ฟุตบอล : มหัศจรรย์ลูกหนัง 1998 และ 2014 เอเชียนเกมส์ที่อยู่ในใจคนไทย

ฟุตบอลคือกีฬายอดฮิตที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก และถูกบรรจุอยู่ในเอเชียนเกมส์มาตั้งแต่เริ่มต้นในปี 1951 แม้จะเป็นกีฬาที่นักเตะไทยยังไปไม่ถึงเหรียญรางวัล แต่ก็มีเรื่องราวให้จดจำทุกครั้งที่พวกเขาลงแข่งขัน 

กีฬาหมายเลข 1 ของโลก

ฟุตบอลเป็นกีฬายอดนิยมมากที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ หลายคนอาจเข้าใจว่าเป็นกีฬาที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอังกฤษ แต่อันที่จริงแล้วถูกคิดค้นและเล่นกันอย่างแพร่หลายมานานกว่านั้นเป็นร้อย ๆ ปี โดยถูกกล่าวถึงครั้งแรกในยุคจีนโบราณ กรีกและโรมัน ซึ่งเป็นกีฬาบางอย่างที่เล่นคล้ายกับฟุตบอล 

ส่วนฟุตบอลในปัจจุบันที่พวกเรารู้จัก มีจุดเริ่มต้นในช่วงศตวรรษที่ 19 เมื่อกะลาสีเรือชาวอังกฤษได้ล่องเรือเผยแพร่กีฬาฟุตบอลให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก จนได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว

ฟุตบอลถูกบรรจุในการแข่งขันเอเชียนเกมส์ครั้งแรกเมื่อปี 1951 ที่ประเทศอินเดียเป็นเจ้าภาพ โดยมีการชิงชัยเพียงอีเวนต์เดียวในประเภททีมชาย ไม่จำกัดอายุนักเตะ ส่วนฟุตบอลหญิงถูกบรรจุเข้าเอเชียนเกมส์ ครั้งแรกปี 1990 ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน

กระทั่งปี 2002 ฟุตบอลชายในเอเชียนเกมส์ได้มีการเปลี่ยนแปลงกฎกติกาเล็กน้อย โดยมีการกำหนดให้ทุกทีมส่งนักเตะได้ 20 คน โดย 17 คนต้องอายุไม่เกิน 23 ปี ส่วนผู้เล่นอีก 3 คนสามารถอายุมากกว่าได้ เพื่อให้สอดคล้องกับกฎการแข่งขันในโอลิมปิกเกมส์ 

อย่างไรก็ตามเนื่องจากเอเชียนเกมส์ 2022 ถูกเลื่อนการแข่งขันออกมา 1 ปี จากสถานการณ์โควิด-19 ระบาด ทำให้ในปีนี้เป็นกรณีพิเศษที่ทุกทีมสามารถใช้นักเตะอายุไม่เกิน 24 ปี หรือต้องเกิดภายในปี 1999 และใช้โควตานักเตะอายุเกินได้ 3 คน

เกาหลีใต้ครองเจ้าลูกหนังเอเชียนเกมส์

ฟุตบอลชายเกาหลีใต้เป็นแชมป์เอเชียนเกมส์มากที่สุดรวม 5 สมัย (1970, 1978, 1986, 2014, 2018) และเป็นแชมป์ 2 ครั้งหลังสุด มีลุ้นทำสถิติเป็นชาติแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์ 3 สมัยติดต่อกัน ตามมาด้วยอิหร่านแชมป์ 4 สมัย โดยเมียนมาเป็นชาติเดียวจากอาเซียนที่เคยคว้าเหรียญทองฟุตบอลเอเชียนเกมส์ โดยทำได้ 2 ครั้งเท่ากับ ไชนีส ไทเป และอินเดีย

ส่วนฟุตบอลหญิง มีเพียง 3 ชาติเท่านั้นที่เคยเป็นแชมป์เอเชียนเกมส์ ได้แก่ จีน ชาติแรกที่คว้าแชมป์ 3 ครั้งติดต่อกัน (1990, 1994, 1998) เท่ากับเกาหลีเหนือ (2002, 2006, 2014) ส่วนอีกทีมคือญี่ปุ่นซึ่งเป็นแชมป์เก่า คว้าแชมป์มาแล้ว 2 สมัย (2010, 2018) ซึ่งในปีนี้หากว่าพวกเธอสามารถป้องกันแชมป์เอาไว้ได้ จะทำให้พลพรรค “นาเดชิโกะ” ครองแชมป์ 3 สมัยเทียบเท่ากับจีนและเกาหลีเหนือ

แข้งไทยผลงานที่สุดอันดับ 4

สำหรับผลงานดีที่สุดของฟุตบอลไทยในเอเชียนเกมส์ คือการคว้าอันดับ 4 ของทีมชายในปี 1990, 1998, 2002 และ 2014 ขณะที่ผลงานล่าสุดในปี 2018 ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย พวกเขาตกรอบแรกจากผลงานเสมอ 2 แพ้ 1 ไม่ชนะใคร จบอันดับ 3 ของกลุ่มบี

ด้านทัพชบาแก้วเข้าร่วมการแข่งขันเอเชียนเกมส์ทั้งหมด 5 ครั้ง ผลงานดีที่สุดคือการจบอันดับ 6 ในปี 2006, 2010 และ 2014 ส่วนผลงานที่จาการ์ตา แข้งสาวไทยพ่ายจีน 0-5 ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย

แมตช์ในความทรงจำลูกยิงผีจับยัดปี 98 และโกลเด้น เจเนอเรชั่น 2014

เหตุการณ์ที่อยู่ในความทรงจำของกองเชียร์ชาวไทยมานานกว่า 20 ปี หนีไม่พ้นลูกยิงฟรีคิกผีจับยัดของ ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล ตำนานทีมชาติไทย ที่ซัดพาทีมดับเกาหลีใต้ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ต่อหน้ากองเชียร์ชาวไทยที่เข้ามาชมกันเต็มราชมังคลากีฬาสถานในเอเชียนเกมส์ 1998 ที่บ้านเราเป็นเจ้าภาพ โดยประตูประวัติศาสตร์ในแมตช์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงต่อเวลาพิเศษ หลังจบ 90 นาทีสกอร์เสมอกัน 1-1 ซึ่งช้างศึกเหลือผู้เล่นเพียง 9 คน ก่อนจะมาได้ฟรีคิกริมเส้นฝั่งซ้ายหลังเริ่มต่อเวลาไปได้เพียง 5 นาที ด้วยกำลังขาที่อ่อนล้าและผู้เล่นที่เหลือน้อยกว่า ทำให้ ธวัชชัย ตัดสินใจยิงเต็มหลังเท้าบอลพุ่งด้วยความแรงเสียบสามเหลี่ยมเสาแรกชนิดที่ผู้รักษาประตูจนปัญญาป้องกัน ด้วยกติกาโกลเด้นโกลลูกยิงลูกนี้ส่งให้ไทยเข้าสู่รอบรองชนะเลิศไปอย่างน่าเหลือเชื่อ ( https://youtu.be/OxfDCy4AUlg?si=sMFkGgY9W4W3_jXA )

ส่วนการคว้าอันดับ 4 ในเอเชียนเกมส์ 2014 เป็นอีกครั้งที่แข้งช้างศึกได้สร้างความประทับใจให้กับแฟนบอล แม้จะไม่มีลูกยิงโลกตะลึงแบบปี 98 แต่ทีมชุดนี้ที่ถูกยกให้เป็น โกลเด้น เจเนอเรชั่น ของวงการฟุตบอลไทย ผู้เล่นแกนหลักของทีมชุดนี้นำทีมโดย ชนาธิป สรงกระสินธ์ กัปตันทีมชาติไทยคนปัจจุบัน, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, สารัช อยู่เย็น, นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม, อดิศักดิ์ ไกรษร, ชาริล ชัปปุยส์, กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ภายใต้การคุมทีมของ ‘ซิโก้’ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ทำให้ทีมชุดนี้มีรูปแบบการเล่นที่สวยงาม ต่อบอลบนพื้นเท้าต่อเท้าอย่างแม่นยำ แกะเพรสซิ่ง ช่วยกันบีบพื้นที่กันอย่างเนียนตา พาทีมเก็บคลีนชีตได้ถึง 5 จาก 6 นัดที่ลงแข่งในทัวร์นาเมนต์นี้ โดยนัดเดียวที่เสียประตูเกิดขึ้นในนัดที่แพ้เกาหลีใต้ 0-2 ในรอบรองชนะเลิศ 

สำหรับผู้เล่นหลายคนในทีมชุดนี้ยังเป็นกลุ่มผู้เล่นคนสำคัญของซิโก้ ในการพาทีมต่อยอดไปต่อกรกับทีมยักษ์ใหญ่ พร้อมกับพาทีมผ่านเข้าถึงรอบ 12 ทีมสุดท้ายในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือกโซนเอเชียอีกด้วย

เปิดสายหางโจวเกมส์ ช้างศึกงานหนักชนแชมป์เก่า - ชบาแก้วลุ้นเข้ารอบน็อกเอาต์

มาถึงเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 จะเปิดฉากฟาดแข้งกันตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน หรือก่อนพิธีเปิดเริ่ม 4 วัน ในส่วนของฟุตบอลชายปีนี้มีทั้งหมด 23 ทีม รูปแบบการแข่งขันในรอบแรก แบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม ๆ ละ 4 ทีม มี 5 กลุ่ม และกลุ่มละ 3 ทีม มี 1 กลุ่ม แข่งขันแบบพบกันหมด โดยนำเอาทีมอันดับ 1 และ 2 ของแต่ละกลุ่ม รวม 12 ทีม และทีมอันดับ 3 ที่ดีที่สุดอีก 4 ทีม ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย 

ทีมชาติไทยรอบแรกถือว่างานหนักไม่น้อย เมื่อผลการจับสลากออกมาอยู่ร่วมกลุ่มอีกับเกาหลีใต้ แชมป์เก่าและแชมป์มากที่สุด 5 สมัย, คูเวต รองแชมป์ 2 สมัย ในปี 1982, 1998 และบาห์เรน 

โดยอิสสระ ศรีทะโร กุนซือทีมชาติไทย ยอมรับว่า “ในกลุ่มของเราก็ค่อนข้างที่จะหนัก แต่ละชาติก็เป็นทีมระดับท็อป และทุกทีมต่างก็มีความแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเกาหลีใต้, คูเวต และ บาห์เรน แต่ก็เป็นสิ่งที่ดีที่สำหรับนักเตะทีมชาติไทย ที่ได้เจอกับคู่ต่อสู้ระดับนี้”

ขณะที่ฟุตบอลหญิง มีทั้งหมด 17 ทีมเข้าร่วมการแข่งขัน ในรอบแรกแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม โดยกลุ่ม เอ, บี และ ซี มีกลุ่มละ 3 ทีม ขณะที่กลุ่ม ดี และ อี มีกลุ่มละ 4 ทีม โดย ผู้แชมป์กลุ่ม 5 ทีมและรองแชมป์ที่มีผลงานดีสุดอีก 3 ทีม จะได้ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย 

ในส่วนของทัพชบาแก้ว อันดับ 44 ของโลก อยู่ร่วมกลุ่มซีร่วมกับ ไชนีส ไทเป ทีมอันดับ 37 ของโลก และอินเดีย อันดับ 60 ของโลก ซึ่งถือว่าไม่ยากและไม่ง่ายงานนี้มีลุ้นถึงการจบแชมป์กลุ่มเลยทีเดียว