4 กันยายน 2566
การถูกมองว่าเป็นตัวสำรองคงเป็นเรื่องที่แย่ แต่การถอดใจยอมแพ้คงเป็นเรื่องที่แย่กว่า “มด” วิภาวี ศรีทอง นักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย คือหนึ่งในคนที่พบกับเหตุการณ์นี้ แต่เธอก้มหน้าก้มตาพัฒนาตัวเองต่อไป พิสูจน์ตัวเองจนได้รับการยอมรับไปในวงกว้าง ก้าวหน้าทั้งในเส้นทางนักกีฬาอาชีพและกลายมาเป็นอาวุธลับของทีมชาติไทย ก่อนไปลุยศึกใหญ่ 2 รายการสำคัญ โอลิมปิเกมส์ 2024 รอบคัดเลือกและเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19
ฉายแววตั้งแต่ 6 ขวบ
เส้นทางของนักตบลูกยางสาวจากเชียงรายวัย 24 ปี เริ่มต้นจากการฉายแววตั้งแต่ประถมศึกษาชั้นปีที่ 1 ในคาบเรียนวิชาพลศึกษา ด้วยพื้นฐานกีฬาที่โดดเด่นกว่าคนอื่นทำให้เธอถูกชักชวนให้มาเป็นนักกีฬาประจำโรงเรียนตั้งแต่อายุ 6 ขวบ
“เริ่มเล่นวอลเลย์บอลตอน ป.1 ค่ะ ตอนนั้นเรียนอยู่ที่เชียงราย โรงเรียนอนุบาลพานจังหวัดเชียงราย จำได้ว่าตอนนั้นเรียนวิชาพลศึกษาตามปกติ แล้วมีอาจารย์สอนวอลเลย์บอลมาชวน ถามว่าสนใจ อยากมาลองเล่นวอลเลย์บอลดูไหม เขาเห็นหนูดูมีพื้นฐานทางด้านกีฬาค่อนข้างโอเค หนูก็เลยไปคุยกับคุณพ่อคุณแม่ ถามเขาว่าช่วงหลังเลิกเรียนพอจะมีเวลาว่างมารับหนูที่โรงเรียนได้ไหม ซึ่งครอบครัวหนูก็โอเคค่ะ พร้อมสนับสนุน เลยได้มาเล่นวอลเลย์บอล”
แต่ด้วยวัยเพียง 6 ขวบ แถมยังไม่ได้สนใจกีฬามากเท่าไหร่ ทำให้เธอเริ่มต้นจากศูนย์ เพราะไม่รู้เลยว่า วอลเลย์บอลนั้นคือกีฬาอะไร เล่นกันแบบไหน
“ตอนนั้นยังเด็กมากค่ะ แปลกใจว่ามันมีกีฬานี้ด้วยหรอ เราไม่ค่อยรู้เรื่องกีฬาเท่าไหร่ เล่นแต่ขายของ จำได้ว่าเล่นครั้งแรกสนุกดี แต่เจ็บแขนมาก แขนช้ำเป็นจ้ำอยู่เป็นอาทิตย์เลย แต่พอเป็นนักกีฬาต้องซ้อมหนัก สมัยนั้นเป็นสนามกลางแจ้ง แดดร้อนด้วย มีเวลาช่วงพักกลางวัน อาจารย์ก็เรียกให้ไปเล่นกลางแดด ร้อนมาก มันก็เป็นแบบเรียนด้วยทำกิจกรรมด้วย หลังเลิกเรียนก็ต้องซ้อมอีก ไม่ได้มีเวลาไปเล่นกับเพื่อน ๆ เลย เพราะเวลาว่างก็มอบให้วอลเลย์บอลไปหมดแล้ว”
ผลลัพธ์จากการเสียสละเวลาส่วนตัว เพื่อทุ่มเทฝึกซ้อมอย่างจริงจังในทุก ๆ วัน ทำให้เส้นทางวอลเลย์บอลของเธอไปได้ไกลกว่าที่เธอเคยจินตนาการไว้
การตัดสินใจครั้งสำคัญ
“หลังจบ ป.6 มีอาจารย์จากโรงเรียนบดินทรเดชา สิงห์ สิงหเสนี กรุงเทพ ติดต่อเข้ามาพูดคุยกับโค้ชของหนูที่โรงเรียนประถม บอกว่าสนใจอยากให้หนูไปอยู่ด้วย ที่บดินทรฯ เป็นโรงเรียนกินนอน มีหอพักฟรี เรียนฟรี อาหารฟรี ถ้าหนูทำผลงานดี ก็อาจจะได้ขยับขึ้นไปเล่นวอลเลย์บอลอาชีพในไทยแลนด์ ลีก”
โอกาสครั้งสำคัญที่อาจพลิกชีวิตสู่การเป็นนักกีฬาอาชีพและทีมชาติ เข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว แบบไม่ทันตั้งตัว เพราะโรงเรียนบดินทรเดชาฯ นั้นเป็นอะคาเดมี่ของสโมสรวอลเลย์บอลสุพรีม-ชลบุรี สโมสรอาชีพชั้นนำของเมืองไทย ที่มีนักกีฬาระดับทีมชาติประดับทีมมากมาย อาทิ ปลื้มจิตร์ ถินขาว, วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์, ปิยะนุช แป้นน้อย
“แต่ตอนนั้นหนูยังเด็กอยู่ การตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับพ่อและแม่ ท่านก็คิดหนักพอสมควร เพราะหนูเป็นเด็กบ้านนอก ถ้าต้องย้ายมาอยู่กรุงเทพเพียงลำพัง เขาก็ค่อนข้างที่จะเป็นห่วง ไปก็ไม่รู้จักใครเลย มันคือการย้ายสังคม ก็เลยใช้เวลาตัดสินใจนานมากค่ะ ”
“คือการมาเริ่มต้นใหม่เลยมันยาก แล้วมันไม่มีใครที่เรารู้จัก เป็นตัวอย่างให้เห็นหรือมาคอยให้คำแนะนำเราได้เลย คือเราไปเลย ไปตัวคนเดียว เพราะก่อนหน้านี้รุ่นพี่คนอื่น ๆ เขาก็กลับไปเรียนเหมือนเดิม แต่เราพอจะมีหนทางไปต่อได้ เขาก็เลยอยากให้ไปเรียน”
“ตอนแรกคุณพ่อก็บอกว่า จะไปอยู่ได้ยังไง ไม่มีใครดูแล เมื่อก่อนเป็นโรคกระเพาะจะปวดท้องบ่อย ถ้าปวดท้องขึ้นมาจะทำยังไง ใครจะดูแล แต่โค้ชที่นี่ก็บอกว่าเขาดูแลให้หมด เป็นโรงเรียนกินนอน มีอาจารย์อยู่ด้วย จะออกไปไหนก็ไม่ได้ คุณแม่ก็เลยบอกว่าให้ลองดู นั่นแหละอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้การเล่นวอลเลย์บอลของหนูมีทุกวันนี้ได้”
การเข้ามาสู่รั้วโรงเรียนบดินทรเดชาฯ นอกจากจะได้โฟกัสกับการเล่นวอลเลย์บอลแล้ว เธอยังได้ฝึกการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคมกับเพื่อนในทีม อะไรที่ไม่เคยได้ทำก็ได้ทำ ไม่ว่าจะเป็นการซักผ้า หุงข้าว ทำความสะอาด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิชาที่สามารถช่วยให้เธอเอาตัวรอดได้ หากว่าอนาคตมีโอกาสได้ไปเล่นอาชีพในต่างประเทศ
การได้เข้าระบบฝึกซ้อมแบบสโมสรอาชีพ ยังทำให้เธอพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีชื่อติดทีมชาติไทยชุดเยาวชนแบบข้ามรุ่นอีกด้วย
“ติดทีมชาติครั้งแรกน่าจะอายุ 14 ค่ะ ติดทีมเยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ไปแข่งที่เยาวชนเอเชียได้ที่ 4 ที่ไต้หวัน ชุดนั้นมี บุ๋มบิ๋ม (ชัชชุอร โมกศรี), บีม (พิมพิชยา ก๊กรัมย์) ตอนนั้นก็ตื่นเต้นมาก แล้วก็ประทับใจมาก ทำให้ครอบครัวภูมิใจ คุณพ่อคุณแม่คุณยายทุกคนร่วมแสดงต่างก็ยินดีกันหมด มีกำลังใจพัฒนาตัวเองต่อไป”
จุดเด่นของ วิภาวี คือการเล่นเกมรุกที่หลากหลาย เธอเล่นได้ทั้งหัวเสาและบีหลัง ทำให้เส้นทางของเธอก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ปี 2015 ติดทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ชุดคว้ารองแชมป์เอเชีย ขณะเดียวกันเธอยังได้ก้าวเข้าสู่สโมสรพรีม-ชลบุรีเป็นครั้งแรก พร้อมช่วย สุพรีม-ชลบุรี กวาดความสำเร็จอยู่หลายปี คว้าแชมป์ไทยแลนด์ ลีก ร่วมกับสโมสร ในฤดูกาล 2016-17 เเละ 2017-18 คว้าเเชมป์ ไทยเดนมาร์ค ซูเปอร์ลีก 3 สมัย 2017-2019 และคว้าแชมป์สโมสรเอเชีย ในปี 2018
จากแบ็คอัพสู่อาวุธลับ
จากผลงานอันยอดเยี่ยมกับสโมสร ทำให้วิภาวีถูกเรียกตัวเข้าสู่ทีมชาติไทยชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในปี 2017 อยู่ในทีมชุดรองแชมป์เอเชียที่ฟิลิปปินส์ ได้ลงเล่นเคียงข้างรุ่นพี่ระดับตำนานชุด 7 เซียน เปรียบเหมือนฝันที่ยิ่งกว่าฝัน ไม่แปลกใจที่เธอยอมรับว่าตื่นเต้นมาก
อย่างไรก็ตามการมีส่วนร่วมในทีมชาติชุดใหญ่ของเธอไม่ได้สวยหรูเหมือนระดับเยาวชน เพราะตลอด 6 ปีที่ผ่านมา ถือว่ายังมีส่วนร่วมกับทีมค่อนข้างน้อย ด้วยตำแหน่งเกมรุกในยุคปัจจุบันที่มี อัจฉาพร คงยศ, ชัชชุอร โมกศรี และพิมพิชยา ก๊กรัมย์ เป็นแกนหลักในการดวลกับคู่แข่งในระดับโลกที่เหนือกว่า ทำให้เธอยากที่จะสอดแทรกขึ้นไปอยู่ในทีมชุดแรก จึงถูกมองว่าเป็นเพียงแบ็คอัพของทีมมาโดยตลอด ถึงขนาดนี้ที่โค้ชทีมต่างชาติไม่เคยมีเก็บข้อมูลของเธอเลยแม้แต่น้อย
แต่สิ่งที่เธอทำได้และยังคงทำต่อไปแบบไม่หยุดพักคือการทำงานให้หนัก เพื่อเฝ้ารอโอกาส จนในที่สุดเธอก็พิสูจน์ตัวเองจนทำให้โลกได้เห็นว่าเธอมีดีมากกว่าการเป็นแบ็คอัพของทีม
ย้อนกลับไปในศึกเนชั่น ลีกส์ 2023 ในแมตช์ที่ทีมสาวไทยชนะแคนาดา 3-0 เซต เกมในวันนั้น วิภาวี ได้โอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงแทน อัจฉราพร คงยศ ที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บ ก่อนจะทำไป 18 แต้มมากสุดในสนาม เป็นการระเบิดฟอร์มที่ดีสุดครั้งหนึ่งของเจ้าตัว ชนิดที่ แชนนอน วินเซอร์ โค้ชของแคนาดายังยอมรับว่าไม่เคยรู้จักหรือมีข้อมูลของวิภาวีมาก่อน พร้อมยกให้เป็นอาวุธลับของสาวไทยอีกด้วย
“ปีนี้เหมือนเราโตขึ้นไปอีกระดับ มีความมั่นใจในการเล่นมากขึ้น พร้อมที่จะลงไปเล่นในสนาม รู้สึกดีใจและประทับใจมาก ภูมิใจที่ตัวเองทำได้ ต้องขอบคุณทุกคนที่อยู่ข้าง ๆ หนูมาโดยตลอด ขอบคุณที่คอยรับรู้ว่าหนูเสียใจมากแค่ไหน ตลอดเส้นทางที่ติดทีมชาติมันอาจจะไม่ได้สวยหรู ก็ขอบคุณกำลังใจตรงนั้นจริง ๆ ทุกคนทำให้หนูมีแรงต่อสู้ต่อไป และดีใจมาก ๆ ที่วันนี้ทำให้แฟน ๆ ได้ดีใจไปกับเราด้วย” วิภาวี เล่าพร้อมรอยยิ้มอย่างภูมิใจ
ฝีมือของวิภาวียังได้รับการยอมรับในระดับสโมสรด้วยเช่นกัน จากผลงานอันยอดเยี่ยมกับต้นสังกัดปัจจุบันไดมอนด์ ฟู้ด ไฟน์เชฟ-แอร์ฟอร์ซ ที่เพิ่งได้รองแชมป์สโมสรเอเชียมาหมาด ๆ ทำให้เธอถูกดราฟท์เข้าไปเล่นในลีกอาชีพที่เกาหลีใต้ในฤดูกาล 2023-24 หรือวอลเลย์บอลหญิงโคโว วี-ลีก ในฐานะโควตานักกีฬาเอเชีย ซึ่งเธอเป็น 1 ใน 8 ชื่อนักกีฬาไทยที่ส่งโปรไฟล์เข้าไปร่วมคัดเลือก แต่เป็นเพียง 1 ใน 3 คนร่วมกับ พรพรรณ เปิดปราชญ์ และ ธนัชชา สุขสด ที่ถูกเลือก โดยวิภาวีจะได้ลงเล่นให้กับสโมสรซูวอน ฮุนได ฮิลล์สเตรท ทีมระดับรองแชมป์ลีกของเกาหลีใต้ในฤดูกาลล่าสุด
“เป็นความฝันที่อยากไปเล่นลีกต่างประเทศบ้าง จะได้มีเงินมาดูแลครอบครัว เริ่มต้นก็อยากไปญี่ปุ่นหรือเกาหลีใต้ จุดเริ่มต้นคือมีเอเจนซี่ติดต่อมาให้ลองส่งโปรไฟล์ไปร่วมดราฟท์ ก็เลยลองดู แต่ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก ดีใจที่เขาเลือกเรา” วิภาวี ทิ้งท้าย
ส่วนภารกิจหลังจากนี้ของวิภาวี ยังมีแมตช์ใหญ่อีก 2 รายการ คือโอลิมปิก 2024 รอบคัดเลือก วันที่ 16-24 กันยายนนี้ จากนั้นต่อด้วยเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ซึ่งวอลเลย์บอลหญิงจะแข่งขันวันที่ 30 กันยายน ถึง 7 ตุลาคม ถือเป็นแมตช์ใหญ่ที่ความคาดหวังสูง ดังนั้นการยกระดับขึ้นมาของวิภาวีอย่างถูกเวลาจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับทีมชาติไทยไม่มากก็น้อยเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้
TAG ที่เกี่ยวข้อง