31 ตุลาคม 2566
“ถ้าฉันเลิกแข่งลูกฉันตาย” นี่คือเศษเสี้ยวดราม่าชีวิตเล็ก ๆ ของ อ็อคซาน่า ชูโซวิติน่า นักยิมนาสติกสาวจาก อุซเบกิสถาน ที่ชีวิตการเล่นยิมนาสติกของเธอเป็นยิ่งกว่านิยาย กับโอลิมปิก 8 สมัย และกว่า 30 ปีในการแข่งขันระดับสูงให้กับ 3 ชาติ เธออาจไม่ใช่นักยิมนาสติกที่เก่งที่สุดในโลก แต่เส้นทางชีวิตนักกีฬาของเธอน่าสนใจไม่แพ้ใครแน่นอน
สหภาพโซเวียต จุดเริ่มต้นแห่งตำนาน
อ็อคซาน่า ชูโซวิติน่า เกิดที่ประเทศ อุซเบกิสถาน ที่ตอนนั้นยังเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต เธอเริ่มหัดเล่นยิมนาสติกตั้งแต่ 8 ขวบ ก่อนทะลุขึ้นไปเป็นแชมป์เยาวชนแห่งชาติของสหภาพโซเวียตในปี 1988 ตอนที่เธอมีอายุเพียง 13 ปี หลังจากนั้นเธอได้ก้าวขึ้นมาเป็นสมาชิกคนสำคัญในทีมชาติชุดใหญ่ของสหภาพโซเวียตปีถัดมาทันที ก่อนพาทีมคว้าแชมป์สำคัญหลายรายการ และในปี 1991 ด้วยวัยเพียง 16 ปี เธอก็ประสบความสำเร็จด้วยการเป็นแชมป์โลกยิมนาสติกประเภททีม และยังเป็นแชมป์โลกในท่า ฟลอร์เอ็กเซอร์ไซส์ อีกหนึ่งท่าด้วย แต่นั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นในการเป็นนักยิมนาสติกอันแสนยาวนานกว่า 30 ปีของเธอ ซึ่งมันนานมากขนาดที่คนถึงกับแซวกันว่า ในวันที่เธอคว้าแชมป์โลกครั้งแรกนั้น คู่แข่งส่วนใหญ่ของเธอในปัจจุบัน ยังไม่ทันเกิดกันเลยด้วยซ้ำไป
CIS และ Unified Team ที่พักพิงชั่วคราว
หลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียตในช่วงปี 1991 อ็อคซาน่า ชูโซวิติน่า ต้องลงแข่งในนามทีม CIS และUnified Team เป็นเวลาชั่วคราวราว 1-2 ปี โดยทั้ง 2 ทีมก่อตั้งมาเพื่อรองรับนักกีฬาในกลุ่มประเทศที่แตกออกมาจากสหภาพโซเวียต ถึงสีเสื้อจะเปลี่ยนไปแต่ความยอดเยี่ยมของเธอยังคงอยู่ โดยเธอคว้าเหรียญทองแดงในศึกชิงแชมป์โลกปี 1992 ในอุปกรณ์ม้ากระโดด ร่วมกับทีม CIS และในโอลิมปิก เกมส์ที่ บาร์เซโลน่า ในปีเดียวกันนั้นเอง เธอสร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญทองโอลิมปิก ในการแข่งขันยิมนาสติกประเภททีม ร่วมกับ Unified Team ได้สำเร็จ
กลับสู่บ้านเกิด อุซเบกิสถาน
ในปี 1993 อ็อคซาน่า ชูโซวิติน่า ก็ได้กลับสู่อ้อมอกประเทศแม่อย่าง อุซเบกิสถาน ถึงแม้ว่าอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ศูนย์ฝึกยิมนาสติกในอุซเบกิสถาน จะมีมาตรฐานต่ำกว่าในสหภาพโซเวียตที่เธอเคยฝึกซ้อมอยู่มากก็ตามที แต่ตัวเธอก็ยังรักษามาตรฐานการเล่นในระดับโลกเอาไว้ได้ โดยช่วงปี 1993-2006 เธอยกระดับทีมชาติอุซเบกิสถานให้เป็นหนึ่งชาติมหาอำนาจด้านยิมนาสติกของทวีปเอเชีย โดยเธอเข้าแข่งเอเชี่ยนเกมส์ 3 ครั้ง และคว้าไปถึง 2 เหรียญทองจาก ม้ากระโดด และฟลอร์เอ็กเซอร์ไซส์ โดยในระหว่างนั้นเธอยังควอลิฟาย ผ่านเข้าไปแข่งโอลิมปิกอีก 3 ครั้งในปี 1996, 2000 และ 2004 และอีกหนึ่งสิ่งที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นกับชีวิตเธอก็คือ การได้พบกับคนรักอย่าง บาร์โคเดีย เคอบานอฟ นักมวยปล้ำทีมชาติอุซเบกิสถาน ซึ่งทั้ง 2 แต่งงานกันในปี 1997 และให้กำเนิดลูกชาย อลิสเชอร์ ในปี 1999 ซึ่งเจ้าหนูอลิสเชอร์นี่แหละที่ทำให้ชีวิตนักยิมนาสติกของเธอต้องเดินทางไกลอีกครั้ง
เล่นให้เยอรมนี เพื่อช่วยชีวิตลูกชาย
ในปี 2002 หนูน้อยอลิชเชอร์ล้มป่วยเป็นโรคลูคีเมีย แน่นอนผู้เป็นแม่อย่าง อ็อคซาน่า ชูโซวิติน่า ต้องหาวิธีรักษาลูกชายอย่างสุดความสามารถ หลังจาก อุซเบกิสถาน และรัสเซีย ไม่สามารถให้การรักษาได้ดีพอ ก่อนเธอจะได้รับการช่วยเหลือจาก ปีเตอร์ บรุกแมน เฮดโค้ชของทีม โตโยต้า โคโลญจน์ คลับ โดยมีข้อแม้ว่าเธอต้องลงแข่งให้ทีมชาติเยอรมนี ซึ่งสำหรับผู้เป็นแม่แล้วชีวิตลูกต้องมาก่อนอย่างไม่ต้องสงสัย อย่างไรก็ตาม ชูโซวิติน่า ต้องรอถึง 3 ปีจึงจะได้โอนย้ายมาเล่นให้กับเยอรมันตามกฎในปี 2006 โดยในช่วงนั้นเธอต้องลงแข่งในระดับสโมสรเพื่อนำเงินรางวัลจากการลงแข่งขัน และเงินช่วยเหลือจากครอบครัว บรุกแมน รวมถึงเงินบริจาคจากกลุ่มสมาชิกยิมนาสติกนานาชาติ มาใช้ในการรักษาลูก ถึงขนาดที่เธอสัมภาษณ์กับสื่อต่าง ๆ เลยว่า ถ้าเธอเลิกเล่นวันนี้เท่ากับลูกเธอต้องตายไปด้วยเลยทีเดียว และเธอตอบแทนประเทศเยอรมันที่ช่วยรักษาชีวิตลูกชายเธอด้วย เหรียญเงินโอลิมปิกในปี 2008 ที่ปักกิ่ง จากม้ากระโดดอุปกรณ์ถนัด และยังเข้าร่วม ลอนดอน โอลิมปิก เกมส์ในปี 2012 ร่วมกับทีมชาติเยอรมนี ซึ่งนั่นนับเป็นโอลิมปิก เกมส์ สมัยที่ 6 ในชีวิตของเธอเข้าไปแล้ว
ขอกลับมาคว้าเหรียญโอลิมปิกให้บ้านเกิด
ถึงแม้ว่า อ็อคซาน่า ชูโซวิติน่า จะประสบความสำเร็จอย่างมากมายในวงการยิมนาสติก แต่สิ่งหนึ่งที่ติดอยู่ในใจเสมอก็คือ เธอยังไม่เคยคว้าเหรียญโอลิมปิกให้กับประเทศบ้านเกิดอย่างอุซเบกิสถานได้เลย โดยการได้เหรียญโอลิมปิกของเธอได้ร่วมกับ Unified Team และทีมชาติเยอรมนี ทำให้เธอตัดสินใจ ย้ายกลับมาเล่นให้กับบ้านเกิดอีกครั้ง กลับมารอบนี้ถึงอายุจะเยอะขึ้น แต่เธอก็ยังสามารถพาบ้านเกิดคว้าเหรียญเงินในเอเชี่ยนเกมส์ 2 สมัยในปี 2014 และ2018 จากม้ากระโดด และยังเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิก เกมส์ 2016 ที่นครริโอ เดอ จาเนโร เป็นสมัยที่ 7 สร้างสถิติเป็นนักยิมนาสติกที่เข้าร่วมโอลิมปิกมากที่สุด และยังเป็นนักยิมนาสติกที่อายุมากที่สุดที่ 41 ปี กับ 2 เดือน ที่เข้าแข่งโอลิมปิก เกมส์ ขณะที่ใน โตเกียว เกมส์ 2020 ชูโซวิติน่า ก็ยังคว้าตั๋วเพื่อลงแข่งโอลิมปิกสมัยที่ 8 ของตัวเองได้สำเร็จ ซึ่งแม้จะไม่สามารถคว้าเหรียญใด ๆ มาครอง แต่ด้วยวัย 46 ปี เธอก็ยังสามารถลงแข่งกับนักกีฬารุ่นหลานได้อย่างน่าชื่นชม
TAG ที่เกี่ยวข้อง