แข่งชนะและได้เงินรางวัล ดีใจมาก เลยชอบการวิ่งมาตั้งแต่ตอนนั้น"

 

สำหรับนักเรียนในจังหวัดพัทลุง กีฬาวิ่งถือว่าโดดเด่นมาก เด็กทุกคนหันมาวิ่งกันมาก ยิ่งทำให้สุมุ่งมั่นกับการซ้อม จนวันหนึ่ง โชคชะตาก็พาเธอเข้าสู่โลกแห่งทวิกีฬา

 

"ก็มีนายกฯ สมาคมทวิกีฬามาหาเด็กที่โรงเรียนหนู อยากหาเด็กไปเป็นทีมชาติ หนูเลยได้เข้าไปเก็บตัว ตอนอายุ 17 ประมาณ ม.6 หนูก็ไปซ้อมจักรยาน ซ้อมว่ายน้ำ เพื่อไปแข่งงานแรกคือเอเชียนบีช ภูเก็ต"

 

นั่นคือช่วงเวลาย้อนไปเกือบ 10 ปี ในปี 2014 ภูเก็ตได้เป็นเจ้าภาพเอเชียนบีช การแข่งขันกีฬาชายหาดและกีฬาทางน้ำที่รวมประเทศเอเชียเอาไว้ 43 ประเทศ กลายเป็นเดบิวต์แรกในฐานะนักกีฬาทีมชาติไทย ของสุ ปารียา ในฐานะนักทวิกีฬา

 

"ตอนแรกที่ติด ยังไม่ค่อยรู้อะไร ไม่รู้ว่าต้องเจออะไรบ้าง แบบเด็กบ้านนอกเลย ซ้อมหนักมาก ตื่นเต้นด้วย ได้ลงแข่งแบบทีมผสม จบอันดับที่ 4"

 

 

ความผิดหวังจากไตรกีฬา

 

แต่เพราะขณะนั้นซีเกมส์ยังไม่บรรจุทวิกีฬาอยู่ในรายการแข่งขัน เส้นทางทีมชาติของสุจึงยังต้องมุ่งไปที่ไตรกีฬา ซึ่งทำให้ต้องฝึกว่ายน้ำด้วย จากคนที่ว่ายน้ำไม่ได้เลยต้องมาทุ่มเทเพื่อทำหน้าที่นักไตรกีฬาทีมชาติ

 

"ก็ฝึกว่ายน้ำตั้งแต่ไม่เป็นเลย เพื่อไปไตรกีฬาซีเกมส์ที่สิงคโปร์ ปี 2015 ตอนแรกตื่นเต้นดีใจ แต่พอซ้อมเหนื่อยมาก ท้อมาก เพราะไม่ถนัดว่ายน้ำเลย ทุ่มกับว่ายน้ำไปเยอะ พอไปแข่งทำผลงานได้ไม่ดี ก็ผิดหวังมาก เสียใจ ท้อ ร้องไห้ ที่ไม่ได้ตามเป้า"

 

ความผิดหวังในวันนั้น แม้จะทำให้ท้อบ้าง แต่ความเป็นนักกีฬาที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม ยังทำให้สุกลับมาพยายามต่อไป และซีเกมส์ครั้งถัดมา ที่อินโดนีเซีย ในปี 2019 สุ ก็กลับไปพัฒนาตัวเอง เพื่อแข่งไตรกีฬาในนามทีมชาติไทยอีกครั้ง

 

"ก็ตื่นเต้นกว่าเดิม ยังติดเรื่องว่ายน้ำเหมือนเดิม แต่นายกสมาคมอยากให้ไปหาประสบการณ์ เราเองก็รู้ว่าไม่ใช่ตัวความหวัง แต่มีโควตาก็ทำให้เต็มที่ ถึงจะไม่ติดเหรียญกลับมา"
 

 

สู่การเป็นนักทวิกีฬาทีมชาติไทย

 

ซีเกมส์ 2019 ที่ฟิลิปปินส์ ได้กลายเป็นปีแรกที่บรรจุทวิกีฬาในรายการแข่งขัน สุจึงได้รับโอกาสสำคัญในกีฬาที่เธอถนัดกว่า เนื่องจากมีพื้นฐานวิ่งดีอยู่แล้ว เสริมการปั่นจักรยานที่ใช้ทักษะใกล้เคียงกัน ทำให้เธอกลับไปสวมชุดทีมชาติไทยด้วยความมั่นใจ

 

"ตั้งใจมากค่ะ แล้วก็ทำได้ ได้ 1 เหรียญทองแบบทีม และ 1 เหรียญเงินแบบเดี่ยว ระยะสแตนดาร์ด ดีใจที่ได้ทำตามความฝัน แล้วสำเร็จ ทำให้สมาคมภูมิใจ เพราะเขาตั้งใจกับเรามาก หนูเองก็ภูมิใจมาก แม่ก็ภูมิใจ เพราะเขารู้ว่าที่ผ่านมาหนูท้อแค่ไหน"

 

สุเล่าว่า ตอนซ้อมไตรกีฬาในการว่ายน้ำ เธอเคยโทรศัพท์ไปหาแม่ระบายความรู้สึกท้อใจ และร้องไห้ เพราะคิดว่าตัวเองคงไปในเส้นทางนี้ไม่ได้แล้ว แม่ก็เข้าใจ และเคยบอกให้กลับบ้านที่พัทลุง

 

"หนูร้องไห้ ตอนซ้อมว่ายน้ำมันหนักมาก แม่บอกว่าเข้าใจ แต่อยากให้ทำให้เต็มที่ก่อน พอทำได้ที่ฟิลิปปินส์ แม่ก็ภูมิใจมาก เงินรางวัลหนูก็เอาไปสร้างบ้านให้แม่ ตอนนั้น หนูบอกแม่ว่าจะให้เงิน แต่แม่อยากให้หนูเก็บไว้"

 

 

ความรักในการวิ่ง

 

การได้รับเหรียญจากทวิกีฬาในซีเกมส์และการพบรักกับสามี ออด ธนชาติ กองอุดม (นักทวิและไตรกีฬาทีมชาติไทย) เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้สุ ตัดสินใจเลิกเล่นทีมชาติ และออกจากสมาคมไตรกีฬาและทวิกีฬา เพื่อหันมาสู่วงการวิ่งถนนแบบเต็มตัว

 

"ชอบวิ่งมากกว่าอยู่แล้ว ก็เลยออกมาเป็นนักวิ่งเต็มตัว แฟนหนูที่เจอกันที่สมาคมไตร ก็พาไปหาแข่งงานวิ่ง ได้ไปหลายจังหวัด กับแข่งไตรไปด้วย ได้เที่ยวและเก็บเงินไปด้วย สนุกมาก มีความสุข"

 

ณ วันนั้น ผ่านมา 6 ปี สุได้เข้ามารู้จักกับแคมป์ทางไกลทีมชาติไทย ที่ดูแลโดยบุญถึง ศรีสังข์ ตำนานและโค้ชทางไกลไทย ที่สนิทสนมกับออด ทำให้สุเข้ามาสู่เส้นทางการกลับมาเป็นทีมชาติอีกครั้ง

 

 

2023 ปีที่พีคที่สุดในฐานะนักวิ่ง

 

ช่วงโควิดระบาด สุพักไปมีครอบครัว แต่ยังซุ่มซ้อมวิ่งต่อเนื่อง กระทั่งพร้อมลงสนาม สุก็กลับสู่โลกการวิ่งถนนอีกครั้ง "พอกลับมาวิ่ง ก็เป็นช่วงพีคพอดี ได้มาซ้อมกับพี่ถึง (บุญถึง ศรีสังข์) ที่เชียงใหม่ พี่ถึงก็ผลักดันให้เข้ามาซ้อมในสมาคม"

 

"เหมือนโชคชะตาพาให้หนูเป็นทีมชาติอีกครั้ง" สุบอก จากวันนั้น ผ่านมา 2 ปีแล้ว ปัจจุบัน สุอายุ 27 ปี เก็บตัวในแคมป์ทางไกลทีมชาติไทย จากคนหมดไฟ ก็กลับมาคว้าถ้วยรายวัลในงานวิ่งถนนใหญ่ๆ มากมาย และได้เป็นตัวแทนทีมชาติไทยในฐานะนักวิ่งไปแข่งรายการต่าง ๆ ในต่างประเทศ

 

"เป้าหมายอยากเก็บเงิน และทำเวลาให้ดีไปเรื่อยๆ อยากรู้ว่าตัวเองจะพัฒนาได้แค่ไหน หลังมีลูกหนูไม่เคยคิดว่าจะกลับมาได้ ตอนนั้นน้ำหนักขึ้นมา 20 โล แต่ตอนนี้กลับมาพีคได้ พี่ถึงคอยดูแลดีมาก ไม่ให้ซ้อมหนักเกินไป วางแผนทั้งซ้อมและแข่ง หนูก็มีเวลาดูแลลูกได้"

 

รายการต่อไป สุ ปารียา จะลงแข่งกีฬามหาวิทยาลัย ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน ในรายการแข่งขันที่ถนัดที่สุด คือ 10000 เมตร และ 5000 เมตร พร้อมท้าทายการกลับมาติดทีมชาติไทย ในซีเกมส์ ประเทศไทย ปี 2025 รอติดตามไปพร้อมกัน


stadium

author

ทีมงานเพจนักวิ่งมีหนวด

เพจเรื่องวิ่งที่แอดมินมีหนวด ทำข่าววิ่ง ชอบป้ายยา ขิงรองเท้าเสื้อผ้าวิ่ง