5 เรื่องน่ารู้ ก่อนเชียร์ไทยกีฬาเอเชียนเกมส์ ฤดูหนาว 2025

นับถอยหลังเหลือไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ มหกรรมกีฬาเอเชียนเกมส์ ฤดูหนาว ครั้งที่ 9 “ฮาร์บิน 2025” ก็จะเปิดฉากขึ้นแล้ว โดยจะแข่งขันระหว่างวันที่ 5-14 กุมภาพันธ์นี้ ที่เมืองฮาร์บิน ประเทศจีน 

ถือเป็นครั้งที่ 2 แล้วของเมืองฮาร์บิน กับการทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันต่อจากปี 1996 ซึ่งในครั้งนี้เจ้าภาพกำหนดชิงชัยทั้งหมด 64 อีเว้นท์ใน 11 ชนิดกีฬา ในส่วนของนักกีฬาไทยได้ส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันด้วยเช่นกัน รายละเอียดจะเป็นอย่างไร มีเรื่องราวอะไรบ้างที่สนใจ ติดตามพร้อมกันได้ที่นี่

ไทยเข้าร่วมครั้งแรก “อาโอโมริ 2003” ประเทศญี่ปุ่น

เปิดตัวในเอเชียนเกมส์ฤดูหนาวหนแรกเมื่อปี 2003 ด้วย 2 ชนิดกีฬาอย่างฮอกกี้น้ำแข็งกับฟิกเกอร์สเก็ต โดยฮอกกี้น้ำแข็งทำผลงานดีสุดคือการจบอันดับ 5 จากทั้งหมด 6 ชาติในประเภททีมชาย ด้วยสถิติ ชนะ 1 แพ้ 2 โดยในรอบแบ่งกลุ่มพ่ายให้กับของแข็งอย่างญี่ปุ่นเจ้าของเหรียญทอง และ จีน เหรียญทองแดงในปีนั้น 

ก่อนจะมาแก้มือเอาชนะมองโกเลียในรอบจัดอันดับคว้าที่ 5 ไปครอง ส่วนฟิกเกอร์สเก็ตส่งนักกีฬาเข้าร่วมทั้งหมด 4 คน ผลงานรั้งท้ายทั้งในประเภทชายเดี่ยว และ หญิงเดี่ยวทั้งหมด อย่างไรก็ตามถือเป็นก้าวแรกสู่เวทีระดับทวีปที่น่าพอใจแล้วสำหรับประเทศจากเขตร้อน

ไทยยกทัพเฉียดร้อยชีวิตมากสุดในประวัติศาสตร์

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีความพยายามผลักดัน และ ส่งเสริมกีฬาฤดูหนาวเพิ่มมาก ดูได้จากจำนวนในการส่งนักกีฬาเข้าร่วมทัวร์นาเม้นท์ต่างๆเพิ่มมากขึ้นทั้ง โอลิมปิกฤดูหนาว, ยูธโอลิมปิก ฤดูหนาว รวมถึงเอเชียนเกมส์ฤดูหนาวในหนนี้ด้วย ซึ่งประเทศไทยส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขัน 4 ชนิดกีฬา 99 คน ซึ่งเป็นตัวเลขสูงที่สุดนับตั้งแต่เข้าร่วมการแข่งขันเมื่อปี 2003 และมากกว่าปี 2017 ที่ส่งเข้าร่วม 55 คนมากที่สุดจากทั้งหมดก่อนหน้านี้

สำหรับ 4 ชนิดกีฬา แบ่งออกเป็น ฟิกเกอร์สเก็ต 16 คน, สกีและสโนว์บอร์ด 25 คน, ฮอกกี้น้ำแข็ง 46 คน และเคิร์ลลิ่ง 12 คน

เคิร์ลลิ่งไทย ประเดิมเอเชียนวินเทอร์หนแรก

8 ปีก่อน ที่เมืองซัปโปโร และโอะบิฮิโระ ประเทศญี่ปุ่น ไทยส่ง 3 ชนิดกีฬา คือ ฮอกกี้น้ำแข็ง, สกี และฟิกเกอร์สเก็ต โดยหนนี้เคิร์ลลิ่งจะเข้าร่วมเป็นครั้งแรก ทำให้ฮาร์บินเกมส์จะกลายเป็นเอเชียนเกมส์ฤดูหนาวครั้งแรกที่ประเทศไทยส่งนักกีฬาเข้าร่วมมากถึง 4 ชนิดกีฬา

สำหรับเคิร์ลลิ่งเพิ่งจะจดทะเบียนเป็นสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยและเข้าร่วมเป็นสมาชิกของเวิลด์เคิร์ลลิ่งไปเมื่อปี 2022 เท่านั้น และยังเป็นการเข้าร่วมทัวร์นาเม้นท์ในระดับมหกรรมกีฬาเป็นครั้งแรกของพวกเขาอีกด้วย ผลงานที่ผ่านมายังอยู่ในขั้นตอนของเฟ้นหานักกีฬาที่มีความสามารถ จากนี้จะเป็นประสบการณ์อันยอดเยี่ยมของพวกเขาทุกคนที่จะได้รับเพื่อนำไปต่อยอดสู่การสร้าง และ พัฒนาต่อไปในอนาคต

ฮีโร่โอลิมปิกฤดูร้อนสู่กีฬาฤดูหนาว

เว้นวรรคจากช่วงปิดซีซั่น ‘เล็ก’ ชนาธิป ซ้อนขำ อดีตนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย เจ้าของเหรียญทองแดงโอลิมปิก 2012 ซึ่งปัจจุบันก็เป็นหนึ่งในทีมงานผู้ฝึกสอนของเทควันโดทีมชาติไทย ได้ใช้เวลาว่างเพื่อเปิดประสบการณ์ไปกับความความท้าทายใหม่ ๆ ด้วยการเล่นกีฬาเคิร์ลลิ่ง พร้อมกับมีชื่อเป็นหนึ่งในทัพนักกีฬาทีมชาติไทยไปลุยฮาร์บิน 2025 ในครั้งนี้ด้วย

ผลงานของ ‘เล็ก’ ชนาธิป ในสมัยยังเป็นนักกีฬาเทควันโด นอกจากความสำเร็จในเวทีโอลิมปิกแล้ว ยังเคยคว้าแชมป์โลกเมื่อปี 2013 รวมถึงเหรียญทองเอเชียนเกมส์ ฤดูร้อนปี 2014 ที่อินชอน เกาหลีใต้อีกด้วย กล่าวได้ว่าความสามารถทางด้านกีฬาของเธอนั้นไม่เป็นสองรองใครจริง ๆ ซึ่งน่าติดตามมาก ๆ ว่า เธอจะทำผลงานในกีฬาฤดูหนาวครั้งแรกในชีวิตได้ดีขนาดไหน ถ้าเกิดมีเหรียญรางวัลติดมือกลับมาได้ด้วย ประวัติศาสตร์หน้าใหม่จะถูกบันทึกขึ้นอีกมากมายเลยทีเดียว

ดาวเด่น

นอกจาก ชนาธิป ซ้อนขำ ฮีโร่โอลิมปิกและเอเชียนเกมส์ฤดูร้อนกันแล้ว ฝั่งกีฬาฤดูหนาวก็มีดาวเด่นที่เป็นรู้จักของคอกีฬาไทยอยู่บ้าง “น้ำตาล” วิลาสินี รัตนนัย จากกีฬาฮอกกี้น้ำแข็ง เจ้าของฉายา "เจ้าหญิงแห่งวงการไอซ์ ฮอกกี้" ซึ่งเธอโลดแล่นอยู่ในบนลานน้ำแข็งมานานกว่า 10 ปีแล้ว แต่ในระยะหลังเจ้าตัวได้เบนเข็มเข้าสู่วงการบันเทิงกับบทบาทนักแสดงซึ่งมีผลงานอยู่บนจอแก้วออกมาให้เราได้เห็นกันเป็นระยะ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบทบาทที่เธอผลิตผลงานคุณภาพออกมาไม่แพ้การเล่นกีฬา 

อย่างไรก็ตามแม้จะก้าวเข้าสู่อยู่ในวงบันเทิงแล้ว แต่เธอก็ไม่ได้ทิ้งการเล่นกีฬา ยังคงแบ่งเวลาให้กับการฝึกซ้อมควบทั้งการสอนฮอกกี้น้ำแข็ง ซึ่งเอเชียนเกมส์ฤดูหนาวครั้งนี้เธอก็มีชื่อติดทีมชาติไทยเข้าร่วมด้วยเช่นกัน

ส่วนอีกคนได้แก่ มรรค จันเหลือง อดีตนักกีฬาเยาวชนทีมชาติอิตาลี ซึ่งเปิดตัวเป็นนักกีฬาทีมชาติไทยครั้งแรกเมื่อปี 2016 ปัจจุบันเป็นนักกีฬาไทยเพียงหนึ่งเดียวในทีมชุดนี้ที่เคยสัมผัสประสบการณ์อันยิ่งใหญ่ในระดับเอเชียนเกมส์ฤดูหนาว 2017 และโอลิมปิกเกมส์ฤดูหนาว 2018 

สกีหนุ่มลูกครึ่งไทย-อิตาลี วัย 29 ปีซึ่งมีพ่อเป็นชาวจังหวัดยโสธร ถือเป็นขาประจำและกลายเป็นหนึ่งในนักกีฬามากประสบการณ์ของทีมชุดนี้ไปแล้ว โดยเจ้าตัวจะลงแข่งขัน ฮาร์บินเกมส์ ทั้งหมด 2 อีเว้นท์ 

สกีครอสคันทรีและทวิกีฬา มาร่วมกันลุ้นและเอาใจช่วย มรรค จันเหลือง รวมถึงนักกีฬาไทยทุกคนให้ทำผลงานอย่างเต็มที่ เพื่อให้ทั่วโลกได้เห็นว่านักกีฬาจากเขตร้อนก็เล่นกีฬาฤดูหนาวได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้ใคร