6 กันยายน 2566
ถ้าพูดถึงความฝันแรกของนักกีฬาทุกคน เชื่อได้เลยว่าเกินกว่าครึ่งคือการได้เป็นนักกีฬาทีมชาติ ในบางชนิดกีฬาความฝันนั้นอาจจะสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว แต่บางชนิดกีฬาก็ต้องใช้เวลาเพราะมีคู่แข่งมากมายที่ต้องเอาชนะเพื่อก้าวไปติดธงไตรรงค์ลงแข่งขันในฐานะตัวแทนของประเทศ
ขณะที่กีฬาประเภททีม การคัดเลือกทีมชาติคือการนำเอานักกีฬาฝีมือดีจากต่างที่ต่างถิ่นต่างพื้นเพมารวมตัวกัน เพื่อเป้าหมายที่มีร่วมกัน ความยากคือจะทำอย่างไรให้ทุกคนมองภาพเดียวกันในการไปให้ถึงผลลัพธ์ที่ตั้งใจเอาไว้
วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย คือตัวอย่างที่ดีสำหรับการผสมองค์ประกอบที่แตกต่างให้เข้ากันอย่างลงตัว ด้วยความรักในกีฬาประเภทเดียวกัน และความฝันที่มีร่วมกัน ทำให้เป็นแรงขับเคลื่อนซึ่งกันและกัน ดังนั้นคนที่จะมาเล่าเรื่องนี้ได้ดีที่สุด คงเป็นใครไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ "เพียว" อัจฉราพร คงยศ และ "บุ๋มบิ๋ม" ชัชชุอร โมกศรี สองนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย
ความฝันส่วนตัว ที่สำเร็จแบบไม่ตั้งตัว
ไม่ว่าใครก็ตามที่เคยเล่นกีฬาอย่างจริงจังในวัยเด็ก คงจะมีไอดอลส่วนตัวในกีฬาที่ตัวเองเล่น จากการได้ตามดู ตามเชียร์ ในทัวร์นาเมนต์ต่าง ๆ โดยเฉพาะมหกรรมกีฬานานานาชาติ ซึ่งกลายเป็นแรงบันดาลใจชั้นดีที่ทำให้เกิดความฝันง่าย ๆ ที่ทำได้ยากคือคำว่า "นักกีฬาทีมชาติไทย" ไม่ต่างจาก "เพียว" และ "บุ๋มบิ๋ม" แต่สิ่งที่ต่างคือความฝันแรกของพวกเธอมาถึงอย่างรวดเร็ว
"ความฝันแรกของหนูตอนที่เริ่มเล่นกีฬาวอลเลย์บอลคือฝันว่าอยากจะติดทีมชาติ แต่ตอนที่ติดทีมชาติครั้งแรกรู้สึกงง ๆ นิดหนึ่งว่า อ้าว นี่ติดทีมชาติแล้วเหรอ แล้วพอได้มาอยู่กับพวกพี่ ๆ ได้มาคลุกคลีกับพวกเขาก็รู้สึกว่า มันก็ดีนะ พอหลัง ๆ มาก็รู้สึกดีใจว่า เราได้ติดทีมชาติแล้วนะ เราเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมา คนเริ่มรู้จักแล้วนะ" บุ๋มบิ๋ม ย้อนความหลังให้ฟังด้วยรอยยิ้ม
ต่างจากเพียวที่เมื่อความฝันสำเร็จกลับกลายเป็นแรงกดดัน แต่ก็ช่วยให้ไม่หยุดพัฒนาตัวเอง "ความฝันแรกของหนูก็ไม่ต่างกัน ก็คือการติดทีมชาติ แต่ตอนที่ทำได้สำเร็จ ไม่รู้สึกดีใจ เพราะรู้สึกว่าเรายังเก่งไม่พอ ยังดีไม่พอ ยังไม่ถึงเวลาของเรา ทำให้อยากพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น เพื่อก้าวเข้ามาเป็นทีมชาติได้อย่างที่ตัวเองภาคภูมิใจ แบบ เออเราพร้อมที่จะเป็นทีมชาติชุดใหญ่แล้วจริง ๆ นะ ในวันที่เราโตขึ้นทั้งทางร่างกาย, จิตใจ และศักยภาพ"
พลังขับเคลื่อนไปสู่ฝัน
ความฝันแรกของพวกเธอสำเร็จได้อย่างรวดเร็วก็จริง แต่ก่อนจะถึงวันนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เช่นเดียวกับทุกวันนี้ที่ยังต้องมุ่งมั่นทุ่มเทต่อไป แล้วอะไรคือพลังผลักดันให้พวกเธอทำสิ่งนั้นอย่างไม่ย่อท้อ คำตอบไม่ใช่เรื่องที่เดายากอะไร รวมทั้งยังเป็นสิ่งที่ผลักดันชีวิตของทุกคน นั่นก็คือ "ครอบครัว"
"สำหรับตัวหนูทุกวันนี้มีความสุขอยู่แล้ว แต่เราอยากให้คนที่เรารักมีความสุขด้วย ทำให้ต้องอดทนแล้วก็สู้ต่อไป" บุ๋มบิ๋ม พูดถึงพลังขับเคลื่อนของตัวเอง
"ของหนูก็ครอบครัวเหมือนกันค่ะ แล้วก็คนที่เรารัก แล้วก็ตัวเราเองค่ะ เพราะว่า กว่าที่เราจะขึ้นมาเป็นทีมชาติได้มันต้องใช้ความอดทนแล้วก็ความพยายามอย่างหนักมาก ๆ แล้วต้องจากบ้าน จากครอบครัว ต้องมาอยู่ต่างที่ เราก็เลยอยากทำให้คนที่อยู่ข้างหลังเรามีความสุข และภูมิใจกับเรา" เพียว เห็นด้วยกับคำตอบของเพื่อนร่วมทีม พร้อมเสริมรายละเอียดจากประสบการณ์ตรง
ขณะเดียวกัน พลังขับเคลื่อนอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอให้เข้าใกล้ความฝัน แต่ต้องมีเครื่องยนต์ที่นำเอาแรงผลักดันนั้นมาเป็นเชื้อเพลิงเพื่อพุ่งสู่เป้าหมายเปลี่ยนฝันให้กลายเป็นความจริง ซึ่งไม่จำเป็นว่าต้องจำกัดแค่ใครคนหนึ่ง แต่ทุกคนทำได้เหมือน ๆ กัน เพียงแค่อย่าท้อ หรือล้มเลิกกลางทาง
"แน่นอน หนูว่าทุกคนทำได้ ถ้าเรามีความฝัน หนูว่าเราทำได้แน่นอน ทุก ๆ ความสำเร็จต้องใช้ความพยายามมาก ๆ แล้วก็ใช้ความอดทนสูงมากค่ะ ถ้าสมมติว่าเราท้อ ความฝันนั้นจะไม่สำเร็จเลย" บุ๋มบิ๋ม ตอบด้วยสายตาเชื่อมั่น
"แล้วก็ต้องมีความมุ่งมั่นอีกอย่างหนึ่งค่ะ คือทุกคนมีฝันทุกคนก็ต้องมุ่งมั่นที่จะไปให้ถึงฝันให้ได้ ท้อได้ แต่อย่าเพิ่งถอย อย่าเพิ่งรีบถอนใจ อย่าเพิ่งรีบถอดใจ อยากให้สู้เพื่อที่จะไปให้ถึง" เพียว ให้กำลังใจคนที่กำลังไล่ตามความฝัน
ชีวิตที่มาเกินฝัน
คำว่าไปให้ไกลกว่าฝัน สำหรับหลาย ๆ คน คือความมุ่งมั่นที่จะไปให้ไกลขึ้น ขึ้นไปให้สูงขึ้น แต่สองนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยมองว่าตัวเองมาไกลกว่าจุดนั้นมาก ๆ แล้ว ณ ปัจจุบัน
เรื่องนี้ บุ๋มบิ๋ม เล่าว่า "สำหรับตัวหนู การได้ติดทีมชาติมันคือความฝันในตอนเด็ก ตอนนี้มันมาไกลกว่าฝันหนูมาก เพราะว่า ตอนเด็ก ๆ เราก็คิดแค่ว่า ก็แค่เล่นวอลเลย์แล้วก็ติดทีมชาติแค่นั้น แต่เราไม่เคยรู้ว่า การติดทีมชาติเราได้อะไรกลับมาบ้าง เราได้ชื่อเสียงเพราะมีคนรู้จักเราเยอะ อีกอย่างก็คือเราได้ไปเที่ยวเกือบรอบโลก มันเหมือนเป็นการผจญภัย มีอะไรที่ท้าทายเราอยู่ตลอดเวลา ทำให้เราตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา และมันทำให้เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา"
ขณะที่ เพียว ตอบด้วยความรู้สึกเดียวกัน "สำหรับหนูตอนนี้นะคะ ถามว่าเกินฝันมั้ย มันก็แอบเกินกว่าที่เราคิดไว้เยอะพอสมควร มีทุกวันนี้ได้มันก็ไกลมาก ๆ แล้ว มันก็เหมือนการเปิดโลกของเราเลยค่ะ พูดง่าย ๆ ถ้าเกิดเราเป็นเด็กธรรมดา เราคงไม่มีโอกาสที่จะได้เดินทางไปต่างประเทศหลาย ๆ ประเทศ ได้ไปพบเจอผู้คนที่ทั้งต่างถิ่น ซึ่งอันนี้คือเรื่องเกินฝันที่เราวาดไว้อยู่แล้ว แล้วทุกวันนี้ ทุกคนให้ความรักให้ความอบอุ่นกับพวกเรามาก มากกว่าที่เราคิดว่าเราจะได้ รู้สึกว่าอันนี้มันเป็นสิ่งที่แบบ เกินสิ่งที่เราคาดไว้มาก ๆ ค่ะ"
อย่างไรก็ตามระหว่างทางไปสู่ฝันย่อมต้องเจออุปสรรค และเสียงวิจารณ์คือสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งเป็นกีฬายอดนิยมอย่างวอลเลย์บอลแล้วจำนวนคำวิจารณ์ยิ่งทวีคูณ แต่ด้วยประสบการณ์ทำให้พวกเธอผ่านพ้นมาได้อย่างน่าชื่นชม
บุ๋มบิ๋ม คือหนึ่งในคนที่เจอกับคำวิจารณ์มากมาย เปิดเผยเคล็ดลับในการรับมือกับเรื่องนี้ว่า "ตอนเด็กหนูโดนมาเยอะมากจนวันหนึ่งเสียงวิจารณ์เหล่านี้มันกลายเป็นเสียงที่เราไม่ได้ยินไปแล้ว ไม่ใช่ว่าเราเหลิง แต่เราคิดว่ามันเป็นเสียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปแล้ว เหมือนแต่ก่อนที่เราเป็นเด็กยังรับมือกับมันไม่ได้ ก็รู้สึกว่ามันเป็นปัญหาใหญ่ในชีวิตมาก แต่พอโตขึ้นมาแฟน ๆ หลาย ๆ คนให้ความรักความอบอุ่นกับพวกเรามาก ๆ ๆ มากจนเราไม่ได้ยินเสียงเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนั้น มันก็เลยกลายเป็นรู้สึกว่าไม่ได้สนใจอะไรมากแล้ว ให้โฟกัสกับคนที่รักเราดีกว่า
"เราก็โฟกัสกับคนที่รักเรา คนที่หวังดีกับเรา คนที่เขาเห็นการเติบโตของเรามากกว่า ก็รู้สึกขอบคุณทุก ๆ คน" เพียวที่เป็นอีกหนึ่งคนที่ต้องเจอกับเสียงวิจารณ์ ใช้วิธีรับมือคล้าย ๆ กัน
ฝันร่วมกัน ไปได้ไกล
ความยากของกีฬาประเภททีมคือเมื่อมีเป้าหมาย ทุกคนต้องเห็นภาพเดียวกัน แต่กับวอลเลย์บอลแล้วเรื่องนี้ไม่ต้องเสียเวลาในการปรับตัวอะไรกันเลยแม้แต่น้อย เพราะเป้าหมายใหญ่สุดคือสิ่งที่ทุกคนรับรู้ร่วมกันทั้งประเทศ
"เพราะว่าความฝันในใจของทุกคนในตอนนี้ก็คือการไปโอลิมปิก แล้วเราทุกคนต่างไม่หยุด ไม่หยุดที่จะพัฒนาตัวเอง ไม่หยุดที่จะเดินตามฝัน มันก็เลยทำให้เรารู้ว่าเป้าหมายของเราคืออะไร แล้วเราก็พยายาม พยายามมาก ๆ เพื่อที่จะไปให้ได้" เพียว เริ่มก่อน
"เราทุกคนต่างมีใจรักในวอลเลย์บอลด้วย มันก็เลยเกิดความที่แบบว่า ฉันจะต้องทำมันให้ได้ในสักวันหนึ่ง" บุ๋มบิ๋ม เติมคำตอบจนสมบูรณ์แบบ
ขณะเดียวกันหลังจากจบศึกสำคัญอย่างการคัดเลือกโอลิมปิก 2024 ทัพวอลเลย์บอลสาวไทยเจอศึกใหญ่ต่อเนื่องนั่นก็คือเอเชียนเกมส์ ที่พวกเธอเป็นรองแชมป์คราวที่แล้ว
"เป้าหมายแรกก็คือเข้ารอบ 4 ทีมค่ะ เพราะว่าการแข่งขันเอเชียนเกมส์ก็เป็นแมตช์ที่ใหญ่มาก ๆ ของเราเหมือนกัน เป้าหมายแรกเลยก็คือการเข้ารอบ 4 ทีมสุดท้ายให้ได้ค่ะ" เพียวเผยเป้าหมายเบื้องต้นในหางโจวเกมส์
การจะไปให้ถึงฝัน หรือไปให้ไกลกว่านั้น ต้องใช้หลายองค์ประกอบร่วมกัน เริ่มจากความมุ่งมั่นทุ่มเทและพยายาม พร้อมด้วยพลังขับเคลื่อนจากตัวเองและคนรอบข้าง และสำหรับศึกคัดเลือกโอลิมปิก รวมทั้งเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 "หางโจว 2022" ณ เมืองหางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 23 กันยายน ถึง 8 ตุลาคมนี้ ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรเชื่อได้เลยว่าแฟนกีฬาชาวไทยจะยังคงสนับสนุนและให้กำลังใจพวกเธอต่อไปอย่างแน่นอน
TAG ที่เกี่ยวข้อง