stadium

พรชัย เค้าแก้ว : ราชาตำนานลูกหวายไทย

21 กันยายน 2566

หนึ่งในนักกีฬาไทยที่ประสบความสำเร็จแทบทุกอย่าง ไปแข่งรายการไหนก็กวาดเหรียญรางวัลจนล้นมือสำหรับ “ปุ้ย” พรชัย เค้าแก้ว นักกีฬาเซปักตะกร้อทีมชาติไทย แน่นอนว่าถ้าหากมองที่ปลายทางทุกวันนี้ เขาคือบุคคลต้นแบบและเป็นไอดอลให้กับเด็กๆเยาวชนที่หลงใหลในกีฬาตะกร้อ ที่ใครๆก็อยากที่จะประสบความสำเร็จให้ได้ครึ่งนึงของพรชัย แต่ใครจะรู้ว่ากว่าจะมาเป็น “ราชาหน้าตาข่าย” ทุกอย่างล้วนผ่านการฝึกซ้อมฝึกฝนอย่างหนัก วันนี้Stadium Th จะพาย้อนดูจุดสตาร์ทของตำนานลูกหวายไทยกัน

 

 

ความหวังของผู้บ้าน

 

เด็กอีสาน ชาวอำเภอแวงน้อยจากจังหวัดขอนแก่นเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตกเย็นวัยรุ่นในชุมชนจะมาออกกำลังกายในช่วงเย็นเป็นประจำ หลีกเลี่ยงไม่ได้ว่ากีฬาสุดฮิตในท้องถิ่นก็คือ เซปักตะกร้อ

 

“หมู่บ้านของผมเป็นหมู่บ้านเล็กๆในต่างจังหวัดครับ ปกติจะมีพี่ๆเขาเล่นตะกร้ออยู่ที่สนามดินกันทุกวัน เป็นจุดที่ผมต้องเดินผ่านหลังกลับจากโรงเรียน มันก็เหมือนเป็นการซึมซับเข้ามาในตัวเองครับ จากการที่ได้เห็นบ่อยๆจนมาถึงช่วงป.5 อายุ11 ขวบ ก็เริ่มอยากลองฝึกลองเล่นดูแบบพี่ๆเขาครับ มันก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่อยากจะเล่นตะกร้อ”

 

แต่ใช่ว่าทุกคนจะมีพรสวรรค์สำหรับการเล่นกีฬา แล้วยิ่งเป็นกีฬาตะกร้อเรื่องทักษะพื้นฐานถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากเริ่มต้นได้ไม่ถูกต้องการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอก็คงจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

 

“ย้อนกลับไปในวันนั้น ทีแรกผมไม่ได้เล่นเป็นตัวฟาดตั้งแต่แรก คือเริ่มจากเป็นตัวชงก่อน แต่จุดเปลี่ยนเกิดจากเห็นรุ่นพี่ที่เก่งๆเค้าฟาดได้ก็อยากทำได้แบบเขาบ้าง เลยลองมาฝึกที่โรงเรียนกับเพื่อนตอนพักเที่ยงสองคนทุกวัน แต่ว่าฝึกยังไงก็ไม่ได้ท่าที่ไม่สมบูรณ์สักที เพราะว่าเวลาขึ้นเตะพอตกลงมามันไม่เป็นธรรมชาติ อีกอย่างในสมัยนั้นยังไม่มีวีดีโอในยูทูปให้ศึกษาดูอย่างปัจจุบัน การจะได้เห็นคนที่ฟาดเก่งๆก็จะต้องรอดูในทีวี แล้วจำมาทำตามซึ่งกว่าจะเป็นท่าที่สมบูรณ์อย่างทุกวันนี้ ผมใช้เวลาหลายปีพอสมควรครับ” 

 

หลังจากนั้นเส้นทางความฝันเริ่มจุดประกายขึ้นมา เพราะได้คำแนะนำจากรุ่นพี่ให้ลองทำตามที่เขาบอก ทั้งเรื่องการเล่นและกระโดดเตะ สิ่งที่เขารอคอยในสิ่งที่ตัวเองใฝ่ฝันตั้งแต่เด็ก กับการได้ลงสนามเล่นกับเพื่อนและพี่ๆในสนามกีฬาเล็กๆของหมู่บ้าน ได้เกิดขึ้นหลังจากนั้น

 

 

ทางเดินแห่งความฝัน

 

การรอคอยมันคุ้มค่าเสมอถึงแม้จะใช้เวลาหลายปี กว่าจะฟาดได้แบบคนอื่นเขาสุดท้ายความพยายามไม่เคยทำร้ายใคร แถมยังให้วิชาติดตัวมาอีกด้วย และจุดเปลี่ยนสำคัญได้เกิดขึ้นจากการที่เขาย้ายจากโรงเรียนตำบลแถวหมู่บ้านบ้านเข้ามาสู่โรงเรียนเมืองพลพิทยาคม

 

“ผมเริ่มเอาจริงเอาจังเพราะได้ย้ายมาที่โรงเรียนเมืองพลตอนอายุ15-16 ปี และมีโอกาสได้ไปแข่งตามรายการต่างๆในจังหวัดขอนแก่น ภายใตการดูแลของอาจารย์ จำลอง เอี่ยมอ่อน ต้องบอกเลยว่าโรงเรียนนี้ทำให้ผมเก่งขึ้น เพราะว่าได้ฝึกซ้อมกับรุ่นพี่คนเก่งๆบางคนเป็นเยาวชนทีมชาติ แล้วพอเราได้มาเล่นด้วยก็ทำให้ตัวเองพัฒนายิ่งขึ้นในตอนนั้น” 

 

อีกหนึ่งก้าวสำคัญก็คือ การมีโอกาสได้ติดเยาวชนทีมชาติช่วงมัธยมปลาย ถือว่าความฝันขั้นที่หนึ่งเริ่มต้นแล้วจากการที่มีธงชาติไทยผืนเล็กๆติดหน้าอก แต่ความฝันก็ไม่จบเพียงเท่านั้นใครจะไปเชื่อว่าเด็กหนุ่มวัยรุ่นขอนแก่นที่เดินสายล่ารางวัล ตามงานงิ้ว งานประจำจังหวัด จะมีโอกาสได้ประลองฝีมือกับนักกีฬาตะกร้อทีมชาติไทย

 

“มันเริ่มจากปีนั้นทางจังหวัดขอนแก่น จัดงานสงกรานต์จึงได้เชิญทีมชาติชุดใหญ่ กับทีมชาติมาเลเซียมาแข่ง ผมก็ได้เป็นหนึ่งในทีมขอนแก่นที่ได้ลงแข่งในรายการนั้น ไม่รู้ว่าโชคดีหรือยังไงทีมผมสามารถชนะทีมชาติมาเลเซีย และทีมพี่ๆทีมชาติได้เป็นบางชุด ตอนนั้นรู้สึกดีใจมากครับเพราะไม่ได้คิดว่าจะชนะทีมอื่นๆ ได้แถมได้เข้าไปเล่นรอบชิงกับทีมชาติชุดใหญ่ ถึงแม้ผลออกมาทีมผมจะไม่ชนะ แต่ไม่เป็นไรเลยครับการได้มาเล่นกับพี่ๆ ที่ผมคอยเฝ้าดูในทีวีมาตลอดถือเป็นประสบการณ์ที่ดีสุดๆในช่วงเวลานั้นเลย”

 

 

ราชาหน้าตาข่าย

 

หลังจากได้โชว์ฝีมือต่อหน้าพี่ๆทีมชาติ พร้อมทั้งเคยติดธงมาก่อนพอจะคุ้นมือกันดีอยู่แล้ว ทีมงานสต๊าฟโค้ช จึงได้เรียกเข้าแคมป์ไปเก็บตัวฝึกซ้อม และมีโอกาสก้าวขึ้นไปติดทีมชาติชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในชีวิต

 

“รายการที่ผมมีรายชื่อไปแข่งในนามทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรก เป็นการแข่งขันชิงถ้วยพระราชธานคิงส์คัพ ที่เดอะมอลล์บางแคครับ รวมถึงปีนั้นมีจัดการแข่งขันเอเชียนเกมส์ที่ปูซาน ผมก็ได้ติดทีมไปด้วยแต่ก็ไม่ได้คิดเลยว่าตัวเองจะได้ลงเล่น ทั้งทีมชุดและทีมเดี่ยว เพราะว่าผมยังเป็นน้องใหม่ แต่พอถึงวันแข่งทางสต๊าฟโค้ชเลือกให้เราลงเล่น ผมก็บอกกับตัวเองว่า จะทำหน้าที่ในสนามของตัวเองให้ดีที่สุด ตามที่ผมคิดไว้ครับ”

 

 

พอคว้าเหรียญทองเอเชียนเกมส์กลับมา ชื่อของ พรชัย เค้าแก้ว กลายเป็นที่สนใจสำหรับคอกีฬาบ้านเรา ด้วยการเล่นที่ดุดัน เลือกตีได้หลากหลาย หลังจากนั้นไม่ว่า เซปักตะกร้อทีมชาติไทยลงแข่งรายการไหน หากมีชื่อของพรชัย แฟนๆจะอุ่นใจเสมอ และในเอเชียนเกมส์ 2022 ที่จะถึงนี้ เขาได้กลับมามีชื่อติดทีมอีกครั้ง หลังจากเปิดทางให้น้องๆรุ่นใหม่ ได้ไปหาประสบการณ์ในซีเกมส์ที่กัมพูชาและคิงส์คัพที่ผ่านมา

 

“สำหรับเอเชียนเกมส์ที่จะถึงนี้ ผมก็มีความกดดันอยู่แล้วครับ เพราะอย่างที่ทุกคนรู้ว่ากีฬาเซปักตะกร้อพวกเราแพ้ไม่ได้ แต่ด้วยการฝึกซ้อมของพี่ๆน้องๆในทีม ที่คอยแนะนำกันในสนาม ก็จะช่วยคลายความกดดันตรงนี้ได้ครับ ส่วนตัวผมพร้อมเต็มที่ที่จะลงทำการแข่งขันเอเชียนเกมส์ในครั้งนี้”

 

และนี่คือเรื่องราวของนักฟาดลูกหวายไทยที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ การันตีด้วย10 เหรียญทองเอเชียนเกมส์ เจ้าของฉายา “ราชาหน้าตาข่าย” ยังคงเป็นความหวังของทัพเซปักตะกร้อไทยในครั้งนี้ ประสบการณ์จะช่วยพาน้องในทีมไปถึงฝั่งฝันได้อย่างแน่นอน ติดตามและร่วมส่งกำลังใจให้ทีมเซปักตะกร้อไทย เตรียมลงทำการแข่งขันในมหกรรมเอเชียนเกมส์ 2022 ที่หางโจวประเทศจีน เริ่ม23 กันยายน 66 เป็นต้นไป

 

 

 

 


stadium

author

อดิศักดิ์ คูวัฒนากุล

StadiumTH Content Creator