4 กุมภาพันธ์ 2568
หลายท่านอาจคุ้นเคยกับ "หญิง" กัญญา ไรวินท์ ในบทบาทของนักแสดงและพิธีกรมากความสามารถ แต่ที่จริงแล้ว เบื้องหลังความสำเร็จในวงการบันเทิง เธอเป็นคนที่มีความรักในกีฬาอย่างลึกซึ้ง ล่าสุด "หญิง" ได้ค้นพบความหลงใหลใหม่ในกีฬา "เคิร์ลลิ่ง" กีฬาน้ำแข็งที่กำลังได้รับความสนใจในประเทศไทย
จากความสนใจธรรมดา สู่การเป็นนักกีฬาเคิร์ลลิ่งทีมชาติไทยในครั้งแรก และตอนนี้เธอกำลังเตรียมตัวสร้างประวัติศาสตร์ในมหกรรม Asian Winter Games Harbin 2025 ที่ประเทศจีน บทสัมภาษณ์นี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับตัวตน ความทุ่มเท และแรงบันดาลใจที่ผลักดัน "หญิง" ไปสู่ความฝันที่ไม่หยุดยั้ง ติดตามเรื่องราวที่อาจเปลี่ยนมุมมองของคุณเกี่ยวกับเธอได้ที่นี่
ความท้าทายในสนามน้ำแข็ง
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา "หญิง" ใช้เวลาออกกำลังกายเพื่อความสวยงามและดูแลสุขภาพเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการฟิตเนสหรือวิ่งมาราธอนที่เธอชื่นชอบ แต่จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อวันหนึ่งเธอเห็นประกาศรับสมัครนักกีฬาเคิร์ลลิ่ง กีฬาที่เธอเคยเห็นผ่านหน้าจอโทรทัศน์และรู้สึกประทับใจในความน่าสนใจของมันทันที
“ตื่นเต้นมากตั้งแต่วันที่เห็นประกาศรับสมัคร แล้วพอได้มาลองเล่นจริงๆ รู้สึกสนุกและก็ท้าทายความสามารถ เพราะว่าจริงๆ แล้วเคิร์ลลิ่งไม่ใช่แค่ใช้พละกำลัง หรือว่าความแข็งแกร่งอย่างเดียว ต้องใช้ทักษะทางด้านความคิด บาลานซ์ รวมถึงทีมเวิร์คที่ดีด้วย”
หญิงย้อนความทรงจำแรกที่มีต่อเคิร์ลลิ่งไว้ว่า “ยังจำวันที่ได้ใส่รองเท้าลงพื้นสนามได้อยู่เลยค่ะ เราเหมือนเด็กอนุบาล เรียกว่าตั้งไข่กันมาเลย เอาแค่จังหวะออกตัวถีบขา เพื่อที่จะไปจุดตรงกลาง เรายังทำไปไม่ถึงไหนเลย มาย้อนดูคลิปเก่าๆ เรียกว่า เก้ๆ กังๆ แต่พอหลังจากได้ลองเล่นบ่อยๆ ตอนนี้เริ่มมีคนชมว่า ท่าสวยแล้วนะ โอเคขึ้นมากเลย ดูมีแววเหมือนนักกีฬา แค่เนี่ยเรารู้สึกดีใจแล้ว ผลลัพธ์เป็นยังไง เดี๋ยวเรามาว่ากันอีกที ฮ่าๆ”
เธอยังเล่าเสริมถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นในช่วงแรกว่า “ตอนแรกที่คิดมาจากบ้านคือ มันต้องยากแน่ๆ แล้วสุดท้ายก็ยากจริงค่ะ เพราะพื้นน้ำแข็งมันลื่นมาก การทรงตัวเลยเป็นสิ่งที่ต้องใช้เยอะมาก ตอนแรกก็คิดว่ารองเท้าเคิร์ลลิ่งจะเป็นหนังธรรมดา แต่พอได้ลองจริงถึงรู้ว่าต่อให้มี ‘กริปเปอร์’ อยู่ข้างหนึ่งก็ยังต้องระวังสุดๆ บอกเลยว่าล้มกันมาหมดแล้วค่ะ ต้องทายาหม่องกันเป็นแถว แต่พวกเราก็ใจรัก สู้กันต่อ และพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน”
จากจุดเริ่มต้นที่ไม่ง่าย ก้าวเล็กๆ ของหญิงในสนามน้ำแข็งกำลังเติบโตอย่างมั่นคง และกลายเป็นเส้นทางใหม่ที่ท้าทายที่สุดในชีวิตของเธอ
จากฝันที่ไกลเกินเอื้อม สู่การติดทีมชาติครั้งแรก
ใครจะไปคิดว่าจู่ๆ วันหนึ่งจะก้าวมาเป็นนักกีฬาเคิร์ลลิ่งทีมชาติไทยได้ ความรู้สึกที่แปลกใหม่อย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนในชีวิต จากคนที่เคยรู้จักกีฬาเคิร์ลลิ่งเพียงผ่านหน้าจอโทรทัศน์ สู่การได้ลงสนามจริงในฐานะตัวแทนทีมชาติ สิ่งที่ไม่เคยคาดฝันมาก่อน กลับกลายเป็นความท้าทายครั้งสำคัญที่เปลี่ยนชีวิตเธอไปอย่างสิ้นเชิง
“วันที่รู้ว่าเราจะได้ติดธงติดที่หน้าอกเป็นครั้งแรก ก็รู้สึกดีใจมากๆ และก็ตื่นเต้น เพราะอายุเราก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว ฮ่าๆ" หญิงเล่าไปพร้อมกับรอยยิ้ม "ก็ยังเคยคุยกันอยู่เลยว่า คนที่จะเป็นนักกีฬาทีมชาติได้ ต้องเสียสละอะไรมากมาย ทั้งเวลา กำลังแรงกาย กำลังทรัพย์ ทุกๆ อย่างมันต้องลงตัวและเต็มที่จริงๆ ถึงจะเดินทางมาถึงจุดนี้ได้"
"มันเลยทำให้รู้สึกว่า นี่เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจในชีวิตที่เราได้มีโอกาสมายืนตรงจุดนี้ และเพราะธงชาติติดอยู่ตรงหน้าอกครั้งนี้ เราก็ต้องทุ่มเทให้สมกับสิ่งที่ได้รับมา ไม่ใช่แค่เพื่อเราเอง แต่เพื่อคนไทยทุกคนที่เชื่อมั่นในตัวเรา"
จากความฝันที่แทบไม่เคยอยู่ในหัวใจ กลายมาเป็นภารกิจที่เธอพร้อมจะทุ่มเทสุดกำลัง เรื่องราวจุดเริ่มต้นและการเดินทางที่เปี่ยมด้วยความพยายามและความท้าทายของ "หญิง" กำลังจะถูกถ่ายทอดผ่านกีฬาชนิดนี้อย่างเต็มอารมณ์
สองสิ่ง สองสไตล์ ที่เติมเต็มชีวิต
จากที่เคยวิ่งมาราธอนกลางแดดร้อนระอุ หรือฝ่าสายฝนโปรยปรายในอากาศชื้นอบ ชีวิตของ "หญิง" กัญญา ไรวินท์ กลับพลิกผันอย่างสิ้นเชิงเมื่อเธอได้ก้าวเข้าสู่โลกของกีฬาเคิร์ลลิ่ง กีฬาที่ต้องเล่นบนลานน้ำแข็งอันเย็นจัด
“ตอนนี้หญิงคิดกับตัวเองว่า ไม่น่าเชื่อเลยนะ เรากำลังเล่นเคิร์ลลิ่งอยู่ในอากาศเย็นๆ เกือบติดลบในห้องแอร์ มันสบายมากจนบางทีรู้สึกว่าไม่น่าจะเหนื่อย แต่เอาเข้าจริงๆ ฮาร์ทเรทพุ่งขึ้นสูงมาก บางครั้งถึง 130-140 เลย เพราะตอนที่ต้องไถหรือขัดน้ำแข็งใช้แรงเยอะมาก ความสนุกมันอยู่ตรงนี้เลยค่ะ สาวๆ ไม่ต้องกลัวดำจากการตากแดด แต่ขอบอกว่า ความเหนื่อยนั้นไม่ต่างกันแน่นอน”
หลายคนคุ้นเคยกับ "หญิง" ในฐานะนักแสดงและพิธีกรมากความสามารถ แต่สิ่งที่อาจไม่เป็นที่รู้กันก็คือ ความรักที่เธอมีต่อกีฬาและการออกกำลังกาย ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงกิจกรรมยามว่าง แต่คือสิ่งที่เธอหลงใหลและให้ความสำคัญไม่แพ้การทำงานในวงการบันเทิง
“สองสิ่งที่เหมือนกันระหว่างการเป็นนักแสดงกับการเป็นนักกีฬา คือวินัยและการตรงต่อเวลา สิ่งเหล่านี้คือหัวใจสำคัญ แต่สิ่งที่ต่างกันอย่างชัดเจนคือทักษะค่ะ การแสดง เราได้บทมาแล้วถ่ายทอดออกไปตามสไตล์ของเราเอง แต่การเล่นกีฬา มันมีรูปแบบและเทคนิคที่ต้องทำตาม เช่น การเคลื่อนไหวหรือการใช้ร่างกายที่ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม วินัยและการตรงต่อเวลาคือสิ่งที่ขาดไม่ได้ในทั้งสองบทบาทนี้ค่ะ”
เปิดประตูสู่ “Asian Winter Games”
นักกีฬาเคิร์ลลิ่งทีมชาติไทยกลุ่มนี้ไม่ได้เป็นเพียงผู้เข้าแข่งขันในสนามน้ำแข็ง แต่ยังเป็นตัวแทนของบทเริ่มต้นใหม่ในวงการกีฬาไทย พวกเขาคือกลุ่มแรกที่ก้าวลงสนามในการแข่งขันมหกรรมเอเชียนเกมส์ฤดูหนาว สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับประเทศไทยในกีฬาประเภทนี้ ความท้าทายของพวกเขาไม่ได้มีเพียงแค่การพิสูจน์ฝีมือในสนาม แต่ยังรวมถึงการเปิดประตูบานใหม่ให้คนไทยได้รู้จักและสัมผัสเสน่ห์ของเคิร์ลลิ่ง กีฬาที่เคยเป็นเรื่องไกลตัวในประเทศที่แสงแดดเจิดจ้าตลอดทั้งปี
“การได้ไปแข่งขันเอเชียนเกมส์ฤดูหนาวในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับพวกเรา จากการแข่งขันในประเทศไทยสู่สนามใหญ่ระดับเอเชีย ความตั้งใจของเราคือการทำให้ดีที่สุด แม้เราจะยังไม่ได้คาดหวังถึงเหรียญรางวัลในครั้งแรก แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการได้พาธงชาติไทยไปปักไว้ในสนามน้ำแข็งระดับนานาชาติ ให้ทุกคนได้เห็นว่า แม้ประเทศไทยไม่มีฤดูหนาว แต่เราก็สามารถสร้างนักกีฬาในกีฬาวินเทอร์สปอร์ตได้เช่นกัน”
“ในตอนนี้เราอาจยังไม่สามารถเทียบชั้นกับทีมระดับท็อปของเอเชียได้ แต่ใครจะไปรู้ อีก 10 ปีข้างหน้า ประเทศไทยอาจมีนักกีฬาเคิร์ลลิ่งที่แข็งแกร่งและโดดเด่นในระดับโลกก็เป็นได้ เป้าหมายในวันนี้คือการเริ่มต้น สร้างแรงบันดาลใจ และวางรากฐานที่มั่นคงให้กับรุ่นต่อไปค่ะ”
ก้าวแรกของพวกเขาคือจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยพลังแห่งความฝันและความมุ่งมั่น และแม้เส้นทางนี้อาจจะอีกยาวไกล แต่ความกล้าที่จะลงมือทำคือสิ่งที่จะผลักดันให้กีฬานี้เติบโตอย่างมั่นคงในประเทศไทย พวกเขาคือรุ่นบุกเบิก ที่พร้อมจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนไทยในวันนี้และวันข้างหน้า
TAG ที่เกี่ยวข้อง