stadium

จากเสาเชิดสิงโตสู่ตำนานค้ำถ่อไทย "โอ๊ต" ภาสพงศ์ อ่ำสำอาง

31 กรกฎาคม 2566

จากเด็กเชิดสิงโตผาดโผน ผันตัวสู่การเล่นกีฬา กลายเป็นเจ้าของสถิติการค้ำถ่อประเทศไทย ที่ทำลายสถิติตัวเองมาแล้ว 7 ครั้ง "ภาสพงศ์ อ่ำสำอาง" คือ นักกีฬาค้ำถ่อผู้สร้างตำนานของกรีฑาไทย...นี่คือเรื่องราวจากความสูงของเสาเชิดสิงโต สู่การพิชิตสถิติประเทศไทย

 

 

จากเสาเชิดสิงโตสู่นักกีฬาค้ำถ่อ

 

เพราะได้ย้ายมาโรงเรียนวัดห้วยจรเข้วิทยาคม จังหวัดนครปฐม เพื่อเรียนต่อระดับมัธยม โรงเรียนแห่งนี้ที่มีชื่อเสียงด้านกรีฑา ทำให้โอ๊ต ภาสพงศ์ ซึมซับบรรยากาศด้านกรีฑาในโรงเรียน จนเกิดแรงบันดาลใจให้หันมาสนใจเพราะอยากประสบความสำเร็จแบบรุ่นพี่

 

"ที่โรงเรียนผมส่งเสริมกรีฑามาก มีพี่ที่โรงเรียน 2 คนที่ติดทีมชาติ ตอนแรกผมก็ไปลองวิ่งทางไกล เดินทน ไปซ้อมอยู่ระยะนึง ตอนนั้นผมไปเชิดสิงโตบนเสาด้วย เล่นวูซูด้วย สลับกันทุกวันอยู่ครึ่งเทอม"

 

โอ๊ตเล่าถึงความเป็นนักกิจกรรมของตัวเองตั้งแต่สมัยเด็ก และยังมีกิจกรรมที่ท้าทายความสูงอย่างการเชิดสิงโตบนหัวเสาที่สะท้อนชัดเจนถึงใจรักทางด้านนี้

 

จากตอนนั้นคือชั้นมัธยมปีที่ 1 โอ๊ต ภาสพงษ์ได้เห็นรุ่นพี่คนหนึ่ง คือ "กรีฑา สินธวาชีวะ" อดีตนักกระโดดค้ำถ่อทีมชาติไทยฝึกซ้อมอยู่ทุกวัน จึงไปขอร่วมซ้อมด้วย ในตอนนั้นอาจารย์มีชัย ปานอำพันธุ์ เป็นโค้ชประจำทีม  

 

"ซ้อมอยู่ 2 ปี ยังไม่ได้แข่ง จนขึ้น ม.3 ได้แข่งที่งานเยาวชน ได้อันดับที่ 3 จากนั้นก็ติดเยาวชนทีมชาติ ได้ไปเทสต์ไปแข่งต่างประเทศ แต่พลาดตกลงมาหลังเดาะ"

 

 

ร้องไห้เพราะท้อ แต่ยังสู้ต่อไป

 

เส้นทางสู่การติดทีมชาติชุดใหญ่ของโอ๊ตถือว่าไม่ง่าย หลังบาดเจ็บก็ถูกตำหนิ จนกระทั่ง 3 ปีผ่านไป โอ๊ตได้มาซ้อมที่ธรรมศาสตร์แล้วพบกับโค้ชพงษ์ ว่าที่พ.ต.ต.สมพงษ์ โสมบ้านกวย อดีตทีมชาติไทย ความฝันการติดทีมชาติจึงเริ่มต้นขึ้น

 

"ผมเคยท้อเพราะโดนว่า โดนดูถูก เคยร้องไห้ด้วยซ้ำ แต่ก็คิดว่า เราไม่สามารถกระโดดดีได้ทุกวันก็เลยยังสู้ต่อไป" การได้พบกับโค้ชพงษ์ ทำให้การซ้อมของโอ๊ตเข้มข้นขึ้น เปลี่ยนแปลง และพัฒนาแบบเห็นได้ชัด

 

ในขณะเดียวกัน โอ๊ตก็ยังมีรุ่นพี่ คือ กรีฑา สินธวาชีวะ ไอดอลของโอ๊ต ที่เข้ามาช่วยดูแลและผลักดันด้วย "พี่เขามีส่วนกับการตัดสินใจของผมมาก แกชี้ทาง และสนับสนุนเรา ความกล้า ความคิด เทคนิค และกำลังใจ เมื่อก่อนผมไม่มีรองเท้า พี่เขาก็ยกให้ผม"

 

โอ๊ตบอกว่า ช่วงวัยรุ่นเขาก็เกเรแบบเด็กผู้ชายทั่วไป จนถึงวันนึงซ้อมกระโดดค้ำถ่อมาได้ 6 ปี ก็เกิดคำถามกับตัวเองว่า จะใช้ชีวิตยังไง และคนที่มีส่วนตัดสินใจครั้งสำคัญนี้ก็คือพี่กรีฑา

 

"พี่เขามาขอให้ผมเลิกเกเร เพราะเห็นแวว และเชื่อว่าผมจะทำได้ เขาคือคนที่คอยเตือนสติผม"

 

 

เหรียญเอเชียนเกมส์แห่งประวัติศาสตร์

 

จากวันนั้นโอ๊ตพิสูจน์ตัวเองได้สำเร็จ โดยมีชื่อติดทีมชาติไทย ไปซีเกมส์ ปี 2560 ที่มาเลเซีย การรับใช้ชาติชุดใหญ่ครั้งแรกเขาคว้าเหรียญเงินกลับมาได้ และหลังจากนั้นก็ติดทีมชาติมาต่อเนื่อง  

 

"ตอนนั้นดีใจมาก คิดว่าทำสำเร็จแล้ว ที่ดึงตัวเองมาได้ ดีใจที่เอาดีได้ พิสูจน์ตัวเอง ที่บ้านก็ดีใจมาก แม่ภูมิใจ และให้กำลังใจมาตลอด"  

 

และโอกาสครั้งสำคัญก็มาถึง ด้วยการได้ติดทีมชาติไปแข่งเอเชียนเกมส์ มหกรรมกีฬาของทวีปเอเชีย โอ๊ตสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ทำผลงานสุดยอด กระโดดได้สถิติ 5.50 เมตร  

 

"ตอนนั้นผมยังไม่รู้เลยว่าเอเชียนเกมส์ใหญ่ขนาดไหน พอไปถึงแล้วได้เหรียญถึงรู้ตัวว่างานใหญ่มาก ตอนนั้นได้ทองแดงกลับมา กลายเป็นคนดังเลย เพราะไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนในประวัติศาสตร์ค้ำถ่อไทย"

 

แต่ก็เป็นธรรมดาที่ความสูงเกิน 5 เมตร จะมีอันตรายหรืออุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ซีเกมส์ที่ฟิลิปปินส์เมื่อปี 2562 โอ๊ตก็บาดเจ็บอีกครั้ง เพราะตกจากความสูง 5.50 เมตร ต้องไปรักษานาน 1 ปีเต็ม

 

 

จารึกสถิติประเทศไทย

 

บาดเจ็บครั้งนี้โอ๊ตสะสมความแข็งแกร่งด้านจิตใจไว้มาก ช่วงที่ต้องพักรักษาจึงไม่ได้รู้สึกท้ออีก ตอนนั้นตรงกับการระบาดของโควิดพอดี ไม่มีรายการแข่งขัน เหมือนได้พักเก็บตัวแบบเต็มที่

 

"พอหายกลับมาทำสถิติประเทศไทยได้เลย โดดได้ 5.61 ที่งานชิงแชมป์ประเทศไทยปี 2564 เป็นงานแรกๆ ที่ได้แข่งหลังโควิด" นับตั้งแต่เข้าสู่เส้นทางการกระโดดค้ำถ่อ นี่คือ การทำลายสถิติประเทศไทยครั้งที่ 7 ของตัวเอง

 

และในปีนี้ โอ๊ตจะกลับมาอีกครั้งในเอเชียนเกมส์ ที่หางโจว ประเทศจีน "เก็บตัวดีมาก ซ้อมดี ได้มีแมตช์แข่งเพื่อพัฒนาตัวเอง ต้องฝึกสมาธิด้วย เพราะครั้งนี้รู้แล้วว่าไปสู้กับอะไร"

 

โดยคู่แข่งสำคัญมีทั้ง ฟิลิปปินส์ จีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น เอเชียนเกมส์ครั้งนี้ จะเป็นการพิสูจน์ครั้งสำคัญอีกครั้ง ในช่วงเวลาที่กระแสกรีฑาไทยกำลังมาแรง  

 

"ฝากเชียร์กรีฑาไทยในเอเชียนเกมส์ด้วยครับ และขอบคุณทุกกำลังใจที่ทุกคนมอบให้ผมและนักกรีฑาไทยทุกคน จะทำให้เต็มที่ที่สุด และดีใจที่กีฬาค้ำถ่อเป็นที่รู้จักมากขึ้น ต้องขอบคุณทุกคน และทีมงานทุกคน"


stadium

author

ทีมงานเพจนักวิ่งมีหนวด

เพจเรื่องวิ่งที่แอดมินมีหนวด ทำข่าววิ่ง ชอบป้ายยา ขิงรองเท้าเสื้อผ้าวิ่ง