24 สิงหาคม 2566
การแข่งขันมหกรรมกีฬาอย่างเอเชียนเกมส์แต่เดิมในช่วงแรกนั้นเจ้าภาพก็จะเน้นที่การจัดการแข่งขันให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยและเน้นเรื่องของการแข่งขันในสนามเท่านั้น แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปมูลค่าของมหกรรมมีมากขึ้นความสนใจของผู้ชมทางโทรทัศน์หรือแพลตฟอร์มต่างๆ ก็ไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องของเกมการแข่งขันเท่านั้น ฝ่ายจัดการแข่งขันของแต่ละประเทศก็จำเป็นต้องระดมสมองกันเพื่อทำให้การแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ในแต่ละครั้งมีมูลค่าการตลาดที่สูงเพื่อเป็นสิทธิประโยชน์ของเจ้าภาพเอง
กิมมิคและเรื่องราวต่างๆ จึงต้องถูกเพิ่มเข้ามาในการเป็นเจ้าภาพแต่ละครั้งไม่ว่าจะเป็นสโลแกนประจำการแข่งขัน แบบของเหรียญรางวัลที่ต้องมีทั้งความสวยงามและสื่อความหมายถึงชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ ของสะสมเช่น ทั้งตุ๊กตามาสคอตและแสตมป์เป็นต้น สิ่งเหล่านี้สามารถนำมาช่วยเพิ่มมูลค่าทางการตลาดได้เป็นอย่างดี ซึ่งล่าสุดแม้แต่คบเพลิงประจำการแข่งขันก็ต้องผ่านการออกแบบและมีเรื่องราวที่น่าสนใจใช่ว่าจะไปหยิบจับเอาเชิงเทียนที่ไหนมาใช้งานก็ได้นะครับ
อย่างการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ปี 2022 ณ เมืองหางโจว ประเทศประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ทางเจ้าภาพมีการออกแบบคบเพลิง “เปลวไฟนิรันดร์” สำหรับใช้ในการจุดไฟคบเพลิงในพิธีเปิดการแข่งขันและมีการจัดจำหน่ายคบเพลิงจำลองให้กับผู้ที่สนใจจะซื้อไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย เรียกได้ว่าคบเพลิงที่มีเอกลักษณ์ก็สามารถที่จะสร้างมูลค่าให้กับเกมการแข่งขันได้
และหากอ้างอิงจากเว็บไซด์ของสภาโอลิมปิกแห่งเอเชียหรือโอซีเอ ที่ได้มีการรวบรวมรายละเอียดของคบเพลิงที่ใช้ในการแข่งขันเอเชียนเกมส์เอาไว้โดยเริ่มตั้งแต่การแข่งขันครั้งที่ 15 ปี 2006 จนถึงครั้งปัจจุบัน เราก็สามารถที่นำเสนอเรื่องราวของ 5 คบเพลิงเอเชียนเกมส์จากอดีตถึงปัจจุบัน ได้ดังนี้ครับ
คบเพลิงโดฮาเกมส์แรงบันดาลใจจากเขา “อาราเบียน โอริกซ์”
คบเพลิงของการแข่งขันเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 15 ปี 2006 หรือ “โดฮาเกมส์” นั้น ออกแบบด้วยการดีไซน์ที่เน้นความเรียบง่ายแต่สง่างาม มีน้ำหนักเบา โดยลักษณะรูปร่างของตัวคบเพลิงได้แรงบันดาลใจมาจากเขาที่โค้งมนของละมั่งอาหรับหรือ “อาราเบียน โอริกซ์” ซึ่งเป็นสัตว์ประจำชาติของกาตาร์ที่ใกล้จะสูญพันธุ์ ตัวคบเพลิงมีน้ำหนัก 1.5 กิโลกรัม สูง 72 เซนติเมตร โดดเด่นด้วยสีน้ำตาลแดงและสีขาวซึ่งเป็นสีของธงชาติกาตาร์ เป็นสัญลักษณ์ของจิตวิญญาณแห่งการแข่งขันและมิตรภาพที่รวมเป็นหนึ่งเดียวกันทั่วเอเชีย
“The Tide” การผสมผสานของเปลวไฟและสายน้ำ
คบเพลิง “The Tide” มีสีแดงอันเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นศิริมงคลตามความเชื่อของประเทศจีน โดยที่ส่วนบนของตัวคบเพลิงมีการสลักด้วยเทคนิคพิเศษอันเป็นเทคนิคเดียวกับการแกะสลักงาช้างอันละเอียดอ่อนสวยงามของเมืองกว่างโจว โดยลวดลายที่แกะสลักอยู่ที่บริเวณส่วนบนของคบเพลิงนั้นด้านหนึ่งมีลักษณะเป็นเปลวไฟที่ลุกโชนพวยพุ่งสื่อถึงความหลงใหลและมีชีวิตชีวา ส่วนอีกด้านของตัวคบเพลิงนั้นจะถูกแกะสลักเป็นสายน้ำไหลอันเป็นสัญลักษณ์ของจิตวิญญาณของวัฒนธรรมหลิงหนาน เจ้าภาพเลือกใช้เปลวไฟและสายน้ำเป็นลวดลายบนคบเพลิงเพราะมีความเชื่อว่าทั้ง 2 สิ่งนั้นคือแหล่งกำเนิดของทุกอารยธรรมบนโลกใบนี้
ส่วนของกระถางคบเพลิงจะเป็นรูปเกลียวหมายถึงการแพร่กระจายของจิตวิญญาณแห่งเอเชียนเกมส์ ไม่มีการแบ่งแยก เน้นความกลมเกลียวเป็นหนึ่งเดียวกัน สีแดงบนตัวกระถางคบเพลิงนั้นเป็นสีแดงของดอกงิ้วแดงซึ่งเป็นดอกไม้สัญลักษณ์ของเมืองกว่างโจว สื่อถึงพลังและความหลงใหลในชีวิต การตกแต่งภายในตัวคบเพลิงเป็นสีทองของรวงข้าวซึ่งเป็นตัวแทนของเมืองเจ้าภาพกว่างโจวซึ่งรู้จักกันในนามเมืองแห่งรวงข้าว คบเพลิงมีน้ำหนัก 980 กรัม สูง 70 เซนติเมตร วัสดุชั้นในเป็นสแตนเลสส่วนชั้นนอกเป็นอลูมิเนียมอัลลอยด์
นกกระเรียน ท้องฟ้า มหาสมุทร และการเป็นหนึ่งเดียวกันของเอเชีย
คณะกรรมการแข่งขันเอเชียนเกมส์ 2014 หรืออินชอนเกมส์ได้ร่วมมือกับสมาคมออกแบบของเมืองอินชอน โดยมีการนำเสนอแบบคบเพลิงถึง 9 แบบด้วยกันจนสุดท้ายก็ได้คบเพลิงที่ได้แรงบันดาลใจมากจากนกกระเรียน ซึ่งเป็นนกประจำเมืองอย่างเป็นทางการของเมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ กระบอกภายในตัวคบเพลิงจะเป็นสีน้ำเงินซึ่งสื่อความหมายถึงท้องฟ้าและมหาสมุทรของเมืองอินชอน
นอกจากนี้คบเพลิงจะมีอีก 4 สี คือ เขียว เหลือง แดง ม่วง โดยผู้ออกแบบตั้งใจสื่อถึงการเป็นตัวแทนของทั้ง 5 ภูมิภาคของทวีปเอเชีย ได้แก่ เอเชียตะวันออก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียตะวันตกเฉียงใต้ เอเชียกลาง และเอเชียใต้รูปทรงของตัวคบเพลิงมีลักษณะสื่อถึงนกกระเรียนกำลังกางปีกโดยมีสีเทาอ่อนตัดกับตัวกระบอกทั้ง 5 สีอย่างชัดเจน
เรียบง่าย ทันสมัย แรงบันดาลใจจากอาวุธประจำถิ่น
การออกแบบคบเพลิงของเอเชียนเกมส์ 2018 นั้นเน้นความเรียบง่าย ทันสมัยโดยได้รับแรงบันดาลใจจากโกลก (Golok) ซึ่งเป็นอาวุธดั้งเดิมที่มีต้นกำเนิดจากกรุงจาการ์ตาและเมืองปาเล็มบัง ที่มีลักษณะเป็นทรงโค้งสีขาวเงิน โดยแนวคิดการออกแบบอาจไม่ได้มีอะไรที่ซับซ้อนมากนักต่างจากคบเพลิงที่นำเสนอไปก่อนหน้านี้ แต่ไฮไลท์สำคัญกับอยู่ที่พิธีการจุดคบเพลิงที่มี “ซูซี่ ซูซานติ” นักแบดมินตันหญิงเดี่ยวที่สามารถคว้าเหรียญทองการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ที่ได้รับการยกย่องดั่งวีรสตรีของประเทศมาเป็นผู้จุดไฟในกระถางคบเพลิงตอนพิธีเปิดการแข่งขันที่สนามเจโลรา บุง การ์โน สเตเดียม
“เปลวไฟนิรันดร์” สุดยอดคบเพลิงสร้างมูลค่าหางโจวเกมส์
คบเพลิงที่ใช้ในการแข่งขันหางโจวเกมส์มีชื่อว่า “เปลวไฟนิรันดร์” โดยการออกแบบนั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมเหลียงจู่หนึ่งในวัฒนธรรมเก่าแก่ของประเทศจีน ตัวฐานของคบเพลิงจะมีลักษณะเป็นลายนูนโดยมีเส้นสายเพื่อสื่อถึงแม่น้ำสายหลักทั้ง 8 สายในมณฑลเจ้อเจียง ที่เป็นต้นกำเนิดของอารยธรรมจีนโบราณ ส่วนหัวของคบเพลิงจะมีลักษณะเป็นหยกฉง ที่มักจะใช้ประกอบพิธีกรรมสำคัญต่างๆ ในยุคโบราณ
ตัวคบเพลิงสื่อถึงการส่งต่ออารยธรรมจีนจากรุ่นสู่รุ่นจากอดีตมาสู่ปัจจุบันและจะต่อเนื่องไปยังโลกอนาคตอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งคบเพลิงนี้มีความสูงอยู่ที่ 73 เซนติเมตร และน้ำหนักสุทธิ 1,200 กรัม โดยฝ่ายจัดการแข่งขันได้มีการจัดจำหน่ายคบเพลิงจำลองขนาดเล็กให้กับนักสะสมเป็นการสร้างมูลค่าที่แปลกใหม่ของการจัดการแข่งขันมหกรรมกีฬาเอเชียนเกมส์
และนี่คือเรื่องราวของ 5 คบเพลิงเอเชียนเกมส์จากอดีตถึงปัจจุบัน ซึ่งแต่ละครั้งคบเพลิงก็มีออกแบบและพยายามสื่อความหมายเพื่อให้ชาวเอเชียได้รับรู้และรู้จักวัฒนธรรมของทางเจ้าภาพผ่านมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชาวเอเชีย และในครั้งนี้เรามาร่วมลุ้นกันครับว่าพิธีการจุดคบเพลิงในสนามแข่งขันจะเป็นเช่นไร หากพิธีการมีความน่าสนใจก็จะสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับตัวคบเพลิงได้อย่างแน่นอนครับ
TAG ที่เกี่ยวข้อง