stadium

"ปอป้อ" ทรัพย์สิรี : คุณค่าชีวิตนักกีฬาทีมชาติที่ต้องแลกมาเพื่อความฝัน

18 กันยายน 2566

ทุกความสำเร็จมักเกิดขึ้นจากการเรียนรู้ เช่นเดียวกับ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย นักกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทย กับเส้นทางบนคอร์ทแบดที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เธอต้องเผชิญทั้งความพ่ายแพ้ ความผิดหวัง เสียสละทุกหยาดเหงื่อแรงกาย และความทุ่มเทตลอดเส้นทางกว่า 20ปี เธอไม่ปล่อยให้มันสูญเปล่า เปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นให้เป็นแรงขับเคลื่อนจนก้าวไปสู่เส้นชัย

 

 

วันแรกของ ปอป้อ อาจไม่ได้แตกต่างจากนักกีฬาทั่วไปมากนัก เธอเริ่มต้นจับไม้แบดตั้งแต่เด็ก ๆ เริ่มแรกก็เล่นเพียงแค่ออกกำลังกาย ตีสนุก ๆ กับคนในครอบครัวเท่านั้น แต่เมื่อได้คลุกคลีอยู่กับการตีลูกขนไก่เป็นประจำทุกวัน บวกกับได้แรงบันดาลใจจากคุณพ่อคุณแม่ซึ่งเป็นอดีตนักกีฬา เป็นเหมือนเชื้อเพลิงที่ช่วยจุดไฟในการเป็นนักกีฬาให้กับเธอ โดยมีความฝันคือการเป็นนักกีฬาทีมชาติไทย

 

เมื่อเป้าหมายชัดเจนแล้ว สิ่งที่ปอป้อต้องแลกมาเพื่อไปให้ถึงจุดหมาย ก็คือการเสียสละช่วงเวลาในวัยเด็ก หมดสิทธิ์ออกไปวิ่งเล่นหรือใช้เวลากับเพื่อนเหมือนเด็กทั่วไป ทุกวันหลังเลิกเรียนหรือแม้แต่วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เธอใช้มันไปกับการฝึกซ้อมอยู่บนคอร์ทแบด

 

ปอป้อ บอกว่า ตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว ชีวิตค่อนข้างจะยุ่งยากในเรื่องของการแบ่งเวลามาก ๆ ทั้งเรียนทั้งซ้อม แต่กีฬาก็สอนให้เรามีระเบียบวินัย มีความรับผิดชอบมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว มันก็แลกมาด้วยการที่เราไม่มีเวลาส่วนตัวไปเที่ยวเลย เพราะทุกอย่างเราต้องมาฝึกซ้อมกีฬา”

 

 

หลังจากนั้นชีวิตประจำวันของปอป้อเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ตื่นเช้ามาไปซ้อมแล้วก็กลับบ้าน ชั่วโมงการฝึกซ้อมในแต่ละวันก็เพิ่มมากขึ้นตามไปวัย รวมถึงความเข้มข้นในการฝึกซ้อมที่อัดแน่นทั้งเทคนิคและพื้นฐาน ซึ่งเธอมองว่าไม่ว่าจะต้องซ้อมหนักแค่ไหน สูญเสียเหงื่อไปมากมายเท่าไหร่ ก็ไม่เคยปล่อยให้เสียเปล่าเลย เพราะมันคือสิ่งที่ต้องแลกมาเพื่อที่จะก้าวไปเป็นนักกีฬาทีมชาติตามที่เคยวาดฝันเอาไว้

 

“ตอนเด็ก ๆ ซ้อมแค่วันละครั้ง โตขึ้นมาพอเริ่มติดทีมชาติ เริ่มจริงจังมากขึ้น ทุกอย่างมีเป้าหมาย มีแบบแผนหมด วันนึงซ้อมประมาณ 6-8 ชั่งโมง ก็แล้วแต่ช่วงอายุมาจนถึงปัจจุบัน มันมีความหนักที่แตกต่างกัน ทั้งในเรื่องของร่างกาย การเวทเทรนนิ่ง การวิ่ง สกิลการตีแบด ทุกอย่างมันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ รายละเอียดแต่ละอย่างมันไม่เท่ากัน”

 

“ทุกอย่างโค้ชวางโปรแกรมให้ซ้อม ไม่เคยเสียเปล่าเลย เพราะโค้ชมีแบบแผนอยู่ตลอด วันนี้ซ้อมอะไร ซ้อมไปเพื่ออะไร ในทุก ๆ ปี กีฬาแบดมินตันมันก็มีการพัฒนามากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อก่อนความเร็วอาจจะไม่ได้มากเท่านี้ แต่ทุกวันนี้สปีดลูกความเร็วของทุก ๆ คน มันเพิ่มไปเรื่อย ๆ ทำให้เราอัพเวลตัวเองต่อไปได้”

 

โอเคเราซ้อม เราเหนื่อย มันอาจจะมีท้อบ้าง แต่ป้อมีความอดทนสูงอยู่แล้ว วันนี้เราอาจจะคิดว่าเราไม่เอา แต่สุดท้ายมันเอาทุกที ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี”

 

 

ส่วนอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ปอป้อก้าวไปจนถึงตำแหน่งแชมป์โลกได้ ก็คือความพ่ายแพ้ ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ปอป้อพบกับความพ่ายแพ้ในการแข่งขันมานับไม่ถ้วน แม้แต่ในวันที่เธอเป็นแชมป์โลกและมือ 1 ของโลก เธอก็ยังแพ้ให้คู่แข่งได้เป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่ทำให้เธอแตกต่างคือทุกครั้งที่แพ้ตั้งแต่เด็กจนโต เธอไม่ปล่อยให้มันเสียเปล่า กลับมาทบทวนเรียนรู้จากความผิดพลาด ปล่อยวางจากความเสียใจและลงมือแก้ไขให้ดีขึ้นเสมอ

 

แมตช์ที่เสียใจที่สุด คือแมตช์โอลิมปิกที่โตเกียว เราตั้งเป้าไว้ว่าอยากจะได้สักเหรียญ แต่เราก็มาแพ้รอบก่อนรองชนะเลิศ รอบแบ่งกลุ่มเราก็เป็นที่ 2 ด้วยความที่เราตั้งใจมาก ๆ ทำให้ผลการเล่นออกมาไม่ดีพอ”

 

มันทำให้เราเรียนรู้ได้ว่า เวลาจะทำอะไร จะแข่งหรือลงเล่นในทุก ๆ แมตช์ ขอให้ลงไปเล่นอย่างมีความสุข เป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด อย่าไปกดดันตัวเอง เพราะทุกอย่างถ้าเราคิดดี ทำดี ให้กำลังใจตัวเอง ผลลัพธ์มันก็จะออกมาดี”

 

แม้แต่ในวันที่ทำได้ไม่ดีพอ ปอป้อก็เก็บเอามาเป็นประสบการณ์ ตั้งสติมองให้เห็นคุณค่าของตัวเอง ทั้งความพยายาม จะกี่หยดน้ำตา จะกี่หยาดเหงื่อเสียไป นับจากวันแรกที่ตัดสินใจเสียสละชีวิตส่วนตัวไปเพื่อเป้าหมาย

 

“ให้มองว่าสิ่งที่เรา เราทำเพื่ออะไร อยากจะไปถึงจุดไหน มีเป้าหมายยังไง ตรงนี้เป็นเหมือนแรงขับเคลื่อนให้เราทุ่มเททำมันเต็มที่ แล้วก็ตั้งใจทำให้ดีที่สุด เพราะถ้าเราทำมันเต็มที่แล้ว เราก็จะไม่เสียใจไม่ว่าผลลัพธ์มันจะเป็นยังไงก็ตาม” ปอป้อ-ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย

 


stadium

author

ปวีน เทพพวงทอง

StadiumTH Content Creator / เชียร์หงส์แดง รักการเดินป่า เสพติดหมูกระทะ